สานเยื่อใยไมตรี ด้วยการมีมนุษยสัมพันธ์


“จงปฏิบัติต่อผู้อื่นให้เหมือนกับการที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา”

เริ่มแรกการทำงานในสายงานบริการ ดิฉันเป็นคนชอบอยู่เงียบๆคนเดียว ซึ่งเมื่อมาทำงานเป็นพยาบาล เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้บุคลิกเช่นนั้นขณะปฏิบัติหน้าที่ แรกๆจึงมีความคิดว่า อะไรกันนี่ ทำไมชั้นต้องมาทำงานแบบนี้ ต้องเอาใจคนรอบข้าง วุ่นวายไปซะหมดทุกเรื่อง แต่ความคิดนี้ ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดิฉันดีขึ้น กลับพบกับปัญหาที่ไม่ควรจะเกิด เพราะอารมณ์ และความคิดทางลบ ที่เกิดจากตัวดิฉันเองเพียงเท่านั้นเมื่อเวลาผ่านไป ดิฉันได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตมากขึ้น ได้พูดคุยกับคนมากขึ้น มีคำแนะนำดีดี(จากคนที่รักและหวังดีกับเรา) และศึกษาหนังสือเกี่ยวกับ ความฉลาดทางอารมณ์ หลายๆเล่ม บวกๆกันกับการประยุกต์นำไปใช้ ทำให้ดิฉัน มีความสุขในชีวิตและการทำงานมากขึ้น จึงอยากยกบทความส่วนหนึ่งในหนังสือที่ได้อ่าน มาเล่าให้ฟัง เผื่อนำไปใช้แล้ว องค์กรเราจะเกิดการพัฒนา พร้อมๆด้วยความสุขของทุกคนนะค่ะ                 จงปฏิบัติต่อผู้อื่นให้เหมือนกับการที่ท่านต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา นี่คือกฎทองของการสร้างมิตรภาพกับบุคคลอื่น (ส่วนตัวดิฉันเชื่อว่า หากทำดีแล้วจะต้องได้รับผลดีตอบสนองเสมอ หากทำชั่วผลกรรมแห่งความชั่วจะหวนกลับมาสู่คุณไม่วันใดก็วันหนึ่ง)                ในช่วงแรกๆ ในการนำหลักการอันนี้ไปใช้ คุณอาจจะไม่คุ้นเคยกับพฤติกรรมของตัวเองที่เปลี่ยนไปมากนัก แต่ต้องอดทนอดกลั้นกับสิ่งกระทบทั้งมวล จับแนวทางให้มั่นคง นิสัยการสร้างมิตรไมตรีกับคนอื่นจะเป็นไปด้วยดีเอง เช่น เจ้านายบางคนถือว่าตัวเองมีอำนาจมีบารมี ชอบกดขี่ลูกน้องอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสกับลูกน้อง ประเมินค่าลูกน้องต่ำเกินไป ต่อมา ได้ลดความเขื่องต่างๆของตัวเองลง หันมาพูดจาสุภาพเรียบร้อยเป็นกันเองและยอมรับฟังความคิดเห็นของลูกน้อง มีความสัมพันธ์เป็นอันดีต่อเพื่อนร่วมงานคนอื่น ทำให้ลูกน้องอยากทำงานด้วย บารมีก็แผ่ขยายออกไป นี่คือผลแห่งความดีที่ย้อนกลับมาสู่ผู้กระทำในรูปของความสุขและทรัพย์สินเงินทอง รวมถึงตำแหน่งหน้าที่การงานก็ยิ่งรุ่งโรจน์ขึ้นไป เพราะมีคนรอบข้างให้ความสนับสนุน                เรามาดูซิว่าการทำตัวให้คนอื่นรับใคร่ชอบพอนั้นเป็นอย่างไร1.        อ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่าย และไม่อวดฉลาด ต้องทำตัวไม่ให้อยู่เหนือผู้อื่น โดยรู้จักควบคุมอารมณ์คนเองให้คงเส้นคงวา เพราะความใจร้อน เจ้าอารมณ์ จะส่งผลในเชิงลบ และมีปฏิกิริยาโต้กลับในลักษณะเดียวกัน ส่วนตนถ่อมตน จะได้รบคำยกย่องชมเชยเสมอขณะเดียวกันคุณอย่าอวดฉลาด ทำตัวเป็นคนเก่งไปเสียทุกเรื่องจนคนรอบข้างพากันเอือมระอา เพราะฉะนั้นจงทำตัวแบบเรียบง่าย ไม่แสดงท่าคุยโอ่หรืออวดเก่ง ลักษณะเช่นนี้จะมีคนเข้ามาหาคุณได้ง่าย เท่ากับว่าเป็นการสร้างความเชื่อถือให้กับตัวคุณไปโดยปริยาย โดยโอกาสในการทำงานต่างๆ ร่วมกัน ก็จะดำเนินไปอย่างราบรื่นคนอวดเก่ง มักเจอกับความเจ็บปวดเสมอเพราะไม่ได้รับการยอมรับจากลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน แถมยังมีคนคิดโค่นล้มอยู่ในใจตลอดเวลา ว่าเมื่อไหร่มันจะถูกปลดออกหรือโดนย้ายไปเสียที2.        ให้เกรียติและสนใจผู้อื่นอย่างจริงจัง  การยกย่องให้เกียรติผู้อื่นเป็นการสร้างมิตรที่ง่ายที่สุด แต่คุณต้องมีการพูดแบบแนบเนียนไม่ประเจิดประเจ้อ จนกลายเป็นการเสแสร้งไป ดังนั้นคุณจะต้องสนใจและปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ คำนึงอยู่เสมอว่าทุกคนในสังคมต่างเกิดมามีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ไม่ควรดูถูกเหยียดหยามคนอื่นโดยเด็ดขาด จิตใจของคุณจะต้องพร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างแท้จริง จนเกลียดสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง จงยืนหยัดเคียงข้างกับความดี และให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน3.        เลิกนินทาว่าร้ายผู้อื่น  การซุบซิบนินทาเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของคนที่มีจิตใจคับแคบ มองผู้อื่นในแง่ร้าย และทำลายมิตรภาพระหว่างกัน มีหลักง่ายๆ ว่าถ้าคุณพูดจาไม่ค่อยเข้าหูใคร ก็จงระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ คุณจะมีความสุขกว่าที่เป็นมาอย่างแน่นอน4.        มีความอดทนและรู้จักรอคอย  คนที่อ่อนโลกและด้อยประสบการณ์จะไม่ค่อยเข้าใจคุณค่าของความอดทน ไม่รู้จักคำว่า รอคอย หวังอะไรจะให้ได้ทันทีทันใด ในที่สุดก็ไม่ได้อะไรดังหวังสักครั้ง เพราะขาดความอดทน ทุกสิ่งทุกอย่างจะมาถึงของมันเอง ไม่ว่าคุณจะรอคอยหรือไม่ก็ตาม เมื่อมุ่งหวังสิ่งใดเอาไว้ มันก็จะได้รับผลสำเร็จนั้น ดังนั้นคุณต้องมีใจที่อดทนและทนได้ในทุกๆ สถานการณ์ของชีวิต5.        ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น  ผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีนั้นต้องน้อมรับคำติชมจากคนรอบข้างด้วยความจริงใจ และรู้จักไตร่ตรอง เฟ้นเอาแต่สิ่งที่เป็นจริงแล้วนำมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง ซึ่งจะส่งผลในเชิงบวกให้คุณเจริญรุ่งเรืองในชีวิตส่วนตัว และหน้าที่การทำงาน หากคุณไม่ยอมรับฟังคำติชมของคนอื่น คุณจะเป็นใหญ่ได้ไม่นาน และยิ่งคุณมีตำแหน่งหน้าที่เป็นหัวหน้าคนอื่น คุณจำเป็นต้องน้อมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากใครก็ตามโดยดุษฎี ไม่ควรใช้อำนาจของตนเองดุด่าผู้นั้นด้วยความโกรธ คุณต้องทำใจให้ได้ว่า คนที่ไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย6.        มีคุณธรรม  คนเราไม่มีใครสมบูรณ์ไปทั้งหมดหรอก ทุกคนล้วนแต่เคยทำผิดมาด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครฝ่าชีวิตผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นโดยปราศจากคลื่นลม จงมองเพื่อนมนุษย์ด้วยหัวใจที่มีคุณธรรม เพราะเราต่างเป็นปุถุชนเหมือนกัน หมั่นปลูกฝังจิตใจที่งดงามให้คนอื่นรู้ว่าคุณเป็นคนดี เขาจะมองข้ามความผิดพลาดของคุณไป และมุ่งความสนใจไปมองความดีที่คุณยึดถือปฏิบัติ คุณจะต้องเลิกพกพานิสัยถ่อยๆ ได้แล้ว เพราะการประพฤติตัวเช่นนั้น คุณจะขาดความเคารพนับถือจากบุคคลอื่นทันทีนอกเหนือจากนั้น การรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่น รู้จักเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว จะทำให้คุณได้รับการสนองไมตรีจากคนอื่นเช่นเดียวกันหากใครมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้วนั้น เท่ากับเป็นการยกระดับชีวิตตัวเองให้ก้าวขึ้นไปสู่บันไดแห่งความสำเร็จ นี่คือหลักง่ายๆ ของการมีมนุษยสัมพันธ์ ซึ่งถ้าคุณรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ก็อาจทำให้คุณได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว ไม่ว่าคุณจะมีอาชีพอะไร หลักการอันนี้สามารถนำไปใช้ได้หมด คุณทดลองทำดูก็แล้วกัน ส่วนดิฉันก็กำลังทำอยู่เรื่อยๆ ให้ดีที่สุดค่ะ เนื้อหาที่ยกมามีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดการพัฒนา ให้ผู้อ่านมีความฉลาดทางอารมณ์มีแนวคิดเชิงบวก หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะได้รับผลกรรมอันดี ขอบคุณค่ะ ขอขอบคุณ เนื้อหาจาก เชาว์ศิลป์ จินดาละออง หนังสือ ก้าวอย่างผู้ชนะ หรือแพ้ตลอดกาล

หมายเลขบันทึก: 95225เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2007 15:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 16:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

น้องink

       ผมชอบบทความนี้มาก

       อ่านแล้วพยายามนึกตามไป

       ทำได้แค่ไหนนะเรา?

       ขอเป็นกำลังใจให้คิดดี ทำดีต่อไป

       อย่างน้อย...

       "องค์กรเราจะเกิดการพัฒนา พร้อมๆด้วยความสุขของทุกคน "

        เขียนมาให้อ่านกันอีกนะครับ

                             ศิริเกษม

      

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ที่นำมาฝาก หากทุกคนปฏิบัติได้เช่นนี้องค์กรของเราคงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ และตนเองก็จะนำไปใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติตนเองเช่นกันค่ะ

เป็นบทความที่ดีมากๆ จะนำไปใช้กับตัวเองครับ

ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ ท่านชอบบทความนี้ ซึ่งเป็นกำลังใจให้ดิฉันตั้งใจเขียนบทความ ชิ้นต่อไปค่ะ(นานหน่อย รออ่านนะค่ะ)

ขอให้ทุกท่าน มีความสุขค่ะ \></  "คิดดีทำดียังไงต้องได้ดี...ดังนั้นเพียรทำดีต่อไปนะค่ะ" สู้ สู้ ;)

  • ยินดีครับ
  • การเริ่มต้นของการพัฒนา อยู่ที่หัวใจที่ใฝ่การเรียนรู้ครับ
  • ยินดีครับ ยินดี

อ่านบทความแล้วได้เติมพลังให้กับชีวิตอีกครั้ง ขอบคุณกำลังใจที่แบ่งปันให้กัน

อ่านแล้วได้แง่คิดหลาย ๆ อย่าง สำหรับตัวเองแล้วคิดว่ามันเป็นสัจจะธรรม และเป็นอะไรที่ดีอยากให้ทุก ๆ  คนคิดแบบนี้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือควรเริ่มต้นที่ตัวของเราเองจะง่ายที่สุด จากนั้นค่อย ๆ ขยายผลออกไป คงจะส่งผลให้มีการพัฒนาไม่ว่าจะเป็นด้าน จิตใจ อารมณ์ ความคิด ทัศนคติ สุขภาพ และสิ่งดี ๆๆ ในชีวิตก็จะตามมาคะ  ขอบคุณสำหรับบทความดี ดี

                                                                   Dimples.

ในสังคมก็ล้วนมีทั้งคนคิดดีและคิดร้ายในเวลาเดียวกัน    มุมมองการใช้ชีวิตแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ยากที่จะทำความเข้าใจได้หมด

อ่านบทความนี้เสร็จ  เรามามองโลกแง่ดีทำตัวดีเพื่อสังคมที่สงบสุขดีว่าครับ
บทความ oK มากเลยน่ะครับ แผงไปด้วย ธรรมมะ และความมั่นคง ของพยายาม ดึงจริยะธรรมออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ......... เป็นบทความที่ ง่ายๆ.... แต่หรู เก๋ไก๋ กับการใช้คำพูด ดีครับ........อ่านบ่อยๆ แล้วรู้สึก มีกำลังใจ

อิงพี่และเพื่อนๆรออ่านบันทึกดีๆอยู่นะจ๊ะ แบ่งเวลาจากENV.ให้กับCoP HRD บ้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท