หลังจากถ่ายทำการทำขวัญข้าวแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้าไปอีกฟากหนึ่งของท้องทุ่ง โดยแยกกันเป็น 2 กลุ่ม เพื่อไปถ่ายภาพการไถนา เตรียมนาเพื่อหว่านข้าว และการทำพิธีทำขวัญแม่โพสพตอนข้าวตั้งท้อง เสียดายที่ไม่มีควายไถนาให้เห็นแล้ว มีแต่วัวเป็นฝูงๆ ให้เห็น มีแต่รถไถ รถอีแต๋น และรถอีแต๊ก ให้เห็นประปราย ตอนนี้หลายคนเริ่ม(แอบ)บ่นหิว รวมทั้งตัวดิฉันเองด้วย ก็เกือบเก้าโมงเช้าแล้ว ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าจากปกติ 8 โมงเช้า แต่ในเมื่อชาวบ้านที่มาเป็นพระเอกนางเอก ไม่บ่นที่จะต้องทำซ้ำในอิริยาบทเดิมๆ เพื่อให้เราได้ภาพสวยๆ เราก็เลยต้องทนกันต่อไป น่าอีกแป๊บนึงก็ได้ทานข้าวแล้ว
เราได้ภาพข้าวกำลังงอก การทำพิธีทำขวัญข้าวตอนตั้งท้อง และต้นกล้าเขียวๆ และข้าวตอนกำลังพอดีเก็บเกี่ยว ถึงตอนนี้ ทุกคนลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า หยุดพักทานข้าวเช้าดีที่สุด เย้ แล้วก็มุ่งตรงไปยังบ้านของน้องก๊อต (มานะชัย) เพราะบ้านนั้นมีข้าวรออยู่ แต่ด้วยเหตุว่าเราเอารถมาหลายคันเกินไป ทำให้บางคนกว่าจะได้ทานข้าวก็หลงทางไปไหนๆ มาถึงตอนนี้บทบาทของ walky talky ก็ช่วยให้ทุกคนมานั่งล้อมวงทานข้าวบนแคร่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านกันอิ่มหนำสำราญ
ข้าวมื้อนี้อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ พี่คนองทานคนเดียว 3 จานพูนๆ โดยมีพี่นิด (สุวรรณา) คอยดูแลเอาใจใส่อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับน้องโก๋เก๋ สาวน้อยนิสิตที่มาขอฝึกงานเป็นศิษย์เอกพี่คนอง อาหารมื้อนี้มีน้ำพริกผักต้มกับฉู่ฉี่ปลาแม่น้ำ และป้อม (ปริญดา) หอบน่องไก่ทอดมาเสริมด้วย อิ่มจัง พี่โหน่ง (พีระ) ไม่ทานปลายังอดชิมฉู่ฉี่ไม่ได้ ส่วนชัยพรนั้นไม่ต้องพูดถึง เด็กกำลังกินกำลังอ้วน ก็อร่อยเขาไปเลย ที่แน่ๆ ตอนทานข้าว เราแทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยค่ะ ตั้งหน้าตั้งตาทานกันซะ โดยมีเจ้าของบ้านนั่งดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
หลังจากมื้อเช้า เราไปทำงานต่อกันที่ การเตรียมบายศรี (นมแมว) ตามบ้านต่างๆ ที่แม่บ้านรวมตัวกันทำบายศรีเป็นกลุ่มๆ บางบ้านทำขาย บางบ้านทำเอง แน่นอนมีแต่กลุ่มผู้หญิงเท่านั้น
เท่าที่สังเกต ไม่มีหญิงสาวเข้าร่วมการทำงานนี้มากนักส่วนใหญ่เป็นหญิงสูงอายุและก็จะมีการหยอกล้อกันระหว่างทำงานไปเรื่อยๆ และถ้านั่งคุยไปสักพัก เราจะทราบเบื้องต้นว่า ใครบ้างที่เป็นร่างทรงแม่โพสพ เนื่องจากเพื่อนในกลุ่มจะพูดจาหยอกเอินให้ลองรำให้พวกเราได้ชมก่อนวันงานวันรุ่งขึ้น และพยายามให้จังหวะการรำจนบางคนต้องขยับลุกขึ้นมารำให้ดูจนได้
การทำบายศรีเป็นงานฝีมือดังนั้นคนที่ทำสวยมักจะมีเพียงคนเดียวหรือ 2 คน ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกมือฉีกใบตอง เหลาไม้ หรือประดับตกแต่งหรือเตรียมเครื่องบูชาอื่นๆ กันไป บายศรีที่เสร็จแล้วจะมีลักษณะดังนี้ แต่ยังต้องมีการตกแต่งเพิ่มเติมอีกพอสมควร
หลังจากกล่าวขอบคุณกลุ่มแม่บ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ กลุ่มนี้แล้ว เราก็มุ่งไปยังบ้านผู้ใหญ่ชวน เพื่อถ่ายทำการวีข้าวเพื่อแยกข้าวลีบออกจากข้าวเปลือก ด้วยเครื่องวีข้าวแบบโบราณใช้แรงคน ซึ่งจะเล่าในตอนต่อไปค่ะ
*** หมายเหตุตบท้าย หนึ่ง บ้านไผ่ขอน้ำเป็นหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาทดลองปลูกข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 และปฏิบัติการทดลองปลูกคัดพันธุ์ข้าวมา 3 ปีแล้ว
***หมายเหตุตบท้าย สอง บ้านในหมู่บ้านไผ่ขอน้ำส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง เนื่องจากติดกับแม่น้ำน่านซึ่งท่วมสูงในหน้าน้ำหลาก แต่ละบ้านจะมีแคร่หรือตั่งนั่งใต้ถุนบ้านและนิยมรดน้ำใต้ถุนบ้านเพื่อเพิ่มความชื้นให้ดินและทำให้อากาศบริเวณนั้นเย็นขึ้นด้วย