เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2550 ได้ไปร่วมจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานเรื่อง หมู่บ้านเสรษฐกิจพอเพียง เพื่อเตรียมถวายในหลวงในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 ที่จะถึงนี้
ช่วงเช้า ทีมงานของเราได้ไปพบกลุ่มชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลคลองเขิน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยจัดกระบวนการคือ
ขั้นที่ 1 ทักทายและแนะนำเพื่อทำความรู้จัก ซึ่งมาจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กรมส่งเสริมการเกษตร นักวิชาการอิสระ วุฒิอาสา นิสิตฝึกงาน และเกษตรกร
ขั้นที่ 2 ผู้แทนชาวบ้านให้ข้อมูลความเป็นมาของหมู่บ้าน โดยใช้แผนที่ในการเล่าข้อมูล
ขั้นที่ 3 ทีมงานซักถามข้อมูลโดยการชวนคุยเพื่อจัดเก็บข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ ประวัติหมู่บ้าน ความเป็นมาของอาชีพที่ทำเป็นหลักและอาชีพเสริม รายได้-รายจ่าย ของดีหรือของเด่นของหมู่บ้าน และเพราะอะไรถึงเป็นหมู่บ้านแห่งความพอเพียง และอื่น ๆ ซึ่งขณะที่ทีมวิทยากรหลักกำลังชวนคุยอยู่นั้น ดิฉันและคุณสรณพงษ์ บัวโรย ก็ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลลงในกระดาษฟางตามไปด้วย และมีวิทยากรแต่ละท่านก็บันทึกลงในสมุดโน๊ตตามไปด้วย และมีวิทยาหลักที่คอยชวนคุย ประมาณ 3-4 คน กับชาวบ้าน ประมาณ 10-15 คน
ขั้นที่ 4 เชื่อมโยงเนื้อหาเข้าสู่ 3 ห่วง 2 เงื่อน ของเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ ความพอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้ และมีคุณธรรม โดยการตั้งประเด็นคำถามเพื่อให้ชาวบ้านประเมินตนเองและบอกข้อความที่บ่งชี้ตามโจทย์ดังกล่าว
ขั้นที่ 5 ประมวลและสรุปบทเรียน โดย 1) เล่าภาพรวมข้อมูลพื้นฐานที่จัดเก็นนั้นมีอะไรบ้างที่เป็นเนื้อหาหรือข้อมูลจากการชวนคุยและเล่าสู่กันฟัง 2) ข้อบ่งชี้และการสรุปความของ "ความพอเพียง" ของหมู่บ้านนี้มีอะไรบ้าง และ 3) งานที่เราจะร่วมกันดำเนินการก็ไปคือ การถอดบทเรียน ซึ่งเราจะมาร่วมกันปฏิบัติกันอีกครั้งหนึ่ง
ก็เป็นการจัดกระบวนการเพื่อทำความรู้จักกับกลุ่มชาวบ้านและการเก็บข้อมูลพื้นฐานทั่วไปก่อนที่จะลงมือถอดบทเรียนกันจริง ๆ โดยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากพื้นที่นั้นทีมงานจะนำไปสรุปบทเรียนจากการลงไปคุยกับชาวบ้าน และนำไปสู่การจัดกรอบเพื่อถอดบทเรียนและการสร้างตัวชี้วัดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงกันต่อ
ผลที่เกิดขึ้นจากการจัดเก็บข้อมูล ก็คือ
1) ได้เรียนรู้เทคนิคการชวนชาวบ้านคุย "เป็นชุมชนหมู่บ้าน"
2) ได้เรียนรู้บรรยากาศของการสร้างการชวนคุยชวนเล่า เพื่อนำมาสู่การจัดเก็บข้อมูล
3) ได้เรียนรู้วิธีคิดของชาวบ้าน โดยเฉพาะ "การปลูกพืชนั้นดูจากอะไรบ้าง? และเพราะอะไรถึงปลูกมะพร้าวเป็นหลัก และปลูกกล้วยเป็นหลัก" คำตอบของชาวบ้านก็คือ "ปลูกพืชอะไรก็ได้ที่กินได้ ขายได้ และที่สำคัญเอาไปทำบุญได้...ก็เลยปลูกกล้วยและมะพร้าวเป็นหลัก เวลาเอาไปทำบุญเมื่อรวมกันแล้วก็จะทำกล้วยบวชชีได้...นอกจากนี้ดินและน้ำเหมาะด้วย"
4) ได้เห็นความก้าวหน้าของการทำงานของเจ้าหน้าที่กับเกษตรกรที่เป็นงานส่งเสริมการเกษตร เช่น การสร้างกลุ่ม การแลกเปลี่ยน การสร้างอาชีพ และความร่วมมือที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นความอยู่รอดของชาวบ้านที่เป็นอาชีพการเกษตร
ซึ่งก็เป็นอีกบทเรียนที่เราเป็นเพียงผู้ฟังชาวบ้านให้มากที่สุด แล้วเราจะรู้ว่า เขาคิดอะไรอยู่ เขาทำอะไรกันอยู่...แล้วเราควรจะเข้าไปอยู่ตรงไหนได้กับกลุ่มชาวบ้านที่เขาต้องการเราอย่างจริงใจค่ะ.
ไม่มีความเห็น