ในวันที่อบรมเกษตรกรจากอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคามนั้น เกษตรกรท่านหนึ่งได้พูดถึงปัญหาการเลี้ยงโคที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างนี๊ว่า โคกำลังจะอดตายเพราะใคร ๆ ก็พากันทำนาซิ่ง
อย่างเพิ่งงง! ค่ะ ทำนาซิ่งนี้เป็นการเปรียบเปรยวิธีการทำนากับหมอลำซิ่งที่มีท่วงทำนาและลีลาที่รวดเร็วฉับไว การทำนาซิ่งก็เหมือนกับหมอลำซิ่งที่ทำนาเสร็จรวดเร็วทันใจเพียงไม่กี่วัน เพราะการทำนาทุกวันนี้มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถไถนาตั้งแตเดินตามจนถึงนั่งตามนอนตาม เกษตรกรจึงใช้เวลาทำนาน้อยมากในรอบหนึ่งปี บางคนถึงกลับพูดว่า การทำนาทุกวันนี้เหมือนกับฝัน เพราะทำนาแป็บเดียวก็เสร็จแล้ว ก็ที่พบเห็นในปัจจับันนี้เกษตรส่วนใหญ่จะใช้เวลานำนาจริงในหนึ่งรอบประมาณ 3-4 วัน คือ ไถ หว่าน 2 วัน ใส่ปุ๋น 1 วัน เกี่ยวและเก็บ 1 วัน
จากที่เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้เวลาทำนาสั้นลง เสร็จเร็วยิ่งขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงโคเป็นอย่างมาก เพราะทำให้พื้นในการเลี้ยงโคลดลงอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นขาดแคลนได้ ซึ่งแตกต่างจากอดีตมากพอสมควร เนื่องจากอดีตนั้นเมือ่ถึงฤดูทำนา เกษตรกรก็ไม่ได้ทำนาเสร็จรวดเดียวภายใน 3-4 เพราะต้องอาศัยปัจจัยด้านแรงงานเป็นหลัก
เมื่อฤดูฝนมาถึง ชาวนาก็จะเริ่มเตรียมหว่านกล้า และไถดะที่นารอรับการปักดำ ในช่วงที่รอให้ต้นกล้าเจริญเติบโตจนกว่าจะปักดำได้ก็ประมาณ 1 เดือน ในช่วงนี้ยังมีพื้นสำหรับเลี้ยงสัตว์ได้
แต่เมื่อมาถึงยุคนี้ วิธีการทำนาดำเปลี่ยนมาเป็นการทำนาหว่านที่ใช้เวลาเพียงน้อยนิดก็เสร็จแล้ว รวมทั้งฤดูการทำนาก็เริ่มเร็วมาก กล่าวคือไม่มีการปักดำ มีแต่การหว่านจึงต้องหว่านข้าวเร็ว เมื่อหว่านเร็วก็ทำให้ไม่พื้นหรือทุ่งนาใช้เลี้ยงโค
แล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร เกษตรกรบอกว่า ก็เลี้ยงไปแบบตามมีตามเกิด ให้กินฟางข้าว หรือฟางข้าวราดกากน้ำตาลเป็นหลัก คิดว่ากากน้ำตาลคงช่วยให้โคอ้วนได้
บางรายดีหน่อยมีแหล่งน้ำก็ปลูกหญ้าให้โคกินได้
บางรายมีเงินมากหน่อยก็ให้กินหัวอาหาร
เมื่อถามว่าถ้าจะเลี้ยงโคให้อ้วนในช่วงนี้จะเลือกใช้วิธีไหนจากที่กล่าวมาทั้งหมด
เกษตรกรหลายรายบอกว่าเลือกให้โคกินฟางและฟางราดน้ำตาล สะดวกที่สุด
ส่วนการปลูกหญ้านั้นไม่รู้จะปลูกยังไง ปลูกพันธุ์อะไรจึงจะดีและยิ่งหัวอาหารยิ่งไม่รู้จัก เพราะเคยรู้แต่ว่าหัวอาหารมีไว้เลี้ยงไก่ กับเลี้ยงหมู ไม่นึกว่าจะมีหัวอาหารสำหรับโคด้วย
จากคำที่ว่า ไม่รู้จะปลูกหญ้าอะไร ปลูกอย่างไร และไม่รู้จักหัวอาหาร นี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ของคนเลี้ยงโคเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากชาวบ้านทำนาซิ่งแล้วทำให้พื้นที่เลี้ยงตามธรรมชาติลดลงเร็วขึ้นแล้ว เกษตรกรผูเลี้ยงโคเองยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องอาหารโคด้วย
จากสาเหตุดังกล่าวจึงส่งผลต่อผลผลิตหรือคุณภาพของโคที่เกษตรกรเลี้ยงด้วย ทำให้โคซูบผอม ไม่ได้ขนาด ขายไม่ได้ราคา ความยากจนจึงยังคงอยู่คู่กับเกษตรกรไม่รู้จักจบสิ้น
สวัสดีครับอาจารย์พันดา
สวัสดีครับ
น้องเอก
สวัสดีค่ะ การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งย่อมมีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆตามมาเป็นพรวน
ดีใจที่เกษตรกรมองเห็นการกระทำของตัวเอง (ทำนาซิ่ง)ทีนี้ก็ต้องมาคิดกันต่อว่าจะแก้ปัญหาที่ตรงไหน อย่างไรกันดี
ขอเป็นกำลังใจให้ช่วยเกษตรกรต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่สมนึก
อากาศทางกรุงเทพ เป็นไงบ้างค่ะ อยู่บุรีรัมย์ร้อน แล้งมาก จะตายทั้งคนและโคค่ะ
พอแล้งมาอาหารโคก็หมด ชาวบ้านก็ความรู้ไม่พอใช้ โคที่เลี้ยงคุณภาพก็ไม่พอขายหรือขายก็ไม่ได้ราคา คนเลี้ยงคนก็ยังจนไม่หาย
ถ้าจะให้ชาวบ้านหาอาหารอย่างอื่น เช่น ปลูกข้าวโพดมาเลี้ยงโค ชาวบ้านก็ไม่กล้าคิดนอกกรอบ ไม่กล้าทำ ไม่กล้าเสี่ยง เพราะไม่เคยทำ และความรู้มีไม่พอ รวมทั้งเคยชินกับวิธีการเดิม ๆ จะหาคนปลูกข้าวโพดเพื่อเลี้ยงสัตว์นี้มีน้อยมาก
จึงเป็นโจทย์ที่ยังต้องหาคำตอบในการเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำของชาวบ้าน ด้วยการหาตัวอย่างเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการหาอาหารมาเลี้ยงโคในช่วงขาดแคลนมาเป็นตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรเลือกใช้ตามความเหมาะสมของตัวเอง
ถ้าหาคำตอบที่ว่าได้คงพอช่วยเกษตรกรที่มีความตั้งใจจะเลี้ยงโคให้ประสบความสำเร็จได้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ พันดา
ขอบคุณครับ
ขอบคุณนะครับ
วันที่ 6 เมย. ได้นั่งรถท่านว่าที่ดร.ศักดิ์พงษ์ เข้าสวนป่าฯ พร้อมๆกับ อ.แป๋ว และน้องเอก เจอวัวฝูงใหญ่มากค่ะ ท่านว่าที่ ดร.ศักดิ์พงศ์เล่าให้ฟังว่า เป็นฝูงวัวรับจ้าง เพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในนาอ่ะค่ะ เจอ อ.ดาทีไรว่าจะถามต่อยอดก็ลืมอ่ะค่ะ งั้นขอถามไว้ในนี้เลยนะคะ
วันนี้ว่าจะเข้าไป ลปรร กับว่าที่ดร.ศักดิ์พงศ์ค่ะ แต่หลานสาวคนเล็กตกกระไดบ้าน เลยอดไปอ่ะค่ะ ต้องอยู่ดูแลทางนี้ก่อนค่ะ แย่จังเลย โอกาสดีดีแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆเนอะ
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านว่าที่ดร.ศักดิ์พงศ์อยู่ทางนี้นะคะ
สวัสดีค่ะพี่สมนึก
การปลูกข้าวโพดสำหรับเลี้ยงสัตว์หรือเลี้ยงคนนี่เป็นสิ่งที่ดีและน่าส่งเสริมให้ชาวบ้านทำกันมาก ๆ แต่วิธีคิดของชาวบ้านยังไม่เปลี่ยน เนื่องจากยังติดอยู่กับวิธีคิดวิธีการเดิม ๆ ที่ว่า เลี้ยงด้วยหญ้าหรือฟางก็ทำให้วัวอยู่ได้ แต่เขาไม่คิดต่อว่า การอยู่ของวัวนั้นอยู่อย่างไร สมบูรณ์พร้อมหรือไม่ เพราะการที่วัวสมบูรณืหรือไม่สมบูรณ์นั้นมีผลต่อการให้ลูกของวัวได้
แถวปางช่องนั้นมีการปลูกข้าวโพดเยอะ ด้วยมีปัจจับแวดล้อมเหมาะสมทั้งดิน น้ำและความชื้นในอากาศที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของข้าวโพด อีกทั้งเกษตรกรก็มีพื้นความรู้เดิมอยู่พอสมควร แต่เกษตกรภาคอีสานนั้น ปัญหาเรื่องดินไม่อุ้มน้ำ และดินไม่อุดมสมบูรณ์เป็นปัญหาหลักที่แก้ได้ในบางแห่ง แต่บางแห่งมีน้ำก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นน้ำเค็ม ที่สำคัญชาวบ้านไม่รู้และไม่เห็นความสำคัยที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะคิดว่าพอถึงฤดูฝนวัวก็จะกลับมาอ้วนเอง
ซึ่ง ณ เวลานี้ก็มีเกษตรกรหลายรายที่พยายามเอาชนะความแห้งแล้งและภาวะการขาดแคลนอาหารเลี้ยงวัวกันบ้างแล้ว มีการปลูกหญ้า และพืชอาหารสัตว์ รวมทั้งทั้งใช้วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรแต่ก็ยังมีน้อย
ในช่วงการทำวิทยานิพนธ์นี้ก็พยายามแนะนำและทำความเข้าใจในเรื่องนี้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็สนใจคิดว่าอีกไม่นานวิกฤติการขาดอาหารเลี้ยงโคในฤดูแล้งน่าจะดีขึ้นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ อาจารย์หนิง
ตอนนี้กำลังร่วมเรียนรู้กับท่าน ผอ.ศักดิพงษ์ หอมหวล อยู่ค่ะ เข้มข้นดีมาก อาจารย์ท่านก็น่ารักมาก
ส่วนฝูงวัวรับจ้าง เพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์ในนาที่อาจารย์หนิงพบนั้น เกษตรจะรับจ้างคนมีกะตังค์ที่อยากเลี้ยงวัว แต่ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ จึงให้ชาวบ้านร้บจ้างเลี้ยแบ่งแบบปล่อยทุ่งหากินเองตามธรรมชาติ เมื่อวัวคลอดลูกก็แบ่งลูกกันคนละครึ่ง โดยเฉพาะวัวพื้นเมืองที่กินเก่ง กินน้อย แต่ให้มูลมากก็จะส่งผลต่อเกษตรกรในการลดต้นทุนด้านปุ๋ยมากพอสมควร
วิธีเลี้ยงก็ง่าย ๆ ปลอ่ยให้หากินเอง ตัวไหน คุณภาพไม่ดีก็ส่งเขียงในตลาด
ขอบคุณค่ะ
อาจารย์หนิง ค่ะ
ขอให้หลานสาว หายไว ๆ นะค่ะ
ขอบคุณค่ะ