เสาร์ที่ 21 เมย. 50 ไปร่วมงานสัมมนา “เศรษฐกิจพอเพียงและการเปลี่ยนแปลงโลกในระดับรากฐาน” (Sufficiency Economy and Global Transformation) ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นงานสัมมนาครึ่งวันที่เปิดมุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างน่าสนใจ จัดโดยบริษัทสวนเงินมีมา (ต้องให้เครดิตผู้จัด ที่จัดงานดีๆโดยผู้เข้าฟังไม่ต้องเสียเงิน)
น่าเสียดายที่เราไปสายเพราะติดภารกิจครอบครัวตอนเช้าจึงไม่ได้ฟังอาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ กับ Dr. Franz-Theo Gottwald แห่ง Schweisfurth Foundation แต่ก็ได้มีโอกาสฟังความเห็นของวิทยากรอีกหลายท่าน
วูลฟกัง ซาค
Professor Dr.Wolfgang Sachs แห่ง Wuppertal Institute for Climate, Environment and Energy ประเทศเยอรมนี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืนกล่าวถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต้องแลกกับการสูญเสียเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ท่านเสนอ 3 หลักการ ได้แก่ eco-efficiency (ประสิทธิภาพ) คือ ใช้ทรัพยากรอย่างไม่สูญเปล่า (เป็นนิยามเดียวกับทางเศรษฐศาสตร์) , eco-consistency (ความคงเส้นคงวา) คือ มีทิศทางที่แน่นอนที่จะปรับเปลี่ยนการใช้ทรัพยากรจากการใช้พลังงานฟอสซิล (เช่น น้ำมัน แกสธรรมชาติซึ่งใช้แล้วหมดไป) เป็นการใช้พลังงานจากฐานพลังงานแสงอาทิตย์ (พลังงานจากธรรมชาติที่สร้างใหม่ได้ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไบโอดีเซล) และ eco-sufficiency (ความพอเพียง) คือมีความพอประมาณในการใช้ทรัพยากร ดูเหมือนว่า แค่ฟังจากมิติเรื่องพลังงานอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะชี้ความจำเป็นของการที่สังคมโลกควรจะมี “ความพอเพียง”
ท่านบอกว่า ถ้าทำได้ทั้งสามอย่างจะเป็นการสร้างรูปแบบใหม่ของความมั่งคั่งที่สามารถนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรมในสังคมโลกได้ ประเทศพัฒนาแล้วติดกับดักโครงสร้างพื้นฐานและการผลิตขนาดใหญ่ทำให้ยากในการปรับเปลี่ยน ยังคงต้องใช้พลังงานจากฟอสซิล ผลิตและใช้พลังงานอย่างรวมศูนย์
ส่วนประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศรายได้ขนาดกลางอาจจะดีกว่าตรงที่มีธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม ที่มีการกระจายการผลิตและการใช้พลังงาน น่าจะสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างการใช้พลังงานไปสู่พลังงานจากทรัพยากรที่สร้างใหม่ได้
พระไพศาล วิสาโล
พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ชี้ประเด็นที่เป็นประโยชน์มากในการมองปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจพอเพียง คือ “ไม่อยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ” และ “ไม่จำเป็นที่จะต้องมีมาก”
ปัจจัยแรก “ไม่อยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ” เป็นปัจจัยภายใน นั่นคือ จิตใจสันโดษ (ตรงนี้เป็นประเด็นหลักที่ต่างจากเศรษฐศาสตร์ คือ ความอิ่มตัวของความต้องการ)
ปัจจัยข้อสอง “ไม่จำเป็นที่จะต้องมีมาก” เป็นปัจจัยภายนอก เป็นปัจจัยทางสังคมแวดล้อม เช่น ถ้ามีขนส่งมวลชนดีๆ คนก็ไม่จำเป็นต้องมีรถ ถ้ารัฐจัดสวัสดิการได้ดี ปัจเจกบุคคลก็ไม่จำเป็นต้องสะสมเผื่อตนเองเผื่อลูกหลาน การกระจายอำนาจ กระจายทรัพยากรให้ชาวบ้านได้มีโอกาสในการเข้าถึง มีโอกาสในการจัดการทรัพยากร ทำให้การแย่งชิงน้อยลง การเฉลี่ยกันทำได้ง่ายขึ้น (เราเห็นว่าสิ่งที่ท่านพูดเป็นประเด็นสำคัญที่ยังไม่เคยได้ฟังจากใครมาก่อน และน่าคิดมากในเชิงนโยบายเพื่อสร้างสังคมพอเพียง)
ดังนั้น การเน้นปัจจัยภายในเกินไปจะยังไม่สำเร็จ จำเป็นต้องมีการสนับสนุนของสังคมเพื่อให้คนมีความมั่นคง จนไม่ต้องสะสมมาก จำเป็นต้องมีเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งหมายถึงการจัดการและวางแผนโดยชุมชน ไม่ใช่หมายถึงเศรษฐกิจปิด มีวิสาหกิจชุมชน มีการจัดการทรัพยากร วางแผน มีการออมทรัพย์และจัดสวัสดิการชุมชน ทำให้ “ไม่ขาด” และ “ไม่เกิน”
ท่านบอกว่า ครอบครัวที่อ่อนแอ ชุมชนที่อ่อนแอ ไม่สามารถเป็นฐานทางศาสนธรรมที่ลึกซึ้งได้ (มีนัยที่ท่านไม่พูดตรงๆว่า การสร้างจิตใจที่สันโดษ ก็อาจทำไม่ได้) นำไปสู่ความไม่พอเพียง
เราเข้าใจว่า ด้วยการที่ท่านมีพื้นฐานทางรัฐศาสตร์ ท่านจึงเห็นบทบาทความสำคัญของโครงสร้างและระบบทางสังคมไม่น้อย
เนื่องจากโครงการบ้านดิน อาศรมวงศ์สนิทและเสมสิกขาลัย จะมีกิจกรรม เปิดโลก เปิดฟ้า เปิดดวงตาไปกับโครงการท่องเที่ยว "สะบายดี เมืองมรดกโลก หลวงพระบาง อดีตราชธานีศรีสัตนาคนหุตแห่งอาณาจักรล้านช้าง"
+ + เดินทางด้วยสายการบินลาว ขึ้นพระธาตุพูสี ชมวังเก่าและหอพระบาง ภาวนาและสนทนาธรรมเรื่อง “ความสุขและสันติ” กับพระไพศาลที่วัดโพนเพา วัดสายวิปัสนาที่มีเจดีย์งดงามยิ่งนัก
+ + ชื่นชมความงามของงานผ้าไหมและผ้าฝ้าย และร่วมสนับสนุนกิจกรรมดีๆ เพื่อสังคมในหลวงพระบาง
+ + ล่องเรือลำน้ำโขงพร้อมฟังเรื่องเล่าและตำนานของลาวกับป้าดวงเดือน
+ + เยือนหอพระแก้ว และวัดพระธาตุหลวง พระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของลาว เป็นพระธาตุที่มีขนาดทั้งสูงและใหญ่ที่สุดในลาว
วิทยากร คือ หลวงพี่ไพศาล วิสาโล พระนักพัฒนาผู้ปฎิบัติดีปฏิบัติชอบ และยังเป็นวิทยากรเรื่อง "เตรียมตัวตายอย่างมีสติ" และป้าดวงเดือน บุญยาวงศ์ ผู้ชำระวรรณคดี ท้าวฮุ่ง ที่บิดา (มหาสีลา วีระวงส์) ได้ทำไว้ ให้เหมาะสำหรับ การอ่านร่วมสมัย ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการบริษัทดอกเกดการพิมพ์ จำกัด และได้รับรางวัลซีไรต์ประจำปี 2549 จากผลงานเรื่องสั้น อาถรรพ์แห่งพงไพร
วันที่ 14- 19 พฤศจิกายน 2550 (เปิดรับสมัครถึง 20 ตุลาคมนี้)
สนใจรายละเอียด http://www.semsikkha.org
ภาวิกา อินทร์กลับ โทรศัพท์ 037- 333182 – 3, 086 - 6115242
สุวรรณี หิรัญมาลีเลิศ โทรศัพท์ 02-8803544, 086 - 5492427
Email : [email protected]
เที่ยวสนุกแล้วยังได้บุญไปกับเสมสิกขาลัย เพราะรายได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว สนับสนุนมูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป เพื่อใช้ทำกิจกรรมเพื่อสังคม และการศึกษาต่อไป