sex & city


ผู้หญิงเพศแม่...คุณค่าที่กำลังหมดไป.

 

ไม่มีเจตนาอันใดที่จะกล่าวล่วงผู้หญิงเพศแม่ เพียงแต่แวะเวียนมาตั้งข้อสังเกตในเรื่องที่ท่านทั้งหลายเองก็คงจะทราบดีในประเด็นสำคัญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง ประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนอดเป็นห่วงไม่ได้ แม้จะรู้อยู่เต็มอก ว่าเรื่องราวอันดีงามในอดีตที่หวมหวลเมื่อคราวก่อนมิอาจย้อนกลับมาสวยงามในวันนี้ได้ บทความนี้อย่าด่วนสรุปว่า ผู้เขียนกำลังดูหมิ่นเพศแม่ว่า เริ่มไม่ให้คุณค่าผู้หญิงเพศแม่แล้วหรือ ดูหนังยังไม่จบอย่าด่วนสรุปเช่นนั้น เพราะไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนๆ "แม่" คือคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สวยงามที่สุด และดีที่สุดสำหรับลูกๆ เพี่ยงแต่มาวันนี้อยากชวนท่านทั้งหลายมาตั้งข้อสังเกตเล่นๆเป็นเรื่องหนักๆสมอง แต่สำคัญที่เดียว

เรื่องที่กล่าวข้างต้นเป็นการเปิดประเด็น ที่ถือว่าเป็นปัญหาทางสังคมที่ใหญ่เรื่องหนึ่ง ผู้หญิงเพศแม่....คุณค่าที่กำลังหมดไป เบื้องต้นเชื่อว่าไม่มีใครผิดหรือถูกกว่าใคร ทั้งเพศชายและก็หญิง ไม่เคยคิดว่าใครควรจะเป็นต้นเหตุหรือเป็นความผิดของใคร แต่เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องหันหน้ามาหากันและช่วยกัน ถ้าหากเราคิดว่า มันเป็นปัญหา แต่ถ้าคิดว่าไม่ใช่ปัญหาก็ไม่เป็นไร เพราะส่วนมากเขาพึงพอใจที่จะดำเนินชีวิตเช่นนั้นก็เป็นสิทธิของเรา เรื่องของฉันสิทธิ์ของฉัน ฉันมีสิทธิก็ไม่ว่ากระไร ฉันเสียอีกที่ผิดที่คิดมากไป เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่ทุกคนเป็นห่วงก็คือ ทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องเพศ การรักนวลสงวนตัว ของผู้หญิงเพศแม่เราที่กำลังเปลี่ยนไป แค่บางคนนะ หรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ ( พึงทราบด้วยว่าไม่ได้บอกว่าใครดีไม่ดี ) เปลี่ยนไปมากจนเราไม่รู้ว่า อะไรกันนะที่น่าจะนำมาใช้เป็นบรรทัดฐานการดำเนินชีวิตของสังคมเรา ในเรื่องเดียวกันเคยได้ยินผู้ชายบางคน แอบนินทาผู้หญิงเชิงประชดว่า ค่าสินสอดสำหรับผู้หญิงสมัยนี้คงไม่จำเป็นแล้ว...ก็พอๆกันไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรคือพอๆกัน (คงจะเป็นบางคนเท่านั้น) ผู้ชายต่างหากที่น่าจะได้รับสินสอด (เอ๊ะอะไรกันเนี๊ยะ) คิดมากไปจนไม่รู้ว่า มาวันนี้สิ่งที่น่าจะนำมาเป็นบรรทัดฐานในการดำรงชีวิต คืออะไรกันนะ ที่มันน่าจะเหมาะสม สมสมัยกับสังคมไทยเรา

การรักนวลสงวนตัวอย่างเช่นในอดีตที่บางคนก็ยังคงถือเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน หรือไม่ก็การใช้ชีวิตที่เป็นไปอย่างอิสระเสรีในทุกๆเรื่อง แนวทางอย่างอิสระหรือปล่าวที่น่าจะใช่ ... มาวันนี้สิ่งที่เราได้ยิน....ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่มักชอบอ้างสิทธิกันทั้งนั้น หนักเข้าฉันก็อ้างสิทธิในฐานะประชาชนผู้หนึ่ง ก็ขอถือโอกาสมาเรียนรู้ในเรื่องต่างๆเหล่านี้ด้วยคน แต่ฉันเองก็มักจะลืมไปเหมือนกันนะว่า สำคัญกว่าสิทธิ เราอาจจะลืมไปว่าเราก็มีหน้าที่ด้วย แต่ส่วนใหญ่เรามักให้ความสำคัญสิทธิที่เราควรจะได้มากกว่า หน้าที่ที่เราต้องปฏิบัติ โดยเฉพาะเคารพต่อสิทธิของคนอื่นโดยเฉพาะพ่อแม่ คำก็พ่อแม่ไม่เข้าใจหนู หนูๆไม่เข้าใจพ่อแม่ ต่างคนต่างไม่เข้าใจกัน แล้วสิ่งที่อยู่ตรงกลางล่ะคืออะไร อะไรคือทางออกที่ดีในเรื่องต่างๆเหล่านี้ วันนี้เราเห็นว่า หลายๆเรื่องการดำเนินชีวิตของเราสะดวกขึ้น ขออย่างเดียวมีเงินก็สามารถเสกสรรค์ได้สรรพสิ่ง แต่เรารู้สึกว่า ความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สิน มีน้อยลง สังคมอยู่กันลำบากมากขึ้น หรือบางที่มองโลกอย่างแง่ร้ายพ่อแม่มีความดีไม่พอที่จะสอนลูก (ส่วนน้อย)

ท่านทั้งหลาย คำว่า พ่อแม่มีความดีไม่พอที่จะสอนลูก จะสอนให้ลูกรักนวลสงวนตัว ให้รู้จักเคารพเฃื่อฟังกตัญญูพ่อแม่ ดูไม่ค่อยสนิทใจ เพราะอะไรเหรอ เพราะไม่มีความดีพอที่จะสอน พอลูกๆย้อนก็แทบจะร้องไห้ ก็ที่แม่อย่างนั้นพ่ออย่างนี้ แทบจะไม่มีอะไรจะอุทธรณ์ความ เพราะมันจริงทั้งนั้น หากเราเลือกได้คงอยากที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความทรงจำเฉพาะเรื่องที่ดีๆ แต่ลืมนึกไปว่า ประสบการณ์ที่ดีในอดีตคือความดีที่ผ่านมา ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เลวร้าย พูดถึงแล้วไม่มีความสบายใจ เราไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เราเลือกทีจะบันทึกอดีตที่ดีงามด้วยการสร้างแต่ความดี ยังย้ำมั่นเหมือนเดิมว่า คุณค่าของเพศแม่ยังมีคุณค่าเสมอ ผู้เขียนเห็นอย่างนั้นไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน มันอาจจะไม่เลวร้ายกว่าที่ฉันคิด หรือสิ่งที่ฉันคิดก็อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะเป็นมุมมองจากข้างในวัดออกมาข้างนอก เป็นพื้นฐานข้อมูลที่ไม่รอบด้าน

เรื่องในมุ้งฉันไม่รู้หรอก เพราะมันละเอียดละอ่อนมากๆ เพราะสังคมอาจปรารถนาการดำเนินชีวิตอย่างนั้นก็ได้ แต่ขอให้รู้อย่างหนึ่งว่า เป็นความห่วงใยของฉัน อีกทั้งเป็นความเห็นส่วนตัว ทุกท่านอาจไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย แค่ตั้งข้อสังเกตว่า วันหนึ่งหากเราเปลี่ยนฐานะจากผู้หญิงธรรมดา มาเป็นแม่ของลูก วันนั้นหากเรามีความดีไม่พอจะสอนลูก มีความดีไม่พอที่ลูกจะกราบไหว้ (ความเห็นของลูกที่มืดบอด...บอดข้างในบอดจนไม่เห็นบุญคุณพ่อแม่ครูอาจารย์)วันนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากนัก หากเราพอใจที่จะรับคุณค่าของเพศแม่ ดังนั้น เพราะเราอาจจะพอใจกับต้นแบบการดำเนินชีวิตที่ร้อนรุ่มและวิ่งตามกระแสแห่งความปรารถนา ประหนึ่งปลาที่ว่ายตามกระแส ปล่อยอารมณ์ไปตามความปรารถนา หาความสุขบนพื้นฐานของการสนองความต้องการจากวัตถุ ซึ่งอาจจะไม่มีโอกาสได้พบสิ่งที่เราค้นหามาตลอดชีวิตเหมือนเราเที่ยวเสาะแสวงหาความสุข แต่หาอย่างไรก็ไม่พอและไม่เจอ เพราะว่ากันว่า สุขทุกข์อยู่ที่ใจ หรือปล่าว แต่ถ้าหากว่าไม่ ก็คงต้องหันกลับมาทบทวนและร่วมด้วยช่วยกันสร้างทัศนคติที่ดีงาม แม้จะเป็นจุดเล็กๆ ก็ตาม คิดเสียว่า หากไม่มีการเริ่มต้นก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลง จากจุดเล็กๆก็คงจะดีกว่าที่ไม่คิดทำอะไรเลย แม้จะเป็นคนกลุ่มน้อยแต่ก็สุขใจที่ได้มีส่วนช่วยให้คนใช้ชีวิตอย่างรู้เท่าทัน มีปัญญาต่อไป

คัดลอกมาจาก งานเขียนพระมหาประยูร [email protected]

------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

Prevention SIDA : ภาพยนต์รางวัลชนะเลิศ SIDA

 If You See This VDO End.

Change To Think.....
The Boy In This VDO Are The Girl.

Oh..My God (MasterBuddha)!!!!!!!!.

 I Don't Want To Think This, But It The Real World....& It Happen Now....In Our Homeland.

คำสำคัญ (Tags): #aids#girl#hiv#sex#sida
หมายเลขบันทึก: 90105เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2007 02:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท