ผมมองว่า บัณฑิตคือ ผู้ที่ได้รับการอบรมบ่มเพาะให้มีพัฒนาการทางจิตวิญญาณ (Spiritual development) ผมหมายถึงเมื่อจบการศึกษาเป็นบัณฑิตแล้วต้องรู้จักตัวเอง เข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้น และรักสรรพสิ่งให้มากขึ้น เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข แต่หากคนเราขาดความสมบูรณ์ในตัวแล้ว เราก็จะหาสิ่งนอกตัวมาเติมให้เต็ม อย่างเช่น ยาเสพติด , หลุยส์วิตตอง , วอร์ซาเช่ พวกวัตถุนิยมทั้งหลาย ฉะนั้นการที่บัณฑิตมีความพร้อมที่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ก็จะต้องพร้อมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม
การผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยนเรศวรนั้น ผมขอเรียนว่านับเป็นภารกิจหลักที่สำคัญมาก นอกจากเป้าหมายเชิงความคิดแล้ว มหาวิทยาลัยยังเน้นการผลิตบัณฑิตตามความต้องการของประเทศชาติเป็นหลัก ทั้งสาขาแพทยศาสตร์และกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพราะว่าสาขานี้ขาดแคลน กลุ่มสังคมศาสตร์ บางสาขา เช่น ภาษา การจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว การบริหารจัดการในหน่วยงานของรัฐและเอกชน และกลุ่มวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เน้นเรื่องการผลิตบุคลากรด้านไอที พวกวิศวกรรม ฉะนั้นการผลิตบัณฑิตในอนาคตต้องมองสิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ในการผลิตบัณฑิตเพื่อไปทำงานตามสถานที่ต่างๆ ถือว่าเป็นภาระสำคัญ เพราะว่าตอบสนองกับรัฐธรรมนูญเรื่องการกระจายอำนาจ เราจะต้องเตรียมบุคลากรสาขาต่างๆ เพื่อลงไปทำงานในชุมชน ในระยะไกลๆ การสร้างศักยภาพของชุมชนเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ เป็นการแก้ปัญหาความยากจนตามนโยบายของรัฐบาลอีกส่วนหนึ่ง เพราะตราบใดที่สร้างความสำคัญหรือความสามารถของบุคลากรในองค์กรระดับล่าง ก็จะทำให้ลดปัญหาความยากจนลงได้
ส่วนการผลิตบัณฑิตออกสู่ตลาดแรงงานต่างประเทศ มหาวิทยาลัยได้มุ่งเน้นและเข้มงวดในเรื่องของภาษาอังกฤษ จีน โดยจะเสริมอาจารย์เกือบเท่าตัวทางด้านภาษา และจะมีการปรับหลักสูตรให้สอดรับต่อไป มหาวิทยาลัยถือว่าอะไรไม่สำคัญเท่ากับคุณภาพของอาจารย์ เพราะว่าเป็นเหมือนแม่พิมพ์ ผมคิดว่าคุณภาพบัณฑิตจะดีไม่ได้ ถ้าคุณภาพอาจารย์ไม่ดีพอ เพราะฉะนั้นมหาวิทยาลัยจึงมุ่งไปที่การพัฒนาอาจารย์อย่างเข้มงวด โดยใช้กระบวนการประกันคุณภาพการศึกษาเป็นตัวชี้วัด ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมีความคาดหวังและตั้งเป้าว่า อยากจะอยู่ 1 ใน 10 ของมหาวิทยาลัยในเมืองไทยที่มีอยู่เกือบสองร้อยแห่ง องค์ประกอบในการจัดอันดับก็คงประกอบด้วย คุณภาพของอาจารย์ งานวิจัยบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษา คุณภาพของบัณฑิต การได้งานของบัณฑิต สื่อการเรียนการสอน การยอมรับของชุมชน ความพึงพอใจและการตอบรับจากผู้ใช้บัณฑิต รวมทั้งงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการของประเทศสิงคโปร์ได้ประเมินภาพรวมให้เราอยู่ในอันดับ 15 ในปี พ.ศ.2548 และ นิตยสารไทม์ในส่วนของ Higher Education Supplement ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยประเภทมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ บริหารธุรกิจ การจัดการ และเศรษฐศาสตร์ (Humanity and Social Science Ranging) มีมหาวิทยาลัยไทยผ่านเกณฑ์ 24 มหาวิทยาลัย ซึ่ง ม.นเรศวรอยู่ในอันดับที่ 14
สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในปีนี้ ผมขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จและมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เป็นที่พึ่งพาของชุมชนและสังคมได้ ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ขอให้มีหลักคิดในการทำงาน โดยมีความตั้งใจขยันหมั่นเพียร พยายามใฝ่หาความรู้ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อการพัฒนาตนเอง เพื่อให้สามารถก้าวทันสถานการณ์ในปัจจุบันได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี
ม.นเรศวรสัมพันธ์ : คอลัมน์"อธิการบดีสนทนา"
ประจำเดือนมกราคม 2549
ผมอยากให้อาจารย์เน้นผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ เพราะดูแล้วมน.จะเปิดสอนหลายปริญญาและสขาที่ตนไม่ค่อยถนัดและไม่มีพื้นฐานที่ดีเช่นการพัฒนาอาจารย์ การวิจัยเป็นต้น การเป็น Comprehensive University เป็นแนวคิดที่ดีแต่ต้องใช้เวลาในการพัฒนาพอสมควร
จะเห็นได้ว่าบัณฑิตที่จบจากมน.หางานทำยาก ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะถามอะไรที่แม้แต่เป็นความรู้พื้นฐานสำคัญของปริญญาที่จบมาก็ไม่รู้เรื่อง จนถูกมองว่าจบจากมหาวิทยาลัยชั้นสองไม่ต่างกับพวกที่จากราชภัฏ
- เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับท่านอธิการในฐานะเคยเป็นศิษย์เก่าป.โท (บริหารการศึกษา) ในฐานะผู้ปกครอง (ลูกชายกำลังเรียนป.โท)และในฐานะครูที่มีนักเรียนที่โรงเรียนอุตรดิตถ์ไปศึกษาต่อที่ มน.แต่ละปีเกือบร้อยคน
- นักเรียนที่โรงเรียนเช่นเดียวกันครับท่านอธิการที่ติดแพทย์มน.แล้วยังไม่พอใจต้องดิ้นรนไปแพทย์ที่กรุงเทพ หรือมช. ผู้ปกครองมักจะแนะนำให้ลูกเรียนในมหาวิทยาลัยที่เปิดมานานแล้วมากกว่า ทั้งๆที่ขณะนี้คณะแพทย์ของมน.เองก็มีชื่ออยู่ในระดับต้นๆของประเทศก็ตาม คงต้องใช้เวลาบ้างนะครับ