วิถีสวนกระแสหรือเป็นเรื่องธรรมดา
ทุกครั้งที่ดิฉันเดินทางไปทำงานตามคำเชิญจากที่ต่างๆ พบว่าตนเองมักเป็นอุปสรรคของผู้เชิญหรือไม่ไม่แน่ใจ แต่ก็จะพยายามช่วยตนเองให้มากที่สุด ให้ผู้อื่นเดือดร้อนน้อยที่สุด
สืบเนื่องมาจากที่ตนเองทานอาหารมื้อเช้า และทานข้าวกล้องด้วย ค่อยข้างจะลำบาก เพราะบางครั้งทางโรงแรมหรือที่พักจะไม่มีบริการในส่วนนี้ และอาหารเช้าบางครั้ง บางที่จะไม่เน้นอาหารหนัก จะเป็นแบบเบาๆ ข้าวต้มหรือชุดอาหารฝรั่ง ขนมปัง กาแฟ บางครั้งดิฉันจำต้องเลือกที่จะสั่งข้าวและกับมาทานเอง...นอกเหนือจากบริการที่มาพร้อมค่าห้องพัก
ทำไมตนเองค่อนข้างรู้สึกว่าเป็นเรื่องเดือดร้อน... เพราะดิฉันประมาณ 24 ชั่วโมงจะทานข้าวครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากจะปรับให้เวลาล่วงเลยไปทานตอนมื้อเที่ยงรู้สึกว่าตนเองจะไม่ไหว และจะรู้สึกเหมือนพลังงานจะหมด บางครั้งก็คิดเหมือนกันว่าเราเรื่องมากไปหรือเปล่า ไม่ได้ต้องการความยุ่งยากให้ผู้จัดต้องมาเตรียมกับข้าวให้ทาน หากพอช่วยเหลือตนเองได้จะพยายามทำอย่างยิ่ง บางครั้งไปบางหน่วยงานดิฉันก็จะพยายามเดินหาร้านค้าเพื่อทานข้าวเอง
และสิ่งหนึ่งที่ตนเองจะเตรียมไปด้วยเสมอ คือ มะนาว น้ำผึ้งและโยเกิร์ต เพราะดิฉันจะทำดีท๊อกทุกเช้า แต่คราวที่ไป มอ.ฉุกละหุกมากเพราะลืมถุงที่เตรียมไว้ ต้องเดือนร้อนพี่จิ๊บ-เมตตา และพี่แป๊ด-รัตติยา ต้องหามาให้... แต่ที่รู้สึกประทับใจที่เพิ่งไปมา คือ อาศรมวงศ์สนิท ที่เน้นการทานอาหารเพื่อสุขภาพ ดิฉันได้ทานข้าวอย่างมีความสุขทุกวัน และบางวันเตลิดไปจนถึงมื้อเที่ยง และเย็น(แต่จะเป็นทานผักและกับมากกว่า)
พยายามเคลื่อนไหวตนเองให้เงียบและไม่ได้ประกาศว่าตนเองเป็นมังสาวิรัต เพราะรู้สึกว่าหากเราประกาศหรือบอกกล่าวออกไป เป็นการนำความยุ่งยากให้คนอื่น ดิฉันจะพิจารณาดูก่อนถึงความเป็นไปได้ว่าเขาน่าจะจัดเตรียมให้เราได้หรือไม่จึงค่อยแจ้งไป
จริงๆ บันทึกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นสาระมาก เพียงแต่อยากทำความเข้าใจให้กับตนเองและพิจารณาว่าเราเรื่องมากไปหรือเปล่า...กับการทานมื้อเดียวและเป็นมื้อเช้า ไม่ทานเนื้อสัตว์ใหญ่...ซึ่งวิถีของคนทั่วไปตอนนี้ไม่ทานเช้ากัน...
เรียนท่าน Dr.Ka+Poom
สวนกระแสบ่อยๆ บางครั้งชีวิต "มันหนัก" นะ จะ บอก ให้
สวัสดีค่ะ...ท่าน อ.หมอ JJ
ถ้าเราไม่แบก...ไม่เอามัน..มันก็ไม่หนักค่ะ...
เวลาวิ่งชอบวิ่งขึ้นเนินคะ...เพราะมันดูท้าทายเพราะได้เรียนรู้การหนีแรงดึงดูดค่ะ...
(^______^)
ขอบพระคุณค่ะ...
กะปุ๋ม
สวัสดีค่ะ...คุณออต
ขอบคุณมากค่ะ...พี่ก็ชอบลองและเรียนรู้...ตอนนี้สิ่งที่ทำเช่นนี้จะครบปีอีกไม่กี่เดือน...สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ระยะเวลาที่เราทำ หากเป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในเส้นทางนั้นมากกว่าค่ะ...หาความพอดีที่พอดีสำหรับตนเอง...และตนเองเท่านั้นที่บอกได้ว่านั่นพอดี...
ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ
(^_______^)
สวัสดีค่ะ...คุณ <o-o> เมื่อ พฤ. 12 เม.ย. 2550 @ 00:16 จาก 203.114.101.123 (221959)
ขอบคุณนะคะที่มาร่วมแสดงความคิดเห็น..
(^_____^)
กะปุ๋ม
คุณ <o-o> เมื่อ พฤ. 12 เม.ย. 2550 @ 00:16 จาก 203.114.101.123 (221959)
"อยากทราบเหตุผลที่คุณกะปุ๋มสะกดคำว่า mindfulness และ meaningful ด้วย L สองตัวค่ะ"
ดร.กะปุ๋มเคยตอบแล้วที่บันทึกนี้นะคะ
มาเยี่ยม...
ช่วงสงกรานต์...
ปฏิบัติตนคล้ายพระธุดงค์ทรงกรด...ฉันข้าวมื้อเดียว...
ทำได้ดีครับผม...
ทานแล้ว...จิตใจจะสดชื่น เบาตัว...ไกลบาปนะครับ
ฮา ๆ เอิก ๆ
ขอบคุณพี่อึ่งอ๊อบมากนะคะ...กะปุ๋มก็คิดอยู่ว่าจะทำ link ไว้ให้คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนามท่านนี้คุณ <o-o> เมื่อ พฤ. 12 เม.ย. 2550 @ 00:16 จาก 203.114.101.123 อยู่เหมือนกันค่ะ...แต่ทราบว่าท่านคงเข้าไปอ่านแล้วแต่นำมาถามอีก ก็เลยไม่ทำดีกว่า...แต่ก็ต้องขอบคุณพี่มากที่ช่วนนำ link นี้มาไว้ที่บันทึกนี้ให้เผื่อท่านอื่นๆ มาเปิดอ่านจะได้ตามไปเจอค่ะ...
ขอบคุณมากนะคะ
(^_______^)
สวัสดีค่ะ...ท่าน อ. umi
กะปุ๋มรู้สึกว่าช่วงนี้ตนเองสุขภาพแข็งแรงขึ้นค่ะ ไปวิ่งก็เบาสบายตัว... ฝึกสติก็สะดวกไม่อึดอัดตัวค่ะ... แต่อีกสองมื้อที่เหลือก็ไม่ได้อดนะคะ มื้อเที่ยงก็ทานผลไม้ มื้อเย็นก็ดื่มน้ำผัก-ผลไม้ปั่นค่ะ...
ขอบพระคุณค่ะ
(^______^)