สวัสดีครับ
บทความนี้อาจยาวสักหน่อย อาจทำให้หลายท่านใจร้อนอยากฟังคำตอบจากท่านพุทธทาสโดยไว แต่ใจเย็นๆ หน่อยครับ เพราะท่านอาจารย์ได้ตอบแต่ละคำถามอย่างละเอียดสักหน่อย เราค่อยๆ ย่อยกันทีละข้อก็แล้วกันนะครับ
ด้วยเวลาอันจำกัด และมีภาระต้องทำ เนื่องจากบทความนี้ยาวหน่อย ผมต้องทะยอยพิมพ์ แล้วตรวจทานอย่างน้อยก็สองรอบ เพื่อกันความผิดพลาด ฉะนั้นอดใจรอหน่อยนะครับ
ในบทความนี้ยังไม่ถึงคำตอบที่เราต้องการ แต่ก็มีความสำคัญไม่น้อย ที่เราจำเป็นต้องอ่านเพื่อปูพื้นทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อน ว่าพุทธศาสนาของเราคืออะไร มุ่งเน้นเรื่องอะไร ไม่งั้นคงตีความกันไปต่างๆ นานา แล้วเถียงกันไปไม่รู้จบ(อย่างน้อยก็ในความคิดเราเอง)
เชิญรับฟังได้เลยครับ
ข้าพเจ้า ได้อ่านปัญหาต่างๆ ของ นายเหตุผล แล้ว อดชมและสงสารความมีใจกล้าหาญของเธอไม่ได้, แม้ข้าพเจ้าจะไม่ทราบน้ำใจของเธอว่า เธอกล่าวออกมาด้วยความสุจริตแห่งความรู้สึกเพื่อคิดค้นหาความจริง หรือว่าด้วยเจตนาทุจริตคิดเหยียบย่ำพุทธศาสนาก็ตาม แต่ถึงหากว่าเธอมีแนวคิดตกอยู่ในประการหลัง ข้าพเจ้าก็ขอชอบเธออยู่นั่นเอง; เพราะข้าพเจ้าคิดว่าอย่างน้อยที่สุด คงมีครั้งหนึ่งที่เธอเคยใช้เวลาตรึกตรอง หาเหตุผล ในธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแล้ว. แต่ยังไม่พบหรือสมใจของเธอเท่านั้น.
ข้าพเจ้าเองเป็นภิกษุรูปหนึ่ง ในจำนวนภิกษุทั้งหลายที่รักและเคารพต่อพระรัตนตรัย, จึงเป็นหน้าที่โดยตรงที่จะทำอย่างดีที่สุดของเพศภูมิและความรู้ความสามารถของข้าพเจ้า ในอันที่จะแก้วาทภัยอันมีผู้สาดเทลงบนพระศาสนาอันเป็นที่รักและเคารพของข้าพเจ้า, อีกอย่างหนึ่ง ข้าพเจ้าออกรู้สึกสงสาร นายเหตุผล มาก. ที่ข้าพเจ้าว่าสงสารนี้ ขออย่าให้ใครๆ หมายว่า ข้าพเจ้าสงสารเธอโดยประการที่เกี่ยวกับความที่เราถือกันว่า เป็นสุขในโลก, ซึ่งในทางนี้ข้าพเจ้าคิดว่า เธอคงมีสุขมาก อย่างน้อยที่สุดต้องมากกว่าข้าพเจ้า : เธออาจเป็นคุณหลวง คุณพระ; เธออาจเป็นนักเรียนที่สำเร็จมาจากนอกอย่างใหม่ถอดด้าม, หรืออย่างใหม่ที่สุดของเวลาที่สุดของวันนี้; เธออาจเป็นคนมีความรู้เชี่ยวชาญในวิทยาศาสตร์แห่งการสร้างมนุษย์; เธออาจเป็นนักล่าสัตว์, แลนักดื่ม, แลเธออาจเป็นอะไรต่ออะไร อีกมากมาย ตามที่เธอชอบ, ตามที่เธอเห็นว่าดีกว่ามีสุขกว่าผู้ที่ถือพุทธศาสนา. ความอาจเป็นไปได้ ที่กล่าวข้างต้นนั้น เราอาจเห็นได้จากเงาฉายแห่งใจของเธอในรูปตัวอักษรที่เธอผูกเป็นปัญหาถามไป, แต่ว่าข้าพเจ้าสงสารความรู้สึกของเธอที่เห็นพระพุทธศาสนา, ซึ่งแม้โลกที่เจริญแล้วด้วยอารยธรรมโดยมาก ก็ยังเห็นว่าเป็นศาสนาที่มีหลักศีลธรรมอันประเสริฐ, ชอบด้วยเหตุผลและเข้ากันได้กับทางวิทยาศาสตร์นั้น ว่าเป็นศาสนาแห่งความทุกข์, เป็นศาสนาอันไม่มีเหตผลไปเสียได้. ความสงสารไม่ใช่ความขึ้งเคียดเกลียดชัง ที่ทำให้ข้าพเจ้าเขียนจดหมายนี้. ข้าพเจ้าขอให้ นายเหตุผล ใช้ความยุติธรรมแลปัญญาอันสุขุมซึ่งพ้นจากอารมณ์อคติทุกชนิด พิจารณาคำตอบของข้าพเจ้าอีกสักครั้ง. ข้าพเจ้าคิดว่า นายเหตุผล มีความคิดและปัญญา สมชื่อที่เธอเลือกตั้งขึ้นแล้ว. (ข้าพเจ้าคิดว่านามนี้คงเป็นนามแฝง ถ้าเป็นความจริง ข้าพเจ้าขออภัย) เชื่อว่า ถึงไม่มาก เธอคงได้รับความรู้ความเห็นในเหลี่ยมดีของพุทธศาสนาบ้าง และถ้าความหวังของข้าพเจ้าไม่พลาด, บางทีในเวลาต่อไปเธอคงไม่ด่วนลงความเห็นว่า ‘องุ่น, เปรี้ยว หรือ หวาน แน่,’ จนกว่าเธอได้ลิ้มรสองุ่นแล้ว.
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะตอบปัญหาของ นายเหตุผล เป็นข้อๆ ไป ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวเรื่องพระพุทธศาสนาแต่ย่อๆ สักหน่อย เหมือนกับการกรุยทางแห่งแนวความคิดที่เราจะจูงมือกันไปหาจุดหมาย. มันเป็นสิ่งที่เหมาะอย่างยิ่ง ที่เราจะต้องทำความเข้าใจถึงความหมายของพุทธศาสนา ก่อนที่เราจะออกความเห็น หรือตีค่าของพุทธศาสนา. เพราะเพชรพลอยอย่างดีมีราคา อาจเป็นของไม่มีประโยชน์และไม่มีค่า แก่ผู้ที่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน : เราจะตีราคาเพชรพลอยให้ถูกต้องอย่างไรได้, ในเมื่อเรายังไม่รู้จักเพชรพลอยที่แท้, และที่ไม่แท้.
พระพุทธศาสนา หรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่อะไร นอกจากคำสั่งสอนอันประหนึ่งแผนที่บอกทาง ซึ่งนำตรงไปสู่จุดหมายที่สุด คือ ความดับทุกข์. ทำนองเดียวกับกฎเกณฑ์ของคณิตศาสตร์ ที่เป็นหลักคิดให้พบผลลัพธ์ที่แน่นอนฉะนั้น. ผลที่ผู้ปฏิบัติพุทธศาสนาหวัง ก็อย่างเดียวกันกับที่นักปฏิบัติอื่น, ที่นอกไปจากพุทธศาสนาเขาหวังกัน : คือ หวังผลแห่งความพ้นทุกข์, และเหมือนกับศาสนาอื่นๆ ในข้อที่ว่าพุทธศาสนาเกิดขึ้นจากปัญหาแห่งทุกข์ และการพ้นทุกข์, คือหมายความว่า เพราะทุกข์มีอยู่ในโลก จึงเกิดมีศาสนาขึ้นเพื่อหาทางพ้นทุกข์ ถ้าไม่มีทุกข์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมีศาสนา เพื่อสอนให้พ้นทุกข์. เราพึงเข้าใจว่าความทุกข์เท่านั้นที่ทำให้เรารู้ว่ามีความสุข; ความทุกข์เท่านั้นที่ทำให้คนคิดหาทางพ้นทุกข์, และความทุกข์เท่านั้นที่ทำให้เกิดศาสนา และหลักปรัชญา ตลอดถึงคณะการเมือง และลัทธิต่างๆ เช่น คอมมิวนิซั่ม, โซชลิซั่ม, แลอิซั่ม อะไรๆ อีกตั้งร้อยแปดพันเก้านั้น จะไม่โผล่รูปโผล่นามขึ้นให้เรารู้จักดอก. รวมความว่าทุกๆ ลัทธิ ทุกๆ ศาสนา ที่มีมาแล้วในอดีต, ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่จะมีมาอีกในอนาคตก็ตาม ล้วนแต่มีความมุ่งหมายเพื่อจะสะสางปัญหาของทุกข์เท่านั้น. เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่า คนไม่รู้ความมุ่งหมายของศาสนา หรือที่รู้ในทางศาสนา อย่างงูๆ ปลาๆ บางคน ทั้งไทยทั้งเทศร้องปาวๆ ว่า “ศาสนาเป็นยาเสพติด; ศาสนาเป็นของจำเป็นแต่สำหรับคนงมงาย และศาสนาเป็นสิ่งที่ขัดความเจริญของโลกปัจจุบัน,” เหล่านั้นเป็นต้นก็ตาม, แม้กระนั้นก็ยังมีส่วนมากแห่งชนเกือบทุกๆ ชาติ เกือบทุกส่วนของโลกที่กล่าวว่า “ศาสนาเป็นของคู่กับชีวิต อันจะพรากจากกันมิได้.”แม้ว่าศาสนาทุกๆ ศาสนา มีความเห็นร่วมกันในข้อที่ว่า มีความพ้นทุกข์เป็นเป้าหมาย, แต่ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกันในข้อที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์. การที่มีความเห็นต่างกันในข้อนี้ ก็เพราะเห็นทุกข์ และเห็นเหตุเกิดของทุกข์ต่างๆ กัน เหตุนี้จึงทำให้เกิดการบัญญัติตั้งลัทธิแลศาสนาขึ้นต่างๆ ตามความเข้าใจเรื่องทุกข์ของครูเจ้าลัทธิ และคณะศาสดาจารย์ต่างๆ แห่งลัทธิแลศาสนานั้นๆ. ใครเห็นว่าทุกข์มีขึ้นกับมนุษย์ เพราะมนุษย์ทำผิดถูกพระเจ้าสาปแช่ง ก็สอนให้มนุษย์อ้อนวอนพระเจ้า; ใครเห็นว่า มนุษย์ได้รับทุกข์เพราะทำกรรมที่เป็นบาป ก็สอนให้มนุษย์ทำกรรมที่เป็นบุญ: ใครว่าทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่ความจน ก็สอนให้คนทำการงานเพื่อมั่งมี, ตลอดถึงว่าเมื่อใครเห็นว่าทุกข์เพราะไม่มีสุรากิน ก็จัดการหาทางทำสุราขึ้น เป็นต้น.
ความเห็นของพระพุทธศาสนา ไม่ตรงกับศาสดาอื่น คือเห็นความทุกข์ เช่น แทนที่จะเห็นว่าความเกิดเป็นของดีมีสุข, กลับเห็นว่าเป็นทุกข์ เพราะถือว่าความเกิดเป็นทางให้เกิดทุกข์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับความเกิด เช่น ความแก่ ความเจ็บ และความตาย เป็นต้น เกิดขึ้นตามกัน. หลักสำคัญของพุทธศาสนา คือให้เห็นว่า อะไรเป็นทุกข์, เมื่อเห็นจริงแล้วก็หาเหตุของทุกข์ จนถึงกับหาทางที่จะให้ถึงซึ่งความดับทุกข์, หรือพูดให้สั้นๆ กว่านี้คือ พุทธศาสนาสอนให้รู้เหตุรู้ผล และสอนให้เราทราบว่าสิ่งทั้งปวงมาแต่เหตุ : เหตุยังมีอยู่ ผลก็คงมีอยู่; เหตุสิ้นไป ผลก็ดับไป; ผลจะดับไป เพราะเหตุดับไป. เพราะฉะนั้นเมื่อเราจะดับผล ต้องสาวหาเหตุ แล้วไปดับที่เหตุ. อุปมาอย่างเสือหรือสิงห์ เมื่อถูกยิงด้วยลูกปืน หรือลูกศร แทนที่จะมัวกัดลูกปืน หรือลูกศรอยู่ กลับกระโดดไปยังทางที่ลูกศรหรือลูกปืนถูกปล่อยมา, เพื่อกัดคนซึ่งใช้ปืนหรือลูกศรประหารมัน, ต่างกับสุนัขซึ่งถ้าใครเอาไม้ไปแหย่มัน แทนที่จะตรงไปกัดปรปักษ์ของมัน กลับไปกัดไม้นั่นเอง. ฉะนั้นเราจึงไม่ต้องประหลาดใจ ในเมื่อทราบว่า พระพุทธเจ้า แทนที่จะสอนวิธีดับความแก่, ความเจ็บ, ความตาย และความทุกข์โทมนัสต่างๆ ด้วยการเยียวยาด้วยธาตุวัตถุภายนอก อย่างโลกโดยมากกระทำและเข้าใจกัน, แต่กลับทรงสอนวิธีดับความเกิด ด้วยการปฏิบัติธรรมดันเป็นปัจจัยนำไปสู่การดับกิเลสซึ่งจะทำให้เกิดเรื่อยไป; เพราะการคิดดับความแก่ ความเจ็บและความตาย โดยไม่คิดดับความเกิดนั้น ย่อมเป็นความคิดที่ไม่ตรงกับเหตุที่แท้จริง; เพราะตราบใดที่ยังมีการเกิด, การแก่ เจ็บ ตาย ก็ยังมีอยู่ตราบนั้น.
มีข้อควรจำไว้อย่างหนึ่งว่า พุทธศาสนาหรือธรรมอันพระพุทธเจ้าทรงเผยแผ่ขึ้นนี้ ไม่ได้เป็นของพระองค์ ไม่ได้เป็นของชาวสิงหล พม่า สยาม และของใครโดยเฉพาะ แต่ว่าเป็นของโลกเป็นของประจำโลก แลเป็นสิ่งที่ประชาชนของโลก ไม่เลือกชาติ ชั้น วรรณะ ทั้งหมดทั้งสิ้นควรรู้และควรปฏิบัติตาม, และถ้าใครปฏิบัติตามก็จะเห็นผลแลได้ผลจริง, ถ้าแม้นว่าผู้ปฏิบัติรู้ความหมายและไม่ปฏิบัติโดยงมงาย.
คราวหน้า รับรองว่าได้อ่านคำตอบได้อย่างจุใจแน่นอนครับ
ธรรมะสวัสดีครับครับคุณวีร์
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
เบิร์ด " พร้อม " ที่จะรออ่านคำตอบของท่านพุทธทาสไปทีละข้อ..โดยไม่เกิด " ความอยาก " แล้วค่ะ..^ ^
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
เบิร์ดก็เข้าบล็อกของตัวเองไม่ค่อยได้เหมือนกันค่ะ..ช้าแล้วก็หลุด..บางครั้งก็ต้องใช้เวลานาน..พิสูจน์ได้เลยนะคะว่าไม่ได้วางยา..^ ^
ถึงจะเข้าได้ช้า..แต่ก็อยากบอกว่าบ้าน ( บล็อก ) นี้ยินดีต้อนรับคุณธรรมมาวุธเสมอค่ะ ( ถึงแม้เจ้าของบ้านอาจจะเข้าไปรออยู่ไม่ค่อยทันก็ตาม แหะ..แหะ.. )
![]() |
เข้ามาอ่านทบทวน....
เคยอ่านตอนแรกๆ บวช โน้นแหละ...
หลวงพี่มีปรกติไม่อ่านหนังสือของท่านอาจารย์พุทธทาสมานานสิบกว่าปีแล้ว...
ยุคนั้น มีปัญหาเรื่องคอมมิวนิสต์ และคนกำลังเชื่อวิทยาศาสตร์ แต่ยุคนี้...
เจริญพร
![]() |
กราบนมัสการครับพระคุณเจ้า
กราบงามๆ 3 ครั้งครับ
![]() |
...... ที่ละไว้
หมายถึง ยุคนี้ ไม่เหมือนยุคโน้น สถานการณ์และความเชื่อของคนเปลี่ยนไป.....(ส่วนยุคนี้ จะเป็นอย่างไร ทุกคนก็มีคำตอบของตัวเองได้)
เมื่ออ่านก็ควรคิดถึงบริบทของยุคโน้น...ประมาณนี้
แต่มิใช่ว่าข้อเขียนยุคโน้น ไม่สามารถสะท้อนยุคนี้ได้เลย...
เจริญพร
ขอบพระคุณครับพระคุณเจ้าที่ตอบเร็วทันใจเหลือเกิน
กราบ 3 ครั้งครับ
แวะมาบอกว่าชอบตอนที่เขียนไว้ว่า พระพุทธเจ้าสอนวิธีให้รู้จักดับความเกิด มากๆ ค่ะ
รออ่านตอนต่อนะคะ