หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
ศก. ตกไม่รุนแรง "...
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ศก. ตกไม่รุนแรง "สุรยุทธ์" ยัน-ปัดคลังขัด ธปท.
ศก. ตกไม่รุนแรง "สุรยุทธ์" ยัน-ปัดคลังขัด ธปท.
บาทแกว่งยวบ
30
ส.ต. สะพัดใบสั่งแบงก์ช้อน
"
บาท" อ่อนยวบวันเดียว
30
ส.ต.
สะพัด ธปท.สั่งแบงก์
เข้าช้อนซื้อดอลลาร์ "ธาริษา"
โวย ปธ.สมาคมธนาคารถ่ายทอดคำพูดเพี้ยน ปมข่าวลือ
นายกฯ เรียกประชุมทีม
ศก.
ยอมรับห่วง "บาทแข็ง"
สั่ง "โฆสิต" เร่งทำความเข้าใจ ปชช. เรื่อง ศก. พร้อมถกเอกชนหามาตรการช่วย
27
มี.ค. หอ
ค้าวอนแบงก์ชาติเร่งลดดอกเบี้ย
1%
เมื่อเวลา
09.00
น. วันที่
23
มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.
สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี ได้เรียก
ทีมเศรษฐกิจมาพบที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อหารือแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบด้วย นาย
โฆสิต ปั้นเปี่ยม
รัษฎ์
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นาย
ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นาย
เกษม สนิทวงศ์
ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นาย
อำพน กิตติอำพน
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
นาย
วุฒิพันธุ์ วิชัย
รัตน์
ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
พล.อ.สุรยุทธ์เปิดเผยว่า นายโฆสิตได้เสนอแนวทางการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจในระยะเบื้องต้น ส่วนใหญ่
เกี่ยวข้องกับการทำงานในภาครัฐที่ต้องขับเคลื่อนงบประมาณไปสู่ราชการในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ทั้งนี้นายโฆ
สิต
และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ชี้แจงในภาพรวมให้ประชาชนรับทราบต่อไป ส่วนเรื่องการแข็งค่าของเงินบาท
เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังจะดูรายละเอียดและชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ
ว่าจะทำอะไรอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการคลัง รู้สึกเป็นห่วงกับเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า
"
ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนมีความกังวล แต่ก็คิดว่า ธปท. และกระทรวงการคลังได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะชี้แจงเรื่องเหล่านี้ต่อไป"
จากนั้น พล.อ.
สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษ "มติชน" ถึงแนวทางการขับเคลื่อน
เศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ปัญหาด้านเศรษฐกิจขณะนี้คือมีการชะลอตัวลงมานิดหน่อย ส่งผลกระทบต่อประชาชน
บ้าง
ในเรื่องการจับจ่ายใช้สอย แต่ไม่รุนแรง จึงมีการเปิดตัวโครงการอยู่ดีมีสุขที่จะให้มีเงินลงไปสู่ฐานรากประมาณ
1
หมื่นล้านบาทภายในปีงบประมาณ
2550
และจะมีการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
2551
ส่วนการลงทุนขณะนี้ไม่ได้ลดลง แต่
2-3
เรื่องหลักอาจกระทบบรรยากาศการลงทุน เช่นมาตรการกันสำรอง
30%
การแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว เป็นต้น แต่รัฐบาลกำลังปรับแก้
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึงกระแสความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับ ธปท. ในการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า
โดยยืนยันว่า ไม่ได้เกิดความขัดแย้ง เพราะต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่รับผิดชอบ รัฐบาลไม่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของ
ธปท. แต่มีหน้าที่กำกับดูแล
"
อย่างการเปลี่ยนแปลงของเรื่องค่าเงินบาทก็อยู่ในความรับผิดชอบของ ธปท.
โดยมีกระทรวงการคลังคอยติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะรัฐมนตรีคลังก็มองภาพในเรื่องนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
ท่านให้ข้อคิดเห็นว่าเราควรดูแลเรื่องความเปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด เราไม่ควรทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่มากจนเกินไปแล้วส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาต่อตลาด เพราะจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของไทย นี่คือปัญหาที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งหากจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรแต่ละครั้งในด้านการเงินการ
คลัง" พล.อ.สุรยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนไม่ใช่นักเศรษฐกิจ แต่ก็ดูอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราในสกุลต่าง ๆ เช่น เงินสกุลยู
โรก็แข็งค่าขึ้นร้อย
12
หากเทียบกับสกุลดอลลาร์ ตรงนี้จะเห็นว่าเป็นเพราะดอลลาร์อ่อนลงทั่วโลก
อย่างไรก็ตามต้องดูว่ามีปัจจัยอื่นภายในประเทศหรือไม่ หากไม่เห็นปัจจัยอื่นนอกจากเป็นเพราะดอลลาร์อ่อนทั่วโลก คงเป็นเรื่องยากที่จะไปแก้ เพราะทุ่มไปเท่าไรก็ลำบาก
นายโฆสิต กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวม
2
ครั้งที่ผ่านมา ให้นายกรัฐมนตรีได้ทราบถึงความคิดเห็นของทุกภาคส่วน
และหลังจากนี้ สศช. จะสรุปเป็น
รายงานเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่อยู่นอกเหนือความควบคุม เช่นค่าเงินที่มีหลายปัจจัยมารุมล้อม รวมทั้ง
ชี้แจงประชาชนว่าเวลานี้คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวมที่ดูแลและรับฟังสถานการณ์เศรษฐกิจร่วมกัน
และหลังจากนี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจจะเดินทางมารายงานความคืบหน้าในการทำงานให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ
นายโฆสิตกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือร่วมกันถึงการออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการให้
ค้าขายคล่องตัว ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวแข่งขันทันกับการเปลี่ยนแปลงได้ โดยได้ข้อสรุป
ในเบื้องต้นเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าว่าจะหารือร่วมกับภาคเอกชนในวันที่
27
มีนาคม ก่อน โดยมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส
2
และ
3
จะยังสามารถขยายตัวได้ในระดับที่เหมาะสม เพราะโครงการต่าง ๆ จะเริ่มเป็น
รูปเป็นร่าง เช่น โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ติดขัดเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่กำลังเร่งสรุปเพื่อให้
ทุก
อย่างคลี่คลายในไตรมาส
3
ส่วนการดูแลเรื่องค่าเงินบาท นายโฆสิตกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการประชุมว่าต้องการให้
ชี้แจงกับประชาชนเข้าใจด้วยเช่นกันว่าเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาแบบเปรียบเทียบระหว่างประเทศ หากเงินบาท เงิน
มาเลเซีย
และเงินดอลลาร์แข็งเหมือนกันก็ไม่เป็นไร และ ธปท. ก็มีข้อมูลอยู่แล้ว จึงมอบให้ ธปท.ไปศึกษาจะดีที่สุด
แต่ที่ประชุมไม่ได้คุยกันเรื่องค่าเงินบาท และมาตรการกันสำรองเงินทุนระยะสั้น
30%
เพราะเป็นหน้าที่ของ ธปท.
ที่จะต้องดูแลและตัดสินใจด้วยตัวเอง
"
ถ้าถามว่าห่วงเรื่องค่าเงินบาทหรือไม่ ต้องตอบว่ากังวล แต่ถือเป็น
สถานการณ์
ที่ประสบกันทั้งโลก ไม่ได้เจอเฉพาะประเทศไทย และเสียงสะท้อนจากภาคส่งออกที่กังวลว่าค่าเงินบาท
อาจจะแตะ
ที่ระดับ
32-33
บาทต่อดอลลาร์ คิดว่าคงจะไม่ใช่ ต้องดูโดยเปรียบเทียบมากกว่า คิดว่าภาคเอกชนเข้าใจดี" นายโฆสิตกล่าว
นาย
ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ธปท.
จะต้องดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้มีเสถียรภาพต่อไป รวมถึงจะต้องดูแลให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่
เหมาะสม
ทั้งนี้ ได้มีการรายงานถึงภาวะเศรษฐกิจว่าชะลอลง รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
โดย
ต้องพยายามหาเม็ดเงินใส่ลงไป ทั้งการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจเร่งปล่อยสินเชื่ออย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
รวมถึงเร่งให้นักลงทุนเอกชนร่วมมือด้วย
"
โดยทั่วไปนักลงทุนก็ยังคงเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทย เพียงแต่ในช่วง
1-2
เดือนที่ผ่านมา มีตัวเลขชี้ว่าการลงทุนและการบริโภคในประเทศลดลง เพราะทุกฝ่ายรีรอให้มีการ
ลด
ดอกเบี้ยลง ซึ่งแนวโน้มก็คงจะลดลงมาอีก" นายฉลองภพกล่าว และว่า สถานการณ์ค่าบาทที่แข็งค่าตลอด
1
ปี
ที่ผ่านมาจนตอนนี้ค่าบาทแข็งมาก ถึงจุดหนึ่งค่าบาทอาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลงก็ได้ เพราะตลาดอาจมองว่า ค่า
บาทแข็งมานานแล้ว
วันเดียวกัน ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการระบบการชำระเงิน ซึ่งมีนาง
ธาริษา วัฒนเกส
ผู้ว่าการ ธปท. เป็นประธาน
ก่อนการประชุม นาย
ประมนต์ สุธีวงศ์
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการระบบ
การชำระเงิน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกกำลังตกเป็นผู้ต้องหาในการทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากในช่วงนี้ ซึ่งไม่ทราบ
ว่าข้อเท็จจริงแล้วผู้ส่งออกได้เทขายดอลลาร์ในปริมาณที่ทำให้ค่าเงินบาทเป็นเช่นในปัจจุบันหรือไม่ แต่ยอมรับว่า
คงมีผู้ส่งออกบางรายขายสัญญาซื้อขายอัตราแลกล่วงหน้า (
Forward)
ก่อนครบกำหนดจริง เนื่องจากเกรงว่าเงิน
บาทจะปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีก
"
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทในระดับปัจจุบันได้ปรับตัวแข็งค่าจนน่าจะถึงจุดที่ทำให้ต่างชาติต้องหันกลับมาคิดว่าการนำเงินเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทคงจะมีกำไรลดลง" นายประมนต์กล่าว
นายประมนต์กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีความเข้าใจผิดว่าทางคณะกรรมการร่วม
3
ฝ่าย (กกร.) ต้องการให้
ธปท. ยกเลิกมาตรการกันสำรอง
30%
ทั้งที่ กกร. เพียงแต่มีความเห็นว่าหาก ธปท. มีมาตรการอื่นที่
เหมาะสมมา
ทดแทนและสามารถดูแลให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพก็เป็นสิ่งที่ทำได้
"
สิ่งที่ภาคเอกชนเสนอกันอย่างมากคือ ให้
ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งตัวเลขที่พูดกันคือปรับลดดอกเบี้ยอีก
2
ครั้ง ครั้งละ
0.5%
หรือปรับลด
เพียงครั้งเดียว
1%
ซึ่งทางสภาหอการค้าเคารพการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงินไม่ว่าจะเลือกใช้
วิธีใดก็ตาม เพียงแต่ต้องการให้อัตราดอกเบี้ยของไทยไม่ให้สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ขณะเดียวกันการลดดอกเบี้ยจะช่วยทำให้ความเชื่อมั่นของนักธุรกิจฟื้นตัวได้ จนนำไปสู่การลงทุนขยายกำลังการผลิต" นายประมนต์กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท นักค้าเงินจากธนาคารพาณิชย์รายหนึ่งระบุว่า ตลอดทั้งวันเงินบาทแกว่งตัวอย่างรุนแรงมาก เปิดตลาดที่
34.70-34.72
บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นเงินบาทได้อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
โดยอ่อนตัวสูงสุดที่ระดับ
35.06
บาท/ดอลลาร์สหรัฐ กระทั่งมาปิดตลาดที่
35.01-35.05
บาท/ดอลลาร์สหรัฐ หรือ
เปลี่ยนแปลงถึง
30
สตางค์ต่อดอลลาร์ ในเวลาเพียงวันเดียว ซึ่งถือว่าค่อนข้างผิดปกติ
นักค้าเงินระบุว่า เหตุผลที่เงินบาทอ่อนค่าลงรวดเร็วเป็นผลจาก
2
ปัจจัย คือ
1.
ตลาดตีความการให้
สัมภาษณ์ของ พล.อ.
สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี หลังการประชุมทีมเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าทางการน่าจะต้องมีมาตรการบางอย่างออกมาสกัดเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ผู้ส่งออกหยุดขายดอลลาร์
2.
มีธนาคารพาณิชย์เข้าช้อนซื้อดอลลาร์สหรัฐเก็บจำนวนมากเพื่อรอเก็งกำไร เพราะคาดว่า ธปท. จะต้องมีมาตรการออกมาในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงกว่าปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม นักค้าเงินรายหนึ่งเปิดเผยว่า มีข่าวลือว่า ธปท. ได้เชิญผู้บริหารธนาคารพาณิชย์มาหารือเกี่ยวกับการดูแลค่าเงินบาท โดยให้ธนาคารพาณิชย์เข้ารับซื้อเงินดอลลาร์ จนทำให้ธนาคารพาณิชย์เข้าซื้อดอลลาร์ในวันนี้จำนวนมาก ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง
หลังจากนั้น นาง
ธาริษา วัฒนเกส
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินบาทเป็นผลจากข่าวลือ
ที่เกิดขึ้นหลากหลายในตลาด ซึ่งยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้เชิญผู้บริหารธนาคารพาณิชย์มาหารือ แต่ได้มีการพูดคุยกับนาย
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย ซึ่งไม่รู้ว่านายอภิศักดิ์ได้ถ่ายทอดสิ่งที่ได้พูดคุยกันอย่างไร จึงทำให้สถานการณ์ออกมาเป็นเช่นนี้ โดยเงินบาทที่อ่อนค่าลง
เป็นผลจากข่าวลือที่มีมากมายในตลาด ส่วนที่ธนาคารพาณิชย์เข้าไปช้อนซื้อดอลลาร์จำนวนมากนั้น คิดว่าคงมี
เหตุผลของแต่ละรายที่ตนพูดไม่ได้
มติชน (บางส่วน) 24 มี.ค. 50
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library
ใน
สรุปข่าวประจำวันของห้องสมุดกรมบัญชีกลาง
คำสำคัญ (Tags):
#ภาวะเศรษฐกิจ
หมายเลขบันทึก: 86505
เขียนเมื่อ 26 มีนาคม 2007 11:49 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:55 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ห้องสมุดกรมบัญชีก...
สมุด
สรุปข่าวประจำวันข...
ศก. ตกไม่รุนแรง "...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท