คำนำ
นานาเรื่องราวการจัดการความรู้
นานาเรื่องราวการจัดการความรู้ จำนวน 30 เรื่องนี้ เขียนขึ้นแบบตีความ คล้ายเอาแว่นส่องแล้วเขียนว่าเห็นอะไร แว่นที่ใช้ส่องนั้นคือ “แว่นจัดการความรู้” เรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้คงจะสามารถตีความได้หลากหลายแบบ แล้วแต่ “จริต” ของผู้ตีความ ในที่นี้ผู้ตีความคือทีมสร้างกระแสการจัดการความรู้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า ที่มประชาสัมพันธ์ นำโดยคุณเปา (ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร) และมีทีมงาน ๓ คนคือ คุณตุ่ม (ศศิธร อบกลิ่น) คุณน้ำ (จิราวรรณ เศลารักษ์) และคุณแขก (อาทิตย์ ลมูลปลั่ง) ท่านทั้งสี่นี้คือเจ้าของการตีความในหนังสือเล่มนี้ โดยที่มีการทำงานแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับทีมงานของ สคส. และภาคีเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา
เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้บอกอะไรเราบ้าง คงจะตีความไปได้แตกต่างหลากหลายเช่นเดียวกัน ในการตีความของผม ผมเห็นสิ่งต่อไปนี้
1. หน่วยงานหรือชุมชนเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีการดำเนินการจัดการความรู้อยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้จักการจัดการความรู้
2. เมื่อทำความรู้จักหลักการและวิธีการจัดการความรู้ แล้วนำไปปฏิบัติ เกิดการก้าวกระโดดในการพัฒนาคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ของงานอย่างชัดเจน
3. ผู้คนที่เป็นสมาชิกของหน่วยงานหรือชุมชนที่ดำเนินการจัดการความรู้ มีความสุขมากขึ้น มีความมั่นใจในศักยภาพของตนเอง และเพื่อนร่วมงานมากขึ้น เกิดความเคารพและเห็นคุณค่าซึ่งกันและกันมากขึ้น
4. หากมีการเชื่อมโยงขับเคลื่อนกิจกรรมจัดการความรู้เหล่านี้ ให้ดำเนินการอย่างมีระบบมากขึ้น ใช้หลักวิชาด้านการจัดการความรู้มากขึ้น จะเกิดการเพิ่มคุณค่าและมูลค่า (value add) ของกิจกรรมเหล่านั้น และจะนำไปสู่การเป็นสังคมที่มีความรู้เป็นฐาน
การจัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น มีเป้าหมายเพื่อใช้เรื่องราวในหนังสือนี้เป็นสื่อเชื่อมเครือข่ายจัดการความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ให้ผู้สนใจจะใช้เครื่องมือนี้รู้ว่าจะไปขอเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์และความสำเร็จได้ที่ไหน เราเชื่อว่าการไปขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน จะเป็นเครื่องมือขยายกิจกรรมจัดการความรู้ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายหรือพัฒนาในเชิงคุณภาพ
เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เป็น “ตัวอย่างคัดสรร” ที่ทีมผู้จัดทำได้ทุ่มเทเวลาและความสามารถ เข้าไปศึกษาเรื่องราวและนำมาถ่ายทอด (แบบตีความดังกล่าวแล้ว) แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวอย่างของการดำเนินการจัดการความรู้ที่ดี ในประเทศไทยมีอยู่เพียงแค่นี้ เราเชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายเท่าของกรณีตัวอย่างในหนังสือนี้ เพียงแต่ว่าทีมงานยังเข้าไม่ถึง ดังนั้นหากมีหน่วยงานใด หรือชุมชนใด ดำเนินการในทำนองนี้อยู่ โปรดเล่าเรื่องราวของท่านให้ทีมผู้จัดทำหนังสือนี้ทราบ หรือแจ้งแก่ สคส. ทางเว็บไซต์ www.kmi.or.th หรือเปิด บล็อก ใน http://gotoknow.org เล่าเรื่องราวของท่าน ทีมงานของ สคส. จะพิจารณาไป “จับภาพ” การจัดการความรู้ของท่านเอามาเผยแพร่ในรูปแบบที่หลากหลาย
เป้าหมายสุดท้าย คือการร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยครับ ขับเคลื่อนไปสู่สังคมความรู้ – สังคมปัญญา เน้นที่ ปัญญาปฏิบัติ
วิจารณ์ พานิช
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
http://thaikm.gotoknow.org
[email protected]
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘
นานาเรื่องราวการจัดการความรู้
นานาเรื่องราวการจัดการความรู้ จำนวน 30 เรื่องนี้ เขียนขึ้นแบบตีความ คล้ายเอาแว่นส่องแล้วเขียนว่าเห็นอะไร แว่นที่ใช้ส่องนั้นคือ “แว่นจัดการความรู้” เรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้คงจะสามารถตีความได้หลากหลายแบบ แล้วแต่ “จริต” ของผู้ตีความ ในที่นี้ผู้ตีความคือทีมสร้างกระแสการจัดการความรู้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า ที่มประชาสัมพันธ์ นำโดยคุณเปา (ปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร) และมีทีมงาน ๓ คนคือ คุณตุ่ม (ศศิธร อบกลิ่น) คุณน้ำ (จิราวรรณ เศลารักษ์) และคุณแขก (อาทิตย์ ลมูลปลั่ง) ท่านทั้งสี่นี้คือเจ้าของการตีความในหนังสือเล่มนี้ โดยที่มีการทำงานแบบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันกับทีมงานของ สคส. และภาคีเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา
เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้บอกอะไรเราบ้าง คงจะตีความไปได้แตกต่างหลากหลายเช่นเดียวกัน ในการตีความของผม ผมเห็นสิ่งต่อไปนี้
1. หน่วยงานหรือชุมชนเหล่านี้ ส่วนใหญ่มีการดำเนินการจัดการความรู้อยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้จักการจัดการความรู้
2. เมื่อทำความรู้จักหลักการและวิธีการจัดการความรู้ แล้วนำไปปฏิบัติ เกิดการก้าวกระโดดในการพัฒนาคุณภาพและผลสัมฤทธิ์ของงานอย่างชัดเจน
3. ผู้คนที่เป็นสมาชิกของหน่วยงานหรือชุมชนที่ดำเนินการจัดการความรู้ มีความสุขมากขึ้น มีความมั่นใจในศักยภาพของตนเอง และเพื่อนร่วมงานมากขึ้น เกิดความเคารพและเห็นคุณค่าซึ่งกันและกันมากขึ้น
4. หากมีการเชื่อมโยงขับเคลื่อนกิจกรรมจัดการความรู้เหล่านี้ ให้ดำเนินการอย่างมีระบบมากขึ้น ใช้หลักวิชาด้านการจัดการความรู้มากขึ้น จะเกิดการเพิ่มคุณค่าและมูลค่า (value add) ของกิจกรรมเหล่านั้น และจะนำไปสู่การเป็นสังคมที่มีความรู้เป็นฐาน
การจัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น มีเป้าหมายเพื่อใช้เรื่องราวในหนังสือนี้เป็นสื่อเชื่อมเครือข่ายจัดการความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ให้ผู้สนใจจะใช้เครื่องมือนี้รู้ว่าจะไปขอเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์และความสำเร็จได้ที่ไหน เราเชื่อว่าการไปขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน จะเป็นเครื่องมือขยายกิจกรรมจัดการความรู้ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายหรือพัฒนาในเชิงคุณภาพ
เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้เป็น “ตัวอย่างคัดสรร” ที่ทีมผู้จัดทำได้ทุ่มเทเวลาและความสามารถ เข้าไปศึกษาเรื่องราวและนำมาถ่ายทอด (แบบตีความดังกล่าวแล้ว) แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวอย่างของการดำเนินการจัดการความรู้ที่ดี ในประเทศไทยมีอยู่เพียงแค่นี้ เราเชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายเท่าของกรณีตัวอย่างในหนังสือนี้ เพียงแต่ว่าทีมงานยังเข้าไม่ถึง ดังนั้นหากมีหน่วยงานใด หรือชุมชนใด ดำเนินการในทำนองนี้อยู่ โปรดเล่าเรื่องราวของท่านให้ทีมผู้จัดทำหนังสือนี้ทราบ หรือแจ้งแก่ สคส. ทางเว็บไซต์ www.kmi.or.th หรือเปิด บล็อก ใน http://gotoknow.org เล่าเรื่องราวของท่าน ทีมงานของ สคส. จะพิจารณาไป “จับภาพ” การจัดการความรู้ของท่านเอามาเผยแพร่ในรูปแบบที่หลากหลาย
เป้าหมายสุดท้าย คือการร่วมกันขับเคลื่อนสังคมไทยครับ ขับเคลื่อนไปสู่สังคมความรู้ – สังคมปัญญา เน้นที่ ปัญญาปฏิบัติ
วิจารณ์ พานิช
สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.)
http://thaikm.gotoknow.org
[email protected]
๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย Prof. Vicharn Panich ใน KMI Thailand
คำสำคัญ (Tags)#ชุมชน#km#ด้านการศึกษา#ธุรกิจ
หมายเลขบันทึก: 8573, เขียน: 01 Dec 2005 @ 20:56 (), แก้ไข: 17 Jun 2012 @ 16:52 (), สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ, อ่าน: คลิก
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก