สิ่งที่ได้เรียนรู้กับงานอาสาสมัครในโรงพยาบาล


"หนูคะเก้าอี้มันไม่รักดีนะคะถ้าหนูโยก เพราะฉนั้นอย่าโยกนะคะเพราะว่ามันไม่รัก"

          วันที่  13 มีนาคม 50 ฉันได้ไปเป็น อส.ในโรงพยาบาลรามา ก่อนอื่นฉันต้องไปลงทะเบียนก่อนและพบปะพูดคุยกับหัวหน้างานฝ่าจิตอาสาของ รพ.เพื่อที่จะพาฉันไปยังหน่วยงานที่จะจะเข้าไปเป็นอาสาสมัครซึ่งก็คือ ตึกผู้ป่วยเด็ก 2 ในส่วนผู้ป่วยเด็กที่เราไปนี้เป็นเด็กโดยส่วนมากเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหอบ ออทิสติก ซึ่งเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ของตึกนี้ได้พาเราเดินไปแนะนำตัวกับเด็กป่วยและผู้ปกครอง จากากรบอกเล่าของเจ้าหน้าที่พบว่าเด็กแต่ละคนมีอาการซึมเศร้า ไม่ค่อยพูด อยากมีเพื่อนเล่น ซึ่งบางคนอยู่นาน มีโรคคิดถึงบ้าน เจ้าหน้าที่ชื่อพี่เอี่ยม ซึ่งเป็นคนที่ใจเย็นมาก ดูแล้วมีความอบอุ่นอยู่ในตัวยิ้มแย้มแจ่มใส่ มีวิธีในการดูเด็กที่น่ารัก น่ารัก เช่นเด็กนั่งเก้าอี้แล้วเสี่ยงต่อการตก พี่เอี่ยมก็จะบอกกับเด็กป่วยว่า "หนูค่ะเก้าอี้มันไม่รักดีนะค่ะถ้าหนูโยก เพราะฉนั้นอย่าโยกนะค่ะเพราะว่ามันไม่รัก" ฉันฟังแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้    

                  เดินไปตามเตียงได้เจอกับน้องคนหนึ่งที่ป่วยเป็นเด็กพิเศษมีพัฒนาการที่ช้า พอมองหน้าฉันและก็พี่เอี่ยมและก็น้องนิค จากนั้นก็โผเข้ากอดฉัน มันทำให้เรารู้สึกได้ว่าเด็กเหมือนต้องการความรักจากทุก ๆ คน สังเกตได้จากที่น้องจะชอบให้คนอื่นๆ ก่อน เวลานอนก็จะชอบให้ฉันลูบหลัง ฉันได้พาน้องไปเล่นที่ห้องนันทนาการของตึกเด็กป่วย น้องชอบมากสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว ชอบอะไรที่เคลื่อนไหว ซึ่งฉันก็ไม่รู้สาเหตุมาก่อน จากนั้นได้ส่งน้องที่เตียงเพราะถึงเวลาข้าวเที่ยงแล้ว ไปที่เตียงก็ได้เจอกับคุณยาย ซึ่งดูแลน้องมาตลอดตั้งแต่แรกเกิด คุณยายได้เล่าให้ฉันได้ฟังเกี่ยวกับอาการป่วยของน้องตั้งแต่เริ่มเป็น เมื่อก่อนเดินไม่ได้ คุณยายก็ฝึกให้น้องเดินได้ และได้รับแรงกดดันจากรอบข้างของคุณยายเกี่ยวกับตัวน้องที่ป่วยด้วยการพัฒนาการช้า "จาพาไปรักษาทำไม ไม่หายหรอก " "ก็พิการไปแล้วจะไปดิ้นรนทำไม" ซึ่งคุณยายเล่าไปด้วยน้ำตาซึมไปด้วย คุณยายบอกกับฉันว่าคุณยายไม่ท้อหรอกขนาดน้องเดินไม่ได้คุณยายยังทำให้เดินได้ กับแค่น้องไม่ยอมพุดทำไมคุณยายจะทำไม่ได้  ฉันรู้สึกได้ถึงการต่อสู้ของคุณยายเกี่ยวกับการรักษาน้องเป็นอย่างมาก มันสื่อออกมาจากดวงตาที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาแต่มันแฝงด้วยความเชื่อที่เต็มไปด้วยพลัง  ฉันได้ให้กำลังใจคุณยาย เพราะรู้ว่าการพัฒนาช้านี้ต้องรักษาให้ถูกจุด เด็กมีสิทธิที่จะดีขึ้นเรื่อย ๆ สู้ ๆ นะค่ะคุณยายหนูเอาใจช่วย           

                  หลังจากที่ฉันไปส่งน้องที่ป่วยด้วยโรคพัฒนาการช้าแล้วก็ได้เจอกับเด็กผู้หญิงที่ช่างพูด ช่างเจรจา ใครจะรู้ว่าเด็กที่พุดเก่ง ร่าเริงจะป่วยด้วยโรคหัวใจ   ซึ่งทราบว่าหนูน้อยคนนี้ต้องผ่าตัดวันพรุ่งนี้ สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจนั้น ไม่ใช่เพียงแต่หนูน้อยคนนี้ค่ะ ฉันประทับใจครอบครัวของเอด้วยเพราะถึงแม้ว่าเธอจะโชคร้ายที่ป่วยเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เด็ก แต่เธอช่างมีครอบครัวที่อบอุ่น พ่อของเธอเข้ามาคุยกับเธอและก็ถามว่า"วันนี้หมอมาตรวจรึยัง มีความดันเท่าไหร่ แล้ววันนี้เหนื่อยไหม" แต่ประโยคเด็ดอยู่ที่ พ่อของเธอถามว่า "พรุ่งนี้ต้องผ่าตัดแล้ว หนูกลัวไหม สู้ไม่สู้ หนูน้อยได้ตอบพ่อ สู้ค่ะ และหนูน้อยก็ได้ทำกำปั้นทั้งสอง ชนกับพ่อของเธอ สู้ สู้ค่ะ " ฉันเห็นแล้วประทับใจมาก เพราะว่าการที่มีครอบครัวที่เป็นแรงใจให้ และคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้หนูน้อยคนนั้นเข้มแข็งมาก ไม่กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะเธอรับรู้ได้ว่าถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้น พ่อและแม่ของเธอ ก็ไม่ทอดทิ้งเธอไปไหน ความรักและความรู้สึกนี้มันสามรถถ่ายทอดไปถึงกันได้จริง ๆ ค่ะ หากพ่อแม่ มีความเข็มแข็ง ก็จะส่งผล ถึงลูกที่ป่วยด้วยค่ะ    

                     วันนี้เป็นวันที่ได้ประสบการณ์อะไรดี ๆ และแปลกใหม่ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในภาวะแวดล้อมที่เป็นทุกข์ แต่มันก็แฝงไปด้วยความสุข เล็ก มันทำให้ฉันรู้สึกว่า ความสุขเล็ก ๆของเด็กป่วย ช่างเป็นความรู้สึกสุขมากมายของฉัน จริง ๆ ขอบคุณน้อง ๆ เด็กป่วยที่ให้ประสบการณ์ที่ดีกับฉันค่ะ  แล้วเราจะได้เจอกันอีกแน่นอน

 

หมายเลขบันทึก: 84005เขียนเมื่อ 14 มีนาคม 2007 15:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท