ทีมงานการจัดการความรู้ของกรมส่งเสริมการเกษตร ได้ขนานนามใหม่ให้ดิฉันว่า “คุณชม คุณดม” ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า
1. เมื่อมีคนใดคนหนึ่งในทีมงานการจัดการความรู้ทำความดี เช่น พูดเรื่องดี ๆ หรือทำงานเก่ง หรือทำอะไรแล้วสำเร็จ และอื่น ๆ ๆ” ดิฉันก็มักจะชมว่า “เยี่ยมมากเลยค่ะ…แจ๋วมากเลยค่ะ….ใช้ได้ ๆ ๆ และเก่ง ๆ ๆ พี่” ทั้งนี้ ดิฉันมีเป้าหมายเพื่อให้กำลังใจทีมงาน
2. เมื่อ คุณอุษา ทองแจ้ง ทำหน้าที่ชวนผู้รู้ KM คุยในเวทีเสวนาการจัดการความรู้โดยใช้ระบบส่งเสริมการเกษตร และขณะที่คุณอุษาทำหน้าที่นั้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “พี่เขาจะพูดน้อยมาก คอยโยนประเด็น เชื่อมโยง และสรุปประเด็น เท่านั้นเอง” ฉะนั้น เมื่อคุณอุษา ทำหน้าที่ดังกล่าวเสร็จก็มาเล่าให้ดิฉันฟังว่า “ตอนอยู่บนเวทีนั้นนะ พี่รู้สึกอึดอัดมาก เมื่อต้องทำบทบาทนี้…พี่อยากจะพูด อยากจะแลกเปลี่ยนด้วย และอยากจะเล่าให้ฟังด้วยคน…เพราะที่เขาพูดกันนั้นพี่รู้ทุกอย่างเลย แต่พี่ก็ต้องระงับใจตนเองไว้ เพราะเรากำลังทำบทบาทผู้นำเสวนา ซึ่งต้องเตือนตัวเองไว้ว่า…ห้ามพูด ๆ ๆ ๆ” เมื่อฟังจบ ดิฉันก็เลยขอจับมือพี่อุษาและพูดว่า “ดีใจด้วยพี่…พี่ทำสำเร็จแล้ว…พี่ชนะใจตนเอง…และพี่ทนฟังคนอื่นพูดได้จนจบ”
3. เมื่อ คุณมัลลิกา เขียวหวาน ทำหน้าที่ประมวลและสะท้อนข้อมูลจากการฟังผู้นำเสนอทั้ง 6 กลุ่ม หรือ 6 เขตเสร็จแล้ว พี่มัลลิกา ก็ได้ขึ้นไปนำเสนอบนเวทีเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดของทุกกลุ่มที่นำเสนอนั้นมีอะไรบ้าง? โดยการอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลให้คนเข้าสัมมนาฯ ได้ฟัง และที่สำคัญคือ ไม่มีการสรุปให้ แต่ให้ผู้ฟังเป็นคนสรุปข้อมูลและบทเรียนด้วยตนเอง ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที (ซึ่งทุกกลุ่มที่นำเสนอใช้เวลารวมกัน ประมาณ 1.30 ชั่วโมง) ฉะนั้น เมื่อพี่เขาทำหน้าที่เสร็จและประธานได้ปิดเวทีเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ช่วยกันเก็บของ ดิฉันก็เลยพูดกับ คุณพิชฎา ว่า “พี่แจ๋ว…นี่เก่งนะ…ประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลได้ชัดเจน แถมยังใช้เครื่องมือตารางอีกต่างหาก…อยากเห็นมานานแล้ว และที่สำคัญคือ พี่แจ๋ว…ปล่อยให้คนฟังเป็นคนสรุปบทเรียนของตนเองอีกต่างหาก ซึ่งดีมาก ๆ” แล้วดิฉันก็พูดต่อว่า “ขอรบกวนพี่แมวหน่อยเถอะ…ช่วยบอกพี่แจ๋ว…ด้วยว่า…จือ ฝากชมมาด้วย…แต่ถ้าให้ดีนะ…พี่แจ๋วช่วยเขียนออกมาอย่างที่พูดด้วยนะจะยิ่งดีมากเลย เพราะจะได้เป็น Case ให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ด้วย เกี่ยวกับ…การใช้ตารางวิเคราะห์ข้อมูล” หลังจากนั้นเมื่อมีการประชุมคณะทำงานกลุ่มใหญ่ ดิฉันก็ชมด้วยตนเองเช่นกัน และผลปรากฏว่า “พี่แจ๋ว ก็ตอบตกลงที่จะเขียนเรื่องนี้ออกมาด้วยค่ะ”
ส่วน “รู้จักดม” นั้น เราจะต้องเสาะหาว่า…ของดี ๆ มีอยู่ที่ไหนบ้าง? แล้วจึงหยิบมาใช้กับงาน กับคน และกับตัวเราให้เป็น ใช้ให้เหมาะกับเวลาจังหวะ และกาลเทศะ เราก็จะได้เพื่อนและได้ความรู้เพิ่มขึ้นและยังช่วยสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ดีอีกด้วย
ตัวอย่างเช่น “ใช้เพื่อสร้างบรรยากาศร่วมกัน”
“ท่านรู้มั้ย?ว่า…มีคนทานกาแฟแล้วตาบอด” (คนฟังก็จะนิ่งเงียบ และพูดว่า…มีด้วยเหรอ ๆ ๆ) แล้วเราก็พูดต่อว่า “แต่ท่านไม่ต้องห่วงหรอกนะ…เพราะเราค้นพบทางแก้เรื่องนี้แล้ว” (คนฟังก็จะถอนใจเฮือก ๆ ๆ) แล้วเราก็พูดต่อว่า “คือ ก่อนดื่มกาแฟ…เราก็เอาช้อนออกจากแก้วเสียก่อน…ท่านก็จะตาไม่บอดแล้ว” เรื่องราวก็มีอยู่เพียงเท่านี้เองค่ะ ท่านก็สามารถสร้างบรรยากาศและความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้ฟังได้”
ซึ่งนิทานเรื่อง ดื่มกาแฟแล้วตาบอด ดิฉันก็หยิบมาจากฟังคนอื่นเล่า (คุณยอดธงชัย รอดแก้ว) แล้วนำมาใช้ต่อกับคนฟังคนอื่น ๆ ก็สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้
ฉะนั้น เราควรฝึกตนเองให้มองคนอื่น ๆ ด้านดี ๆ และเมื่อเขาทำดี ก็รู้จักชม รู้จักดม เพื่อให้กำลังใจระหว่างกัน ซึ่งสิ่งนี้ ดิฉันก็ได้นำ “หลักการของการจัดการความรู้” มาใช้ในการทำงานร่วมกันนั่นเองค่ะ.ไม่มีความเห็น