Date: | 2005-11-04 20:05 |
Subject: | blog เป็นภาษาไทย |
Security: | Public |
Mood: | indescribable |
Music: | เชื่อไม๊ว่าวิทยุเล่นเพลง I'll be missing you พอดี |
วันนี้ลอง blog เป็นภาษาไทยดู
ตอนนี้มีอะไรเต็มหัวไปหมด อยากเขียน อยากเล่าให้ใครต่อใครฟัง
แต่มันเต็มไปหมดจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหน!
เมื่อกี้เล่าให้คุณสามีฟังจนเราเองน้ำตาไหลไปทีนึงแล้ว
เรื่องของเรื่องคือวันนี้ไปสัมภาษณ์คุณยายคนนึงมา(ขอเรียกว่าคุณยาย G)
ยาย G เป็นพี่สาวของคนไข้ที่บ้านพักคนชราที่หนึ่งที่เราเจอเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
แกมาเป็นเพื่อนน้องสาวแกตอนหมอฟันไปตรวจฟัน เวลายาย G ไม่อยู่น้องแกจะไม่ยอมอ้าปากไม่ยอมร่วมมือว่างั้น (น้องแกเป็นอัลไซเมอร์-เรื่องน้องแกนี่ก็เขียนได้อีก blog)
แต่ถ้ายาย G อยู่ในคลินิคด้วย ยาย G ว่าไง น้องแกก็ว่างั้น ทำตามโดยดี
เกริ่นก่อนนิดนึงว่างานวิจัยที่ทำอยู่นี่ เราสัมภาษณ์ stakeholder ทุกกลุ่มว่าต้องการบริการทันตกรรมสำหรับผู้สูงอายุแบบไหน อะไรมากไป อะไรน้อยไป
อะไรบ่งบอกคุณภาพของบริการเป็นต้น
ก็คุยกับทั้งหมอ พยาบาล หมอฟัน ผู้บริหาร คนให้งบ กระทรวงสาธารณสุข แล้วก็กลุ่มที่สำคัญที่สุดคือ คนไข้ และ ญาติคนไข้ (ยาย G นั่นเอง)
เริ่มเรื่อง
ยาย G อยู่ที่บ้านพักคนชราเอกชนที่นึง (น้องแกอยู่โรงพยาบาลรัฐบาล เพราะป่วยมากแล้ว)
ยายมาอยู่นี่ได้ 8 ปี เพราะ สามีแกไม่สบายมาก เป็น Parkinson's
แต่สามีแกไม่ยอมย้ายมานี่คนเดียว ยายแกเลยได้ตามมาด้วยทั้งๆที่ตอนนั้นสุขภาพก็ปกติดี
ทางบ้านพักนี้ก็ใจดี ไม่แยกสามีภรรยาเลยให้ห้องใหญ่ ให้อยู่ด้วยกัน
อยู่มาอีก 9 เดือน สามีแกก็เสีย
หลังจากที่สามีแกเสีย แกก็ป่วยหนัก ป่วยใจแล้วกายก็ป่วย
ยายเล่าให้ฟังว่า คิดถึงตามากๆ มากๆ จนบางทีก็อดด่าพ้อตาไม่ได้ว่า ทำไมทิ้งยายให้อยู่คนเดียว
(น้ำตาเราจะไหล ครั้งที่ 1)
ยายบอกว่าพอตาเสียพยาบาลก็ให้ยายย้ายมาอยู่ห้องเล็กลง (ห้องปัจจุบัน)
ยายบอกว่ายายเต็มใจมาเพราะ ห้องใหญ่แพงกว่า
แล้วที่สำคัญคือ ยายทนไม่ได้เวลามองเตียงเปล่า เพราะตาไม่อยู่แล้ว
(น้ำตาเราจะไหล ครั้งที่ 2)
ยายบอกว่ายายก็ทำใจ แล้วก็สู้มาได้ ดีขึ้นทีละนิดๆ (gradually)
จนนี้ก็ปีที่ 8 แล้วที่ตาจากไป
ในห้องยายมีรูปคู่ตายายเต็มไปหมดตั้งแต่วัยรุ่นจนปีท้ายๆ (ยายอยู่กับตามา 52 ปี)
ตอนนี้ยายแข็งแรงดี active มีความสุข แต่
ยายบอกว่าทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงตาเหลือเกิน
ยายมองรูปหัวเตียงแล้วก็บอกกับเราว่า "I miss him so much"
ยายยิ้มแล้วบอกเราว่า
"He was the nicest man you could ever ask for"
(น้ำตาเราจะไหล ครั้งที่ 3)
เรารู้สึกเลยว่ามี "ลูกตื้นตัน" ดันเอ่อขึ้นมาที่คอ พิมพ์ๆไปนี่ก็มาอีกลูกละ
มันเศร้า แต่มันก็ซึ้ง ดีใจที่แกเป็นข้อพิสูจน์ว่ารักแท้มันมีจริง มันเป็นอย่างนี้เอง
เรากลับบ้านมาโทรหาคุณสามี บอก JR ว่า "เราให้เธอตายก่อนเรานะ!" ๕๕๕๕๕
ไม่มีความเห็น