ได้มีโอกาสฟังบรรยายจาก ท่านผู้อำนวยการ สมศ. ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ในวันที่ 8 มีนาคม 50 ในงานประชุมสัมมนาเรื่อง “การประกันคุณภาพการศึกษา ระดับอุดมศึกษา” (อ่านบันทึกก่อนหน้านี้) ซึ่งมีข้อมูลอยู่ 3 ส่วนที่น่าสนใจและน่าคิดสำหรับนักการศึกษา และชาวอุดมศึกษาทุกคนควรทราบ เพื่อเปรียบเทียบกับสภาพการศึกษาของไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดยในบันทึกนี้ผมจะขอเสนอในหัวข้อแรก คือ คุณลักษณะของนโยบายการศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นผลสรุปจากงานวิจัยของ Michael E. Porter : The Competitive Advantage of the Nations (Community) สรุปเป็น 7 ข้อที่น่าคิดโดยเฉพาะสำหรับผู้บริหารประเทศ ดังนี้
-
มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาระดับสูงอันเป็นเป้าหมายของการจัดการศึกษาทุกระดับการกำหนดมาตรฐานการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐ มีการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ประชาชนโดย ไม่ลดมาตรฐาน
-
ประเทศที่พัฒนาแล้วถือว่าวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงที่มีคุณค่าสูงยิ่ง สังคมยกย่องคนเก่งคนดี ใฝ่ฝันที่จะก้าวสู่วิชาชีพครู
-
ผู้เรียนส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาและการอบรมโดยได้รับประสบการณ์ภาคปฏิบัติ มีความเชื่อมโยงทฤษฎีและการปฏิบัติ
-
มีสถาบันอุดมศึกษาหลากหลายรูปแบบ นอกเหนือจากมหาวิทยาลัย เช่น วิทยาลัยอาชีวศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยี วิทยาลัยชุมชน ทุกรูปแบบของสถาบันอุดมศึกษา มีคุณภาพได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของสังคม
-
มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับผู้ใช้บัณฑิต
-
บริษัทต่างๆ ลงทุนในการพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบ โดยผ่านสมาคมวิชาการ/วิชาชีพ โดยถือว่าคุณภาพของทรัพยากรบุคคลเป็นกุญแจทองของความสำเร็จ
-
มีนโยบายสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรที่มีความชำนาญพิเศษ ให้แลกเปลี่ยนระหว่างบริษัทหรือระหว่างรัฐกับเอกชน
ที่มา : เอกสารประกอบคำบรรยายของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (link)
สำหรับผมแล้วมีประเด็นที่โดนใจมากที่สุด คือ ประเด็นที่ 2 เนื่องจากผมในฐานะที่เรียนสายครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ (ครู) คือ
อย่างที่ท่านอาจารย์สมหวังว่า เราทำผิดตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อนแล้ว ที่ว่า ผู้ที่จะมาเป็น “ครู” หรือ “แม่พิมพ์ของชาติ” จบแค่ ปกส.สูง ก็เพียงพอ เพราะในขณะนั้นมีการวิจัยแล้วว่า ผู้ที่จบ ป.ตรี กับผู้ที่จบ ปกส.สูง สอนไม่แตกต่างกัน ทำให้การส่งเสริมผู้ที่จะมาเป็นครูจากภาครัฐไม่มีมากนัก ส่งผลต่อตัวป้อนการศึกษาอุดมศึกษา คือ “ผู้เรียน” เป็นทอดๆ
ตอนผมเรียนมหาลัยสายครู เมื่อประมาณ 10 ปีก่อนถือว่า เป็นสายที่ได้รับความนิยม และยกย่องพอสมควร แต่ในปัจจุบัน หลายสาขาของสายศึกษาศาสตร์ที่ผมเรียน เริ่มจะหายสาบสูญไป ปรับรูปแบบ เช่น ป.บัณฑิต บ้าง ซึ่งน่าน้อยใจที่ผมไม่มีรุ่นน้องแล้ว อาจเป็นเพราะอัตราที่บรรจุครูในปัจจุบันแทบไม่มีเลย
ในทางตรงข้ามของการศึกษาไทยเท่าที่ผมรับรู้มา คือ ตั้งแต่ที่ มี วิทยาลัยวิชาการการศึกษา ซึ่งเป็นแหล่งหลักผลิตครูไทยมาตั้งแต่อดีต ได้ปรับเปลี่ยนฐานะขึ้นเป็น มศว. เพื่อให้มีสาขาที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้ลดความสำคัญทางศึกษาศาสตร์ลง และรวมทั้งวิทยาลัยครู ปรับเปลี่ยนเป็นสถาบันราชภัฏ จนปัจจุบันยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้ขณะนี้ประเทศไทยไม่มีหน่วยงานที่จะผลิตครูโดยตรงแล้ว
จะเห็นได้ว่าภาครัฐเพิ่งมาเริ่มเห็นความสำคัญในข้อนี้ อาจดูได้จากการให้ค่าประจำตำแหน่งวิทยฐานะให้กับครู ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สายเกินไปหรือไม่ ผมไม่ทราบ?
นั้นคือความคิดเห็นส่วนตัวของผม ซึ่งอย่างไรผมเชื่อว่าทุกอย่างมาจากนโยบายทั้งนั้น เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ทำให้เราไม่รู้ตัวนัก
KPN