ความหมาย คือ บางสิ่งบางอย่างที่เรารู้ว่า “สิ่งนั้นคือสิ่งนั้น” โดยมี นิมิต (signs) เป็นเครื่องหมายเปิดเผยให้รู้ความหมายของสิ่งนั้นๆ ความเหมือนกันและความแตกต่างกันของสิ่งนั้นๆ เกิดจากพุทธิปัญญาของมนุษย์ และพุทธิปัญญาของมนุษย์ยังแยกแยะให้สิ่งหนึ่งมีความเหมือนกันหรือแตกต่างจากอีกสิ่งหนึ่งมากน้อยเพียงไร การให้ความหมายก็คือการสร้างกรอบความหมายของสิ่งนั้น เพื่อให้สิ่งนั้นมีความหมายอยู่ภายในขอบเขตที่วางไว้
การให้เหตุผล คือ การค้นหาความจริงบางอย่างจากสิ่งที่เรารู้แล้วไปยังสิ่งที่ยังไม่รู้ การให้เหตุผลนี้มีสองนัย คือ การเริ่มต้นจากความหมายของสิ่งทั่วไปที่รู้แล้วไปยังบางสิ่งยังไม่รู้ (นิรนัย) และการเริ่มต้นจากความหมายของสิ่งเฉพาะหลายๆ อย่างที่รู้แล้วเพื่อสรุปเป็นความหมายทั่วไปของบางสิ่งที่ยังไม่รู้ (อุปนัย) ทั้งนิรนัยและอุปนัยนี้ เรียกว่า การให้เหตุผลตามรูปแบบ
การให้เหตุผลตามเนื้อหา ถ้าเป็นสิ่งจำเป็นหรือแน่นอนตายตัวเรียกว่า การสาธก (demonstration) ถ้าเป็นเพียงความเป็นไปได้เรียกว่า วิภาษวิธี (dialectics) ถ้าเป็นการพูดจูงใจให้เชื่อถือเรียกว่าวาทศิลป์ (rhetorical) และถ้าอยู่ในรูปวรรณกรรมก็เป็น แบบกวี (poetic) การให้เหตุผลหลอกล่อ เป็นวิธีการเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นจริงหรือเป็นไปตามนั้น โดยมีข้อบกพร่องของการให้เหตุผลเรียกว่า ปฤจฉวาที หรือ ทุตรรกบท (fallacy) ซึ่งมีหลายนัย บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับภาษา บางครั้งก็ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา และบางครั้งก็มีการทิ้งเหตุผลโดยอ้างสิ่งบางอย่างมาแทน เช่น อ้างผู้มีอำนาจหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือบางครั้งก็ขอความเห็นใจแทนการใช้เหตุผล เป็นต้น
เรื่องของตรรกศาสตร์น่าสนใจมาก เขียนต่อไปนะครับ
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว
![]() |
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว |
ยินดีที่อาจารย์มาเยี่ยม...บันทึกนี้เป็นบทสรุปของเนื้อหาที่บรรยายทั้งหมด....
คิดอยู่ว่าจะเลือกบทความที่มอบหมายให้นิสิตเขียนมาลงเล่นๆ... แต่ก็ขี้เกียจมาหลายวันแล้ว
จะเริ่มลงคืนนี้เป็นบทความแรก
เจริญพร
พระอาจารย์ครับ อยากได้สัญญลักษณ์ ของ ตรรกยศาสตร์นะครับ พระอาจารย์พอจะทราบหรืแเปล่าครับ ผมหาได้แล้ว แต่มันไม่มากนะครับ นมัสการ
Charoen
สัญญลักษณ์ของตรรกศาสตร์ ตามที่เคยฟังมา ไม่ลงตัวเป็นหนึ่งเดียว ทำนองต่างคนต่างคิดต่างสร้าง ที่นิยมใช้กันแพร่หลายก็ของ Irving M. Copi ลองไปค้นหาตามชื่อนี้ดู
เจริญพร
อยากลองเรียนวิชาตรรกศาสตร์ ยากรึป่าวน่อ