สวัสดีค่า ช่วงนี้มีความรู้สึกว่าอยากอ่านนิยายแปลของคนหลายๆชาติดู ไม่รู้ทุกคนรู้สึกเหมือนกันไหมค่าว่าเวลาอ่านหนังสือของคนชาติไหนแล้วจะได้กลิ่นอายของธรรมชาติ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนชาตินั้นๆมาเป็นของแถมที่ล้ำค่า อย่างเมื่อวันก่อนไปค้นหนังสือของพี่ชาย (อีกแล้วค่า ไม่ค่อยจะซื้อเองเลย แต่จะซื้อใหม่ทำไมล่าค่าถ้าหนังสือที่ยังไม่ได้อ่านยังอีกเยอะ แฮะๆๆข้ออ้างค่า) ก็ไปเจอหนังสืออยู่เล่มหนึ่งค่า ชื่อเพราะดีเลยหยิบขึ้นมาอ่านปกหลังดู
R O U G E รักหลงเงา
ยู มิริ เขียน ฮิโรกะ ลิมวิภูวัฒน์ แปล
เมื่อ "รูจ" แต่งแต้มบนใบหน้า ชีวิตธรรมดาของ ทานิงาวะ ริสะ ก็เปลี่ยนแปลงไป
เธอกลายเป็นนางแบบมาแรงแห่งวงการโฆษณา
มีเส้นทางคล้ายซินเดอเรลลา ดังที่เด็กสาวทุกคนใฝ่ฝัน
แต่ริสะกลับไม่หลงใหลในภาพมายาเพริศพริ้งเหล่านั้น
เธอต้องการเพียงชีวิตเรียบง่าย และรักจริงใจ
ซึ่งกว่าจะได้มาก็เกือบหลงเงา ไปเลือกเอารักอันไม่แท้ไว้ครอบครอง
ตอนแรกก่อนอ่านนึกว่าคงเป็นหนังสือคล้ายกับการ์ตูนญี่ปุ่น ที่สนุกและชวนฝัน แต่พออ่านจบทุกคนคะ ต้องบอกว่ามันเศร้ามากเลยคะ อ่านแล้วนอนไม่หลับ มีคำถามค้างคาในใจเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในความรู้สึก บอกไม่ถูกคะว่ามันคืออะไร แต่มีคำที่ผุดขึ้นในใจอยู่สองอย่าง คือ "เศร้าจัง" กับ "จุดเริ่มต้น" ไม่รู้เหมือนกันคะว่าทำไมต้องเป็นคำว่าจุดเริ่มต้น อ่านแล้วอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวนางเอกรู้ถึงเรื่องราวตอนจบว่าเป็นอย่างไรจะยังเลือกเดินตามทางนั้นดูหรือเปล่า
อีกอย่างไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือเปล่านะคะที่ว่า คนที่มีบางอย่างคล้ายกันจะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่จะดึงพวกเค้าให้เข้ามาเกี่ยวข้องกัน ทั้งๆที่ถ้าดูตามวิถีการดำเนินชีวิตของเค้าเหล่านั้นแล้วมันไม่น่าจะมาบรรจบพบเจอกันได้ ทำให้เกิดคำอีกคำขึ้นในใจว่า "พรหมลิขิต"
เคยรู้สึกนะคะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนเรามันกิดจากการกระทำของเราล้วนๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสวรรค์หรือฟ้าบันดาล แต่พอผ่านอะไรบางอย่างในชีวิตมา (ก็ไม่มากหรอกนะคะ อย่าเพิ่งคิดว่าแก่นะคะ ยังสาวอยู่คะ ) ก็รู้สึกว่าบางอย่างในชีวิตเราก็กำหนดหรือกะเกณฑ์ให้เป็นไปตามที่สองมือและสมองน้อยๆของเราต้องการจะให้เป็นไม่ได้ แถมบางครั้งเรื่องบางเรื่องที่เราคาดไม่ถึงก็ดันเกิดกับเรา และบางเรื่องแม้ว่าจะเตรียมพร้อมไว้แล้วก็ตามทีก็ยังรับมือกับมันไม่ค่อยได้อยู่ดี เริ่มรู้สึกเหมือนกันคะว่า บางทีเราอาจถูกลิขิตให้มีแนวทางบางอย่างไว้บ้างแล้ว (อาจมีหลายแนวทางอยู่แต่ก็เป็นแนวทางที่ถูกลิขิตไว้แล้ว งงไหมคะ) แต่เราก็ยังคงเป็นคนที่ต้องเลือกอยู่ดีว่าจะเลือกเส้นทางไหน
มีข้อความในหนังสือบทหนึ่งคะ อ่านแล้วเศร้าจัง
"ไม่ได้มีความสุข ก็ไม่อาจวาดภาพโลกแห่งความสุขได้
ไม่มี"ความฝัน" แล้วคิดจะขาย "ความฝัน" นั้น...
แม้ว่าจะโกหกเพียงใด ก็จะถูกจับได้ในที่สุด"
"ในชีวิตจริง ฉันไม่สามารถพบความฝันและความสุข จึงอยากจะสัมผัสกับละครหรือหนังที่เต็มไปด้วยความฝันและความสุข เพราะในโลกแห่งความจริง ความฝันและความสุขของฉันถูกขโมยไปแล้ว ฉันจึงได้แต่พยายามไขว่คว้าหาความฝันและความสุขในนิยายเท่านั้นค่ะ"
(นักข่าวถามนางเอก) "คุณไม่มีความสุขหรือคะ"
"แต่ฉันไม่สามารถตายได้ค่ะ"
รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองเล่าเรื่องราวได้ไม่ต่อเนื่องเลยคะ ต้องขอโทษทุกคนทีเข้ามาอ่านแล้วรู้สึกแปลกๆนะคะ ว่าคราวนี้เหมือนจะเขียนไปเรื่อยเปื่อย แต่ความรู้สึกตอนที่เขียนมันเป็นอย่างนี้จริงๆคะ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เศร้าแบบฟุมฟายน้ำตาหยดตลอดเรื่อง เพียงแต่ที่ตัวเองรู้สึกเศร้ามากเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ก็เพราะว่าเนื้อเรื่องเค้าค่อยๆดำเนิน ค่อยๆขยายและแสดงการเติบโตทางความคิดและสังคมของนางเอกอยู่ รวมทั้งเรื่องราวก็มาถึงช่วงของความอึดอัดหาทางออกลำบาก แต่แล้วฉับพลันก็เกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อการมีชีวิตของนางเอกอย่างรุนแรงขึ้นมา มันกระชากอารมณ์คะ ยอมรับคะว่านอนไม่หลับเลยทั้งคืน
หนังสือเล่มนี้ออกมานานมากแล้วคะ ใครอยากหามาอ่านก็ลองดูนะคะ แต่ถ้าไม่ชอบอ่านหนังสือที่ดำเนินเรื่องเรียบๆเนือยๆ ก็คิดดูอีกทีละกันคะ แต่อ่านหนังสือของคนญี่ปุ่นอ่านแล้วรู้สึกว่าสงบและมีช่วงเวลาให้ค่อยๆขบคิดดีเหมือนกันนะคะ ลองดูสักเล่มก็ไม่เสียหายคะ
อ้อ ได้ Search ข้อมูลของหนังสือเล่มนี้ดูเหมือนกันคะ มีอยู่ท่านหนึ่งเค้าเขียนข้อความไว้สวยงามดีคะ จริงๆก็อาจไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเท่าไรนักแต่ชอบโดยส่วนตัวคะ ลองอ่านกันดูนะคะ
รู้สึกว่าเราจะอ่านหนังสือคล้ายๆกันเลยนะครับ
เรื่อง rouge ผมอ่านเมื่อประมาณสามปีที่แล้วนะครับ ลืมเรื่องไปหมดแล้วละ
แต่ความรู้สึกคือ นิยายรักของญี่ป่นจะนิ่งๆ เอื่อยๆ เหมือนลมพัดเบาๆ อ่านจบไปสองสามวันก็ยังรู้สึกเคว้งๆอยู่
ตอบ คุณ The Kop คะ เห็นด้วยคะว่ารู้สึกอย่างไรก็น่าจะแสดงออกอย่างนั้นคะแต่กับคนบางคนการแสดงออกมันยากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น ถึงมีเพลง "รักนะแต่ไม่แสดงออก" ฮิๆๆๆ
ตอบ คุณ ราฟาเอล-------RAPHAEL จริงๆด้วยคะนิยายญี่ปุ่นไม่เฉพาะแต่นิยายารักนะคะ รู้สึกว่าขนาดนิยายฆาตกรรม (อย่างพวกคินดะอิจิ) ก็มีกลิ่นอายคล้ายๆกันคะ คือเอือยๆ เฉยๆ ดำเนินเรื่องเรื่อยๆ อ่านจบมีคำถามเกิดขึ้นค้างในใจอยู่บ่อยๆคะ แต่อย่างที่บอกคะว่าการอ่านนิยายประเภทนี้ก็ทำให้เรานิ่งขึ้นเหมือนกันนะคะ เคยมีอ.ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งแนะนำคะว่าชีวิตเราทุกวันนี้มันช่างเร่งรัดและรีบร้อนไปหมด ท่านว่าลองให้ชีวิตช้าลงบ้าง ค่อยๆก้าวเดินไปข้างหน้าด้วย Speed ที่ลดลง บางทีอาจเห็นอะไรได้ชัดเจนและมีเวลาในการตรึกตรองเพิ่มขึ้นคะ
ขอบคุณทั้งสองคนมากนะคะที่เข้ามาอ่านนึกว่า Blog นี้จะไม่มีคนเข้ามาอ่านส่าแล้ว ขอบคุณคะ
เพิ่งอ่านหนังสือเล่มนี้จบเมื่อเช้า
ชอบความรู้สึกตอนอ่าน มันนิ่งๆ เรื่อยๆ ละเมียดละไมดี
แล้วพอถึงจุดหัก จนจบนี่ โหวงๆ ไปเลย