คำวิจารณ์บทความ "มหาวิทยาลัยกับงานวิจัย : การปรับเปลี่ยนเพื่อภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา"
ขอขอบคุณ ผศ. ดร. วิบูลย์ วัฒนาธร ที่กรุณาดำเนินการค้นต้นฉบับเรื่องนี้และเอามาลงบล็อก ทำให้ผมได้สมบัติที่หายไปกลับคืนมา และทำให้วงการบริหารงานวิจัยในมหาวิทยาลัยได้มีโอกาสศึกษาหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องนี้จากข้อเขียนที่เขียนเผยแพร่ไว้เมื่อเกือบ 10 ปีมาแล้วสมัยที่ผมทำหน้าที่ผู้อำนวยการ สกว.
ผมอ่านบทความเหล่านี้ โดยตั้งคำถาม 3 คำถาม
(1) มีส่วนใดที่ไม่จริง
หรือล้าสมัยไปแล้วบ้าง
(2) ขาดประเด็นใดไปบ้าง
(3)
มีประเด็นใดที่มีพัฒนาการก้าวหน้าไปบ้างแล้ว
ผมมองว่าในช่วง
10 ปีที่ผ่านมามีปรากฎการณ์ใหญ่ ๆ
ในวงการมหาวิทยาลัยไทยหลายอย่าง ได้แก่
- massification ของอุดมศึกษา
ทำให้โอกาสเข้าเรียนสูง
มีสถาบันให้เลือกเรียนมาก
มีการขยายในเชิงปริมาณอย่างรวดเร็ว
-
กิจการอุดมศึกษาเข้าสู่ธุรกิจมากขึ้น
อาจเรียกว่าเป็นธุรกิจวิชาการหรือบางกรณีเป็น "ธุรกิจปริญญา"
-
มีการยกฐานะสถาบันอาชีพไปเป็นมหาวิทยาลัย
- เกิดมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการ
-
มีกระแสของการปรับมหาวิทยาลัยออกไปอยู่นอกระบบราชการ
- การปฏิวัติระบบ ICT
ทำให้เนื้อหาความรู้เป็นสิ่งที่หาได้ง่าย
มีผลเชิงท้าทายบทบาทของอาจารย์
ว่าจะต้องเปลี่ยนไปและเกิดพฤติกรรมในทางเสื่อมทำให้เกิดการ
"มีผลงาน แต่ไม่เรียนรู้" จากวัฒนธรรม cut & paste
ข้อความจากอินเตอร์เน็ต
- internationalization
- การขยายตัวของมหาวิทยาลัยเอกชน
-
เริ่มมีการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเป็นกลุ่มเน้นวิจัย
กลุ่มเน้นสร้างบัณฑิต (มหาวิทยาลัยสอน) และกลุ่มเพื่อชุมชน
- เป็นต้น
ดังนั้น มองในมุมหนึ่งบทความเรื่อง "มหาวิทยาลัยกับงานวิจัย : การปรับเปลี่ยนเพื่อภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา" ก็ถือได้ว่าล้าสมัยไปมากแล้ว
ยิ่งถ้าคำนึงถึงอีก 2 ประเด็น คือ (1) การสร้างความรู้โดย KM อย่างที่หมอพิเชฐเข้ามา comment ในบล็อก (2) การมีแนวความคิดและการดำเนินการด้านการวิจัยแบบ "งานวิจัยไทยรับใช้สังคมไทย" และ "งานวิจัยชาวบ้าน" ก็ย่อมยิ่งทำให้มองได้ว่าบทความ "มหาวิทยาลัยกับงานวิจัย : การปรับเปลี่ยนเพื่อภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา" ล้าสมัยมาก
นี่คือมุมมองในภาพรวม
ที่นี้หันมามองทีละประเด็น
มีส่วนใดที่ไม่จริง
หรือล้าสมัยไปแล้วบ้าง
ผมคิดว่าไม่มีนะครับ ในภาพรวมยังเป็นเช่นนั้นอยู่ และบางส่วนยิ่งรุนแรงขึ้นจากผลของ massification มหาวิทยาลัยไทยได้เกิด diversification ซึ่งเป็นเรื่องดี รวมทั้งเกิดมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำ 5 - 6 แห่งขึ้นมาแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ "ภารกิจ" สร้างสรรค์ปัญญายังไม่เข้มแข็งนัก ยังค่อนข้างเน้นการสอนเป็นหลัก
ขาดประเด็นใดไปบ้าง
ขาดไปเยอะครับ เช่น
- ขาดเรื่องการสร้างสรรค์ปัญญาด้วย
KM ขาดมุมมองต่อความรู้ฝังลึก (tacit knowledge)
-
ขาดเรื่องการสร้างสรรค์ปัญญาแบบวิชาการไทยรับใช้สังคมไทย
-
ขาดการพูดถึงเรื่องระบบวารสารวิชาการของประเทศ
ที่มีทั้งวารสารวิชาการนานาชาติและวารสารวิชาการไทยรับใช้สังคมไทย
- ขาดเรื่องการสร้างสรรค์ปัญญาโดยชาวบ้าน -
วิจัยท้องถิ่น/วิจัยชาวบ้าน
- ขาดการเน้นการวิจัยด้านมนุษยศาสตร์ -
สังคมศาสตร์ที่เป็นการทำความเข้าใจเรื่องราวของสังคมไทยและของมนุษย์ร่วมสมัย
- ขาดมุมมองต่อการวิจัยเชิงระบบที่เรียกว่า
Systems Research เช่น ระบบสุขภาพ, ระบบการศึกษา,
ระบบการเมือง, ระบบน้ำ, ระบบพลังงาน ฯลฯ
-
มุมมองเชิงระบบจะนำไปสู่มุมมองเชิงนโยบาย
ที่ผมเขียนเมื่อเกือบ 10
ปีที่แล้วยังขาดประเด็นเชิงวิจัยและเสนอแนะเชิงนโยบายหรือขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ
มีประเด็นใดที่มีพัฒนาการก้าวหน้าไปบ้างแล้ว
มีมากพอสมควรนะครับ
- มหาวิทยาลัยเล็ก ๆ
มีสัดส่วนอาจารย์ระดับปริญญาเอกสูงขึ้นมาก
-
มีการส่งอาจารย์ระดับปริญญาเข้าฝึกอบรมวิจัยต่อระดับ Postdoc
มากขึ้น
-
มีนโยบายรับอาจารย์ใหม่เฉพาะระดับปริญญาเอกเท่านั้นในหลายสถาบันและหลายสาขา
- โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษกของ สกว. (และ
สกอ.) ได้สร้างนวัตกรรมด้านอุดมศึกษา, ด้านบัณฑิตศึกษา
และด้านความร่วมมือวิจัยกับต่างประเทศหลายประการ
ที่อยู่บนฐานคิดลึก ๆ ที่ผมเขียนไว้
สรุป
"ภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา"
ในมุมมองของผมเปลี่ยนไปด้วยนะครับ
ผมมองการสร้างสรรค์ปัญญาหลากหลายแบบขึ้น
โดยคนหลากหลายสถานะขึ้น ที่เขียนในบทความ
"มหาวิทยาลัยกับงานวิจัย : การปรับเปลี่ยนเพื่อภารกิจสร้างสรรค์ปัญญา"
เน้นการวิจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ซึ่งก็ถูกต้องนะครับ มหาวิทยาลัยวิจัยต้องเน้น basic
research แต่ภารกิจสร้างสรรค์ปัญญากว้างกว่า basic
research และกว้างกว่าการวิจัยตามความหมายแบบ conventional ครับ
วิจารณ์ พานิช
19 พ.ย.48
ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อีกครั้งครับที่กรุณาอนุญาตให้ผมนำต้นฉบับเดิมมาลงใน blog และยังกรุณาช่วยวิจารณ์เพิ่มเติมให้ทันกับยุคสมัยอีกด้วย ทั้งหมดนี้ให้ความรู้และข้อคิดที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของผมและเพื่อน ๆ มากครับ
เรียน ท่านอาจารย์
ในหัวข้อการวิจารณ์บทความของอาจารย์ ได้มุมมองค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่า ณ เวลาปัจจุบัน ( ปี 2553 ) จะมีการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาไปมากน้อยแค่ไหน เพราะสถาบันอุดมศึกษาโดยเพาะระดับบัณฑิตศึกษาของแต่ละมหาวิทยาลัยที่จะมีการออกจากระบบราชการและกล่มปัจจุบันก็มีแนวทางเน้นเรื่องการวิจัยเป็นจุดแข็งในถ่ายทอดวิชาการเป็นหลักจะสามารถนำความรู้ไปใช้ประกอบกับการพัฒนางานได้มากนัอยแค่ไหน พอดีหนูปกิบัติงานอยู่ในวงการแพทย์และสาธารณสุขอยู่และขอบข่ายงานก็เริ่มกว้างมากขึ้นเรื่อยๆขอรบกวนปรึกษาในเรื่องความคิดเห็นดังกล่าวกับอาจารย์ด้วยค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจศึกษาต่อและเรื่องการปฏิบัติงานในระบบราชการปัจจุบันที่เน้นเรื่ององค์ความร้ในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่องและค่อนข้างจะนอกกรอบด้วยคืออยากมีแนวทางจากบทความและการวิเคราะห์วิจารณ์ที่เป็นประโยชน์อย่างที่อาจารย์กรุณาชี้แนะให้ผ่านทางWeb board นี้น่ะค่ะ ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างมากค่ะ