เวลาเราคุยกันเรื่องบูรณาการ มักจะมีคนพยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องยาก ด้วยสาเหตุหลายประการ จนกระทั่งบางคนพยายามใช้คำผวนมาอธิบายว่า “บานละนะกู” ที่สื่อว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมากและอาจทำไม่ได้
แต่ถ้ามามองในสภาพความเป็นจริงนั้น ทุกคนมีชีวิตส่วนใหญ่แบบบูรณาการอยู่แล้ว แต่อาจมีเพียงบางมุมที่ไม่บูรณาการ
เพราะไม่มีใครที่มีระบบร่างกายแยกส่วน อยู่คนละที่ หรือเส้นเลือดแยกออกจากกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่เรื่องรถ ก็ไม่มีใครสามารถขับรถที่มีส่วนประกอบไม่ครบ หรือใช้รถที่แต่ละส่วนทำงานไม่สอดคล้องกัน
การทำงานและการดำรงชีวิตที่บูรณาการจึงเป็นเรื่องที่ปกติของทุกคน และแต่ละคนก็ต้องการชีวิตที่บูรณาการ แต่ทำไมจึงมองเป็นเรื่องยากไปได้
เท่าที่มานั่งพิจารณา ก็พบว่า เราเคยชินกับการคิดแยกส่วน จึงทำให้เวลานำสิ่งที่แยกกันในระบบคิดมารวมกันจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเพื่อให้ง่ายกว่าเดิม เราจึงต้องปรับวิธีคิดใหม่ ให้เริ่มจากการมองแบบองค์รวม
แม้จะมีบางจังหวะที่จำเป็นต้องมองแยกเพื่อความชัดเจนเฉพาะเรื่อง ก็ยังต้องมององค์รวมของระบบเป็นพื้นฐานทางความคิด อย่างน้อยก็มองเป็นอันดับสอง
เพื่อให้ภาพของการพัฒนาที่แท้จริงยังอยู่คงเดิม เมื่อส่วนบุคคลเริ่มมองภาพรวม ก็จะสามารถเชื่อมโยงปัญหา สาเหตุ แนวทางและวิธีการแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
ที่จะนำไปสู่การผสมผสานสู่การทำงานแบบองค์รวมให้เกิดการพัฒนาที่แท้จริงได้
แล้วเราก็จะได้ผลการพัฒนาที่ดีและยั่งยืนต่อไป
บ้างคนตั้งคำถามว่าบรูณาการแล้วได้อะไรเลยไม่อยากบูรณาการ
อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนไม่กล้าที่จะบูรณาการเพราะไม่ได้ลงทุน เลยไม่อยากบูรณาการ
บูรณาการไม่ได้เสียประโยชน์มีแต่เกิดผลดี
การบูรณาการ คือการที่ทำสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีขึ้น และเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ใช่ไหมค่ะ
ถ้าใช่ ก็แปลว่าคนส่วนใหญ่กลัวว่าดีขึ้นแล้วก็คิดว่างานจะเยอะขึ้น ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก ๆ เพราะถ้างานเป็นระบบจะช่วยไม่ให้งานเกิดปัญหาความซ้ำซ้อน หรือ ถ้าเราต้องการข้อมูลก็ไปค้นที่ส่วนกลางซึ่งจะได้ข้อมูลทั้งหมด
จากความคิดของผู้น้อย
เราก็ทำบูรณาการกันอยู่แล้วแต่เราอาจไม่รู้ตัวและไม่เข้าใจคำว่าบูรณาการจึงคิดว่ามันยาก
การบูรณาการในความคิดของเรา ยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้ยาก เพราะสังคมสอนให้คนมีวิธีคิดแบบปัจเจกมากไป จนมองอะไรแบบองค์รวมได้ยากขึ้นนะ โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ดีอยู่นั่นเอง อยากให้มีการพยายามทำกันให้มาก ๆ
การทำงานเป็นทีม ก็ช่วยได้มากครับ ทำได้ทันที แต่บูรณาการในตัวเองจะคล่องตัวกว่า แต่ต้องพัฒนาความสามารถในการทำงานมากครับ
ทั้งสองอย่างมีข้อเด่นข้อด้อย ครับ
การที่ใครสอนเราอย่างไรก็เรื่องหนึ่ง
การที่เราจะเรียนรู้อะไรก็อีกเรือ่งหนึ่ง
ถ้าเราคิดว่าคนทำทุกอย่างเนื่องจากการสอน คงแทบจะไม่มีปัญหา ครับ เพราะการสอนส่วนใหญ่ดีทั้งนั้น
ไม่มีพ่อแม่คนไหนสอน หรือยากให้ลูกติดอบายมุข แต่ทำไมจึงมีคนตืดกันมาก
ลองคิดดูใหม่นะครับ