สอนให้ทำได้ แบบท่องจำหรือแบบเข้าใจ ดีกว่ากัน


สอนให้จำและทำได้ เป็นหลักสูตรเร่งรัด น่าจะเหมาะสำหรับการสอนเพื่อให้ทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

ช่วงนี้มีพนักงานเก่าแต่ใจใหม่   อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ  ที่ไม่เคยทำ    คนที่ทำเป็นอยู่ก่อนแล้วเลยต้องมาสอนกัน    วิธีการสอนก็เป็นแบบฟรีสไตล์ตามแต่สะดวก    อยากเรียนรู้กับคนไหนอย่างไรได้เลย    การเรียนกับหลายๆ คนมีดีอยู่อย่างคือจะได้เรียนรู้เทคนิคเฉพาะตัวของแต่ละคน    แล้วนำแบบที่ชอบ (ที่ชอบ)  มาปรับใช้

สิ่งใหม่ๆ ที่ว่านั้นคือเครื่องอัตโนมัติที่พนักงานท่านนั้นยังไม่เคยใช้   เครื่องอัตโนมัตินั้นมีหน้าจอแบบ touch screen    มีคำสั่งต่างๆ ให้กด  และบางครั้งจะมีคำถามโผล่ขึ้นมาให้ตอบ yes หรือ no  ซึ่งทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ

  

วิธีการสอนมีอยู่สองแบบคือ

  • วิธีที่ 1  สอนให้จำและทำได้   คือให้กด   หรือเลือกคำสั่ง  ตามขั้นตอน   เช่น   ถ้าจะทำขั้นตอน A  ให้เลือกคำสั่งนี้  แล้วกดแป้นนั้น   เครื่องจะถามว่าอะไรบางอย่าง (ไม่ต้องสนใจ)  ให้กด yes ไปสองครั้ง
  • วิธีที่ 2  สอนให้เข้าใจ (ไม่ต้องจำ)   คือจะสอนว่า ถ้าจะทำขั้นตอน A  ต้องทำอะไรบ้าง  ทำอย่างนี้เพราะอะไร   เมื่อปรากฏคำถามจากเครื่อง   ให้อ่านและดูว่าเครื่องมันว่าอะไร   แล้วค่อยเลือกคำตอบตามเหมาะสม

พนักงานท่านนี้ได้รับการสอนทั้งสองแบบ   เลยไม่ได้พิสูจน์ด้วยตนเองว่า  แบบไหนดีกว่ากัน    คิดๆ ดูแล้วทั้งสองวิธีน่าจะมีข้อดีเสียต่างกัน

  • วิธีแรก  สอนให้จำและทำได้   เป็นหลักสูตรเร่งรัด  น่าจะเหมาะสำหรับการสอนเพื่อให้ทำได้ภายในระยะเวลาอันสั้น  คนถูกสอนจะเป็นเร็วเพราะทำตามขั้นตอน 1 2 3   ไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก   แต่จะไม่เข้าใจ   เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจะแก้ไขอะไรไม่ได้   บางคนอาจมีการเรียนรู้และทำความเข้าใจเองภายหลังเมื่อทำเป็นแล้ว   แต่บางคนไม่เรียนรู้อะไรเลยทำได้อย่างเดียว
  • วิธีที่สอง  น่าจะเหมาะสำหรับหลักสูตรระยะยาว   สอนแบบค่อยเป็นค่อยไป   ทำความเข้าใจไปทีละน้อย   ข้อเสียคือใช้เวลานานกว่าจะเป็น   ส่วนข้อดีคือ    ถ้าเข้าใจแล้วจะจำได้เองและจำได้นานไม่ลืม   และยังขยายผลได้ง่ายด้วย (เช่นสามารถเรียนรู้การซ่อมเครื่องได้)

โดยส่วนตัวแล้วชอบทั้งสองวิธี    ในฐานะผู้สอนชอบวิธีแรก   คือสอนให้ทำเป็นก่อน   เมื่อผู้เรียนทำเป็น  ทั้งคนสอนและคนทำก็จะมีกำลังใจ  ส่วนความเข้าใจอื่นๆ ว่ากันทีหลัง    เพราะถ้าสอนความเข้าใจกันตอนนั้น   อาจจะงง...

แต่ในฐานะผู้เรียนชอบวิธีที่สอง  คือชอบให้ผู้สอนบอกให้หมด  จะได้ทำความเข้าใจไปเลย   ไม่ต้องมานั่งถามกันทีหลัง    แต่จะทำได้และเข้าใจไปพร้อมกันอย่างที่ตั้งใจหรือเปล่า   อันนี้อยู่ที่ความสามารถของทั้งคนสอนและคนเรียนค่ะ

หมายเลขบันทึก: 75414เขียนเมื่อ 31 มกราคม 2007 00:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

โดยส่วนตัวแล้ว ชอบแบบ Learning by doing ดีที่สุดค่ะ   และถ้าเกิดปัญหาอะไร จะลองให้เขาหาแนวทางแก้ปัญหาเอง  ซึ่งจะทำให้เขาจำได้ดีกว่า เราคอยบอกทั้งหมด  โดยดิฉันจะคอยดู และเป็นที่ปรึกษาอยู่ห่าง ๆ

สนับสนุน คุณรัตติยาครับ..ท้ายที่สุด ต้องถามต่ออีกว่า  ทำไมต้องสอน..ถ้าสร้างสถานการณ์แบบให้ผู้รับผิดชอบ..ต้องเรียนรู้  แทนการสอนล่ะครับ..ได้มองเห็นพฤติดรรมของคนทำงานอีกหลายๆมุมนะครับ..หากลองวัดใจไม่สอนดูบ้าง..สังเกตพฟติกรรมการใฝ่รู้มีไหม..หากมีเข้าสนใจ  แล้วค่อยๆสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เขา..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น  งานนั้นต้องไม่เสีย  คือมีพี่เลี้ยงคอยดูแล..ระหว่างฝึกครับ..สุดยอดการสอนคือไม่สอน..สุดท้ายพนักงานคนนั้นต้องดิ้นรนมาเรียน ให้ได้แหละครับ..เพราะถ้าเขาไม่เรียน  ก็ทำงานลำบาก..ขึ้นอยู่ว่า  เราจะสร้างหรือมีกลยุทธ์อย่างไร  ให้เขาเรียนรู้เอง..ครับ..
ขอบคุณคุณรัตติยา  คุณภูคา ค่ะ
งานของเรามีรายละเอียดที่แตกต่างค่ะ  บางอย่างเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไปที่จะปล่อยให้ทำเองคิดเอง
...  
ข้อคิดเห็นจากทั้งสองท่าน   ทำให้นึกออกว่า   น่าจะลองทบทวนเรื่องนี้ดูว่า  ที่ผ่านมา  เรามีรูปแบบการสอนงานกันอย่างไร
...
จะขยายความเรื่องนี้ในบันทึกต่อๆ ไปค่ะ   
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท