ช่วงวันที่ 27-28 เมษายน 2548 ที่ผ่านมา ผมได้เข้าร่วมสัมมนาเรื่อง คุณภาพชีวิตศักดิ์ศรีมนุษย์ ณ โรงแรมชุมพร แกรนด์ พาเลซ จังหวัดชุมพร ซึ่งจัดโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทย ซึ่งผมไปประชุมในฐานะตัวแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง โดยท่านติดราชการไปร่วมประชุมเองไม่ได้ก็ได้มอบหมายให้ผมไปแทนด้วยเหตุผลเป็นผู้รับผิดชอบงาน "หลักประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าว"
สิ่งที่น่าสังเกต คือ การจัดประชุมแบบนี้ จะจัดขึ้นในแต่ละภาค รวม 4 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกจัดที่ภาคใต้ ในการประชุมจะมีเป้าหมายประมาณ 100 คน รวมผู้จัดและวิทยากร แต่เมื่อถึงเวลาประชุมมีคนเข้าร่วมน้อยมาก ประมาณ 30 คนเท่านั้น และล้วนแต่เป็นผู้ปฏิบัติทั้งหมด เมื่อย้อนกลับไปดูเป้าหมายของโครงการคือ นพ.สสจ., ผู้รับผิดชอบงาน สสจ.,รพศ-รพท. และคณะอนุกรรมการฯ ภายใต้โครงการฟ้ามิตร (PHAMIT) จาก 14 จังหวัดในภาคใต้ โดยสรุปก็คืองานนี้ผู้บริหารไม่ค่อยได้เข้าสัมมนา และไม่ได้ส่งตัวแทน อีกประเด็นคือ การสัมมนาครั้งนี้เบิกจ่ายงบประมาณของการเดินทางไปราชการจากต้นสังกัด ซึ่งผู้บริหารมีสิทธิใช้ดุลยพินิจว่าจะส่งตัวแทนหรือไม่ สำหรับงบประมาณของโครงการที่ขอใช้และได้รับอนุมัติ (จากเอกสารประกอบการสัมมนาฯ) ทั้งสิ้น 4 แห่ง 1,730,000 บาท
ผมได้รับประโยชน์ และได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการไปสัมนาในครั้งนี้?
1. เอกสารประกอบการสัมมนาฯ เช่น "สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย" โดย เสน่ห์ จามริก ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" โดย จรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ "สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย" โดยคุณหญิงอัมพร มีศุข กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
2. ได้ฟังบรรยาย "Working Together" จาก รศ.ดร.ปรีชา วิหคโต และ รศ.ดร.สมพงษ์ แตงตาด์ ในประเด็น Dream Team, Team Building, วิสัยทัศน์ของเรา, ลักษณะของ WT, พฤติกรรมเพื่อนร่วมงาน และพัฒนาตน คน งาน
3. ได้เรียนรู้ว่าการวางแผนจัดทำโครงการสัมมนา ที่เป็นการสัมมนาจริง ๆ ควรเตรียมอย่างไร และคิดถึงอะไรบ้าง ถึงจะได้ผลของการสัมมนาออกมา และเป็นโครงการที่เรียกว่าคุ้มค่า
ไม่มีความเห็น