ชีวิตที่พอเพียง  4794. นโยบายของพรรคการเมือง กับนโยบายของคนไทยผู้รักชาติ


 

เป็นข้อสะท้อนคิดจากการสนทนาแบบกัลยาณมิตรผู้มีความเชื่อถือไว้วางใจระหว่างกัน ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗  ว่าผู้มีอำนาจทางการเมืองในรัฐบาล เสนอต่อเขาว่า    ขอให้หันมาทำงานวิจัยตอบโจทย์ของรัฐบาล    ไม่ต้องไปคิดโจทย์ ววน. ให้ยุ่งยาก

ชวนให้ผมหวนไปรำลึกถึงเหตุการณ์ในปี ๒๕๔๕   ที่ผมพ้นจากหน้าที่ ผอ. สกว. แล้ว        แต่ ผอ. ท่านต่อมา (คือ ศ. ดร. ปิยะวัติ บุญ-หลง) ขอให้ยังเป็นที่ปรึกษา     วันหนึ่งประธานคณะกรรมการนโยบายกองทุนสนับสนุนการวิจัย (ศ. นพ. จรัส สุวรรณเวลา) และคณะผู้บริหาร สกว. นัดไปเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อไปเรียนท่านว่า สกว. จะทำหน้าที่หนุนการพัฒนาประเทศอย่างไร    ผมติดตามไปด้วย ในฐานะที่ปรึกษา    เหตุการณ์ชั่วโมงเศษที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรียังตราตรึงอยู่ในความทรงจำมาจนบัดนี้

 ออกมาจากห้องประชุม อ. หมอจรัสอุทานว่า “คนคนนี้พิเศษมาก มีแต่ปาก ไม่มีหู”     คือตลอดเวลาชั่วโมงเศษที่คณะของ สกว. เข้าพบนายกรัฐมนตรี   คณะผู้เข้ารายงาน ได้มีเวลารายงานประมาณ ๑๐ นาทีเท่านั้น    หลังจากกนั้นเป็นเวลาราวๆ ๑ ชั่วโมง ท่านนายกรัฐมนตรีเล่าเรื่องความรอบรู้ของท่านเกี่ยวกับการวิจัย   ที่เป็นความรู้เกี่ยวกับการวิจัยด้านนิติศาสตร์และความยุติธรรม   ที่ท่านมีความรอบรู้อย่างน่าชื่นชม   

ช่วยยืนยันความเชื่อ และวิถีปฏิบัติของผมตลอดเวลา ๘ ปีที่ทำหน้าที่บริหาร สกว. ว่า   ต้องระวังไม่ตกหลุมมุมมองและอำนาจทางการเมืองที่แคบเพื่อการเอาชนะการเลือกตั้ง เอามาครอบงำวงการทางวิชาการ    สกว. ต้องมุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจ และสมรรถนะในสังคมที่นำสู่การพัฒนาประเทศและสังคมวงกว้างอย่างแท้จริง   

คน สกว. โดยเฉพาะ ผู้อำนวยการต้องมีอุดมกาณ์ ไม่เข้าไปรับใช้การเมือง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน   คือโอกาสได้รับตำแหน่งสูงขึ้น   นี่คือสติสัมปชัญญะของผมในช่วงนั้น   และยึดถือมาตลอดชีวิต    

สาระสำคัญที่ท่านนายกรัฐมนตรีท่านนั้นบอกพวกเราคือ    หากต้องการงบประมาณสนับสนุนการวิจัย  อย่าไปคิดโจทย์ให้ยุ่งยาก   ให้มุ่งสนับสนุนการวิจัยเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล    ที่ตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของผมอย่างสิ้นเชิง         

ไม่ได้หมายความว่า ผมมุ่งสนับสนุนงานวิจัยที่คัดค้านนโยบายของรัฐบาล   ลำดับความสำคัญของโจทย์วิจัยและพัฒนาหรือสร้างนวัตกรรมให้แก่บ้านเมือง มีทั้งที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล    และที่เป็นเรื่องระยายาวหรือการวางรากฐาน ที่การเมืองไปไม่ถึง เพราะการเมืองเขาเน้น quick win เพื่อเอาชนะทางการเมือง   ภาควิชาการต้องเน้นรับใช้บ้านเมือง มากกว่ารับใช้การเมือง    และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บริหารระดับสูงของภาควิชาการต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก   

หันกลับมาที่พฤติกรรมของนักการเมืองไทย ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในขณะนี้   ที่เราจะเห็นพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ ไม่น่าเชื่อถือ อย่างโจ่งแจ้ง   ที่ผู้นำตัวจริงหายจากความเจ็บป่วยรุนแรงจนต้องไปรับการบริการที่โรงพยาบาลตำรวจได้อย่างมหัศจรรย์เมื่อออกจากโรงพยาบาล   

ความไว้วางใจต่อความซื่อสัตย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลของผมและคนไทยทั่วไป จึงไม่มี    เป็นหลักฐานหนุนว่า คนไทยที่รักชาติ และมีบทบาทสำคัญต่อบ้านเมืองได้  ต้องไม่หลงทำตามนโยบายของรัฐบาลเสมอไป   ต้องมีวิจารณญาณ              

วิจารณ์ พานิช

๑๖ ก.ค. ๖๗

 

หมายเลขบันทึก: 719160เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2024 19:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 สิงหาคม 2024 19:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

“There are none so blind as those who will not see” –John Heywood 1546 (English Playwright, Poet & Satirist during the reign of Henry VIII )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท