๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗
เราไปถึง JICA Kobe Center เวลาราวๆ ๑๘ น. ขึ้นห้อง ๑๑๐๑ แล้วลงมากินอาหารเย็นที่ห้องอาหารที่มีลูกค้า ๒ คน (รวมผม) กินอาหารญี่ปุ่นราดไข่ลวก ๑ ฟอง ๖๒๐ เยน แล้วขึ้นไปนั่งทำงานบนห้องที่ไม่กว้างขวางมาก แต่มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบายครบครัน ห้องค่อนข้างเย็น ต้องสวมเสื้อหนาวทับชุดนอน ผมทำงานจน ๒๑.๓๐ น. เวลาไทย (๒๓.๓๐ น. เวลาญี่ปุ่น) ก็เข้านอนโดยมี เมลาโทนิน ๑ เม็ดช่วยให้หลับสบาย
ก่อนหน้านั้นซักถุงเท้ากับกางเกงใน ตากที่สายตากผ้าในห้องน้ำ
๒๗ มีนาคม ๒๕๖๗
นอนหลับสบายจนตีสี่ (ไทย) ก็ตื่นเองตามความเคยชิน พบว่าผ้าที่ตากไว้ไม่ค่อยแห้ง คงเพราะความชื้นในอากาศสูงเนื่องจากฝนตกเมื่อวันที่๒๕ เพิ่งหยุดเช้าวันที่ ๒๖ วันนี้แดดจ้ามากทั้งวัน กินอาหารเช้าที่ห้องอาหาร ที่เขาจัดให้คนที่มาพักกินฟรี ที่ผมชอบมากคือมะเขือเทศที่สดและอร่อยมาก ได้กินผักสลัดอร่อยสมใจ
ประชุมที่ชั้น ๒ ของ JICA Kansai Center โดยดัดแปลงสนามบาสเป็นห้องประชุม ตกเย็นไปกินเลี้ยงรับรอง กลับมาเขียนบันทึกและอ่านเอกสารจน ๒๐.๓๐ น. เวลาไทยจึงเข้านอนโดยไม่ใช้ตัวช่วย
๒๘ มีนาคม ๒๕๖๗
ตื่นตีสามไทย นั่งทำงานจน ๖.๓๐ น. เวลาญี่ปุ่นก็ลงไปเดินออกกำลังกับท่านอธิการบดี ศ. นพ. บรรจง มไหศวริยะ ได้ฟังเรื่องที่ท่านทำวิจัยตั้งตัวทางวิชาการตั้งแต่สมัยไปทำงานที่ มข.
ประชุม ๙ - ๑๒ น. พักเที่ยงแล้วประชุมต่อ ๑๖.๓๐ น. ก็เสร็จก่อนเวลา คุณหมอสุวิทย์ชวนไปกินอาหารเย็นเพื่อคุยกับว่าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (ศ. นพ. ปิยะมิตร ) กับคณบดี และ นพ. จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เพื่อหาทางร่วมมือกันพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โดย นพ. ปิยะมิตรหาร้าน ได้ร้านเนื้อโกเบย่าง Amona Sannomiya อยู่ในเมืองนั่งรถไปจากไจก้าไม่ถึง ๑๕ นาที ระยะทาง ๓ ก.ม. ทีมที่นอนโรงแรมเดินมา ๑๐ นาทีท่ามกลางสายฝน
ได้กินเนื้อโกเบย่างสมใจ (เนื้อพิเศษต้องลายหินอ่อน) อร่อยมาก กินกับไวน์แดงอัฟริกาใต้ และเหล้าสาเก อร่อยทั้งอาหาร และเหล้าทั้งสองอย่าง รวมทั้งได้คุยเรื่องลึกๆ เกี่ยวกับระบบสุขภาพ และการเมืองในมหาวิทยาลัย ผมเสนอให้อธิการบดีใหม่จัดระบบบริหารที่หนุนพลังศักยภาพภายในมหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งใช้พลังหุ้นส่วนภายนอกที่เขาอยากร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลอยู่แล้ว กลับถึงที่พักเกือบสามทุ่ม อาบน้ำแล้วนั่งทำงานต่อ
ตอนบ่ายฝนตกปรอยๆ พอค่ำตกค่อนข้างหนัก อุณหภูมิขึ้นไปเป็น ๑๓ องศาในตอนสี่ทุ่ม
๒๙ มีนาคม ๒๕๖๗
ตอนเช้าฝนตก สายแดดออก บ่ายอุณหภูมิขึ้นไปถึง ๒๐ องศา กินอาหารเที่ยงเสร็จ ออกไปชมพิพิธภัณฑ์ Hyogo Prefectural Museum of Art กับพิพิธภัณฑ์ The Great Hanshin-Awaji Earthquake Memorial ที่เป็น Disaster Reduction and Human Renovation Institution ด้วย โดยเขามีแผ่นพับภาษาไทยแจกให้ชื่อว่า ศูนย์คนและอนาคตการป้องกันภัย เราไปกัน ๓ คน กับ ศ. นพ. บรรจง มไหศวริยะ และ ศ. นพ. อาทิตย์ อังกานนท์ ได้เห็นอาคารพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่โตมโหฬาร และได้สัมผัสความร้ายแรงของแผ่นดินไหววันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๘ เวลา ๕.๔๖ น. โดยชมภาพยนตร์สั้นๆ ๓ รายการ และชมนิทรรศการทั้งในส่วนของภัยธรรมชาติ และการเตรียมรับมือภัยพิบัติจากธรรมชาติ
ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ พบแผ่นโฆษณา Imaginarium เตะตาจึงหยิบมา เอามาค้นที่บ้านได้ว่าเป็นกิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ Itami City Museum of Art, History and Culture ช่วยให้เห็นว่า ประเทศญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมเรียนรู้จากศิลปะ มีพิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้ทุกเมือง
ตอนเย็นทำงานในห้อง กินอาหารกระป๋องที่เตรียมมาจากบ้าน
๓๐ มีนาคม ๒๕๖๗ (วันเสาร์)
มีเวลาว่างราวๆ ๓ ชั่วโมง ได้ออกไปเดินในเมืองกับสองคู่เขย ศ. นพ. บรรจง กับ ศ. นพ. อาทิตย์ รายละเอียดอยู่ในอีกบันทึกหนึ่ง
สรุปได้ว่า ชีวิต ๕ วันในโกเบ เป็นชีวิตที่ได้เรียนรู้สูงมาก ทั้งเรื่องการประชุม เรื่องทางสังคมที่ได้ทำความรู้จักสนิทสนมกับทีมไทยบางคนที่มาใหม่ และทำความรู้จักเมืองโกเบ
วิจารณ์ พานิช
๒ เม.ย. ๖๗
ไม่มีความเห็น