ปัญหาหมอกควัน PM2.5 ตอน 2 : รอกับรอโดยซื้อเวลาไว้ก่อน


ปัญหาหมอกควัน PM2.5 ตอน 2 : รอกับรอโดยซื้อเวลาไว้ก่อน

12 เมษายน 2567

: ทีมงานหญ้าแห้งปากคอก(ท้องถิ่น)[1] 

 

ดูประหนึ่งว่ามาตรการในการแก้ไขเยียวของรัฐเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ หรือฝุ่นจิ๋ว หรือปัญหาหมอกควัน PM2.5 (Particulate Matters) ที่เป็นปัญหามานานแสนนานแล้ว ว่ากันว่าคนไทยสูดฝุ่นพิษมานานแล้วกว่า 20 ปี ตั้งแต่สมัยยังไม่มีเครื่องตรวจวัดปริมาณฝุ่น[2] PM2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน คือแนวโน้มจะยาวๆ ประหนึ่งว่ายังไม่เด็ดขาด ยังไม่มีข้อยุติ นโยบายรัฐจึงซื้อเวลาไปก่อนตามหน้างานไป หรือว่าจะรอกฎหมายอากาศสะอาด ที่กำลังจะตราเป็นพระราชบัญญัติ ก็ไม่แน่ใจว่าจะรวดเร็วเพียงใด เพราะ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ก็ใช่ว่าจะแก้ไขปัญหาได้ทันทีไม่ ที่สำคัญก็คือ เป็นปัญหาระหว่างประเทศหมอกควันข้ามพรมแดน (Transboundary Haze Pollution) คงต้องนำ “ความตกลงทางด้านสิ่งแวดล้อม” หรือ “ความตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน” (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution 2002) [3] มาใช้ให้มีผลทางปฏิบัติ ก็ไหนว่าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmentally Friendly Products) ที่นอกเหนือจากความยั่งยืน (Sustainable)

ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมสำรวจโลก ดาวเทียมระบบ MODIS (Moderate Resolution Imaging Spectroradiometer) เป็น 1 ใน 5 ของระบบเซนเซอร์ที่ติดตั้งบนดาวเทียม เป็นเครื่องมือถ่ายภาพที่ได้รับการติดตั้งบนดาวเทียม TERRA และ AQUA พัฒนาโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Aeronautic and Space Administration: NASA) จะมีแถบการถ่ายภาพครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยและสามารถถ่ายภาพได้วันละ 4 ช่วงเวลา ระบบ MODIS ระบุพื้นที่เผาไหม้ (burn scar) ของพื้นที่มากกว่า 250 ตารางเมตร และวิเคราะห์จุดความร้อน (hotspot) ที่มีขนาดใหญ่กว่า 375 ตารางเมตร[4] ทำให้การสำรวจ “จุดความร้อนและบริเวณพื้นที่เผาไหม้” (Hotspot & Burn Scar) เป็นข้อมูลแบบ real time 

 

การใช้พื้นที่เกษตรเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นจำนวนมาก

ข้อมูลของกรีนพีซ ระบุว่า การขยายตัวของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์คือตัวการสำคัญในการขยายการลงทุนข้ามแดนและพื้นที่เพาะปลูกในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ท้ายที่สุดก็ก่อฝุ่นพิษข้ามแดนกลับมายังไทย รัฐควรเร่งกำหนดให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาดมีระบบตรวจสอบย้อนกลับอย่างโปร่งใสตลอดห่วงโซ่อุปทานและบังคับใช้กฎหมายที่สามารถเอาผิดอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่เชื่อมโยงกับฝุ่นพิษข้ามพรมแดนและการทำลายป่า เพราะนี่คือวิกฤตเร่งด่วนที่รัฐต้องให้ความสำคัญต่อสุขภาพของประชาชน มากกว่าผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรม[5] รัฐต้องเอาผิดอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 และการทำลายป่า มองการแก้ไขได้หลายมิติ หากมองว่า ควันพิษข้ามพรมแดนจากการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดของบรรษัทข้ามชาติอาจไม่เกี่ยวกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่เป็นกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหากเชื่อว่าเกิดจากไฟป่าภายในประเทศย่อมไม่เกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หากแต่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงมหาดไทย อาจไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงนัก[6]

ล่าสุดต้นปี 2567 (19 มกราคม 2567)[7] ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาคดีฝุ่นภาคเหนือ คืนปอดให้ประชาชน ว่ารัฐผิดจริงในกรณีแก้ฝุ่นล่าช้า โดยสั่งการให้ดำเนินการใช้อำนาจตามพรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนภายใน 90 วัน ซึ่งเครือข่ายประชาชนผู้ฟ้องขอรัฐอย่าได้อุทธรณ์ เพราะจะเป็นการยืดระยะเวลาแก้ปัญหา แต่รัฐกลับอุทธรณ์คำพิพากษานี้ ทำให้คดีจึงไม่ยังถึงที่สุด การแก้ไขปัญหาจึงต้องยืดยาวออกไป เสมือนการซื้อเวลาของรัฐ ภาคเหนือจึงต้องคลุกฝุ่นอย่างรุนแรงติดอันดับหนึ่งของโลกต่อไป

ณ วันนี้ ค่าฝุ่นเหนือยังสูง แม้ว่าจะมีฝนตกมาทำให้ท้องฟ้าโปร่งใสขึ้นบ้างก็ตาม ยังมาเจอกับการจัดงานเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ที่รัฐจะส่งเสริมในตลอดเดือนเมษายน 2567 อีก ทำให้รัฐต้องปรับกลยุทธเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ข้อมูลเก่าเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 พบว่า ทั่วไทยโซนสีแดงฝุ่นพิษคลุ้งใน 8 พื้นที่ เชียงใหม่ติดอันดับ 7 โลก กทม. อันดับ 8 โลก[8]แต่ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ปฏิเสธว่าปัจจุบัน ค่า PM2.5 ของ จ.เชียงใหม่ ไม่ได้สูงเป็นที่ 1 ของโลก[9] เป็นเพียงที่ 1 ของประเทศไทยในบางชั่วโมง ของบางวันเท่านั้น และสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐทำงาน work from home[10] แต่ความรุนแรงลดลงแล้ว แต่ก่อนทำไมไม่ทำ มองว่าเป็นกลยุทธสร้างภาพ ตามกระแสหรือเปล่า ปีนี้ทางราชการปล่อยมือไม่ทำอะไรเลยเหมือนให้เผาป่าเรียกงบประมาณปีหน้า ทำให้คิดว่าปีนี้เผาน้อยไปปีหน้างบก็จะมาน้อย ปีนี้จึงต้องเผาให้หนัก เป็นกลวิธีของหน่วยงานราชการที่หลอกล่อเอางบประมาณหรือไม่ หากภาครัฐไม่ทำให้ปัญหาดูหนัก (วิกฤต) รัฐบาลก็จะไม่สนใจให้งบประมาณ

ปีนี้เชียงใหม่เล่นน้ำสงกรานต์แบบฉ่ำๆ ใหญ่ๆ แน่นอน ตามนโยบาย soft power ของรัฐบาล มีอุโมงค์น้ำท่าแพ ยาวกว่า 200 เมตร พร้อมแสงสี และดนตรีแบบจัดเต็ม[11] ดีที่มีฝนลงทำฝุ่นลด ไม่งั้นคนเที่ยวน้อย และอุโมงค์น้ำเป็นที่หลบ PM2.5 ได้ แต่ข่าวว่า น้ำคลองเชียงใหม่สกปรก ต้องถ่ายน้ำใหม่เข้ามาเพื่อความสะอาด คูเมืองก็ไม่น่าลงเล่น อาจเจอไฟดูด แต่จะพยายามแก้ไขทำให้เสร็จภายในวันที่ 12 เมษายน 2567

ที่จ.ตาก ฝนตกมา 2 วันแล้ว (9-10 เมษายน 2567) ทำให้ท้องฟ้าโปร่งใสขึ้น ที่อีสานก็มีฝนตกบ้าง การเปลี่ยนแผนมาจัดงานสงกรานต์บันเทิงล่อใจนัยยะว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ตามข่าว คือรัฐบาลจัดสงกรานต์ทั่วประเทศ 1-21 เมษายน 2567 แต่ เชียงใหม่บอกว่าจะจัดทั้งเดือน แต่อุโมงค์น้ำท่าแพ ณ วันที่ 10 เมษายน 2567 ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะตามข่าวไฮไลท์งานสงกรานต์เชียงใหม่ คือวันที่ 7-17 เมษายน 2567 

 

ข้อมูลจากดาวเทียมการใช้พื้นที่การเกษตร

กรีนพีซร่วมกันกับคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการทำข้อมูลจากดาวเทียม คือวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมในพื้นที่ 3 ประเทศ มีภาคเหนือตอนบนของไทย รัฐฉาน และ สปป.ลาว ตอนเหนือ โดยเอาข้อมูล 3 ประเภท คือ จุดความร้อน (Burn Scar) คือพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งพื้นที่ปลูกข้าวโพดและพื้นที่ป่า นำความเข้มข้นของ PM2.5 รวมถึงการเปลี่ยนแปลงจากป่าไปเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดมาวิเคราะห์[12] กรีนพีซตั้งสมมติฐานว่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา การเพิ่มขึ้นของฝุ่นพิษเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการหายไปของพื้นที่ป่าในภาคเหนือตอนบนของไทยอย่างไร โดยได้ใช้ข้อมูลการวิเคราะห์พื้นที่ทางภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ปี 2545-2565[13] จากคำฟ้องคดีศาลปกครองเมื่อปี 2565 บรรยายฟ้องของมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม กรีนพีซ ประเทศไทยกับพวกระบุว่า[14] สถานการณ์ปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่ช่วงปี 2557-2563 พบว่าหลายพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ภาคเหนือของไทยมีค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สูงกว่าค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 ในบรรยากาศโดยทั่วไปมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนไทยต้องประสบกับปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรงต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนานกว่า 8 ปีแล้ว[15] คือมองว่า ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์คือที่ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 ที่สำคัญ ซึ่งคาดปี 2567 ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1.4 ล้านตันจากเพื่อนบ้าน เพิ่ม 5.2% แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ไทยมีความต้องการใช้อาหารสัตว์ เฉลี่ยปีละ 20 ล้านตัน ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่และสุกร[16] ไทยมีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ยปีละ 8 ล้านตัน แต่ผลิตได้เองราว 4-5 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ[17] ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ไทยนำเข้ามา คิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของปริมาณการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งหมด และเป็นการนำเข้าจากประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา (CLM) เกือบ 100% โดยเฉพาะเมียนมาที่มีสัดส่วนการนำเข้าสูงถึง 93% แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา[18]

การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในเขตภาคเหนือตอนบนของไทย (ปี 2545-2565) ทำให้พื้นที่ 8 จังหวัดในภาคเหนือตอนบนของไทยมีการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นจาก 621,280 ไร่ เป็น 2,430,419 ไร่ (เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า) [19] 15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ป่าราว 9 ล้านไร่ มาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำลายป่าเพื่อขยายการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร 29,000 คนในปี 2564 อันเนื่องมาจากมลพิษ PM2.5 ในจังหวัดต่างๆ[20] 

 

ที่จริงเค้าลางหนักๆ ในการแก้ไขปัญหามาจากผลคดีปกครองจากคดีฟ้องทะลุฝุ่น 4 คำขอท้ายคำฟ้อง (29 สิงหาคม 2566) [21] หรือคดีที่เครือข่ายภาคประชาชนฟ้อง 3 องค์กรรัฐ (บอร์ดสิ่งแวดล้อมชาติ กระทรวงทรัพยากรฯ กระทรวงอุตสาหกรรม) กรณี “ละเลย-ล่าช้า” แก้ปัญหาวิกฤตฝุ่น PM2.5 เมื่อปี 2565 คำฟ้องระบุถึง ความสำเร็จของหลายประเทศในการควบคุมฝุ่น PM2.5 จนมีค่าเฉลี่ยทั้งประเทศต่อปีต่ำกว่า 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และการปล่อยมลพิษทางอากาศหลัก (PM2.5, PM10, SO2, NOx, VOCs) ให้ลดลงอย่างมาก ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP) เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการออกแบบระบบกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องยาวนาน และพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ ต่อยอดจากฐานทางกฎหมายที่เข้มแข็งรวมถึง (1) กฎหมายกำหนดค่ามาตรฐานการปลดปล่อย PM2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษหลัก (Emission standard) (2) กฎหมายว่าด้วยการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่คำนึงถึงความสามารถในการรองรับของมลพิษในพื้นที่และผลกระทบข้ามพรมแดน (3) กฎหมายกำหนด ‘แนวกันชน’ ระหว่างแหล่งกำเนิดมลพิษกับแหล่งชุมชน (Buffer zone) และ (4) การใช้หลักการทางเศรษฐศาสตร์ เช่น ภาษีสิ่งแวดล้อม ค่าธรรมเนียมการจัดการมลพิษ การประกันความเสี่ยงหรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม

มาตรการเฉพาะหน้าและระยะสั้นของรัฐแทบจะนับไม่ถ้วนเพื่อต่อกรกับฝุ่น PM2.5 จะเป็นเพียงการขี่ช้างจับตั๊กแตน หากไร้ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวข้างต้น ที่นำพาสังคมออกจากวิกฤตมลพิษทางอากาศ โดยเงื่อนไขแรกที่จำเป็นคือการกำหนดมาตรฐานเพื่อลดและควบคุมการระบายฝุ่น PM2.5 จากแหล่งกำเนิด 

 

คำขอท้ายฟ้องในคดีฟ้องทะลุฝุ่น PM2.5 มีสาระสำคัญ 4 ประเด็นคือ[22]

ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ออกหรือแก้ไขประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนในบรรยากาศทั่วไป ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล(WHO-IT3) ตามที่ได้มีการรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว คือ ค่าเฉลี่ยราย 24 ชั่วโมงของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันออกหรือแก้ไขประกาศกำหนดค่ามาตรฐานควบคุมมลพิษฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนจากโรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งกำเนิดอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ในการปล่อยทิ้งอากาศเสีย ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ออกสู่สิ่งแวดล้อม ตาม มาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกหรือแก้ไขประกาศกำหนดค่าปริมาณ ของสารเจือปนในอากาศที่ระบายออกจากโรงงานสู่สิ่งแวดล้อม ให้มีค่าปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ไม่เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดและเทียบเท่ามาตรฐานสากล

ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ออกประกาศกำหนดประเภทสารมลพิษ หรือสารเคมีที่โรงงานต้องจัดทำรายงานข้อมูลตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 27 (พ.ศ.2563) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 โดยมีการรายงานฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน อยู่ในบัญชีมลพิษและสารเคมีเป้าหมาย และจัดทำทำเนียบ การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (Pollutant Release and Transfer Register) รวมถึงมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชน ภาคประชาสังคม สามารถมีส่วนร่วมตรวจสอบ ป้องกันผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมได้ 

 

การซื้อเวลาในการแก้ไขปัญหาฝุ่นหมอกควันพิษไปเรื่อยๆ น่าจะมิใช่ทางออกที่ดี ภาครัฐต้องมีกลยุทธนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาไว้ มิใช่การแก้หน้าให้รอดไปวันๆ


 

[1]Phachern Thammasarangkoon & Bhumi Watchara Charoenplitpon, ทีมงานหญ้าแห้งปากคอก(ท้องถิ่น), บทความพิเศษ, สยามรัฐออนไลน์, 12 เมษายน 2567, 23:00 น., https://www.siamrath.co.th/n/528593 

[2]ทำไม… การแก้ปัญหาหมอกควันฝุ่นพิษ ของรัฐจึงล้มเหลว, theactive, 11 มีนาคม 2566, https://theactive.net/read/pollution-solving-failure/ 

[3]ข้อตกลงว่าด้วยมลพิษหมอกควันข้ามแดนอาเซียนในปี ค.ศ.2002 (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution) คือความตกลงทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ลงนามในปี ค.ศ.2002 ระหว่างชาติสมาชิกในกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดมลหมอกพิษในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความตกลงเป็นปฏิกิริยาตอบโต้วิกฤติการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการถางป่าโดยการเผาในเกาะสุมาตราในอินโดนีเชีย ภาพจากดาวเทียมแสดงให้เห็นจุดต่างๆ ทั่วบอร์เนียว, สุมาตรา, คาบสมุทรมาลายู และอื่นๆ ที่มีผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงต่อมาเลเซีย, สิงคโปร์ และบ้างในประเทศไทย และ บรูไน สำหรับสุมาตรา ลมมรสุมพัดควันไปทางตะวันออกที่ทำให้สร้างความกระทบกระเทือนภายนอกประเทศต่อชาติอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มลหมอกหนาปกคลุมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่หลายอาทิตย์ และมีผลต่อสุขภาพของประชาชนในประเทศดังกล่าว ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2007 แปดชาติให้สัตยาบันในความตกลง, อ้างจาก วิกิพีเดีย

[4]ข่าวจากสื่อทีวี GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) และจากดาวเทียมอีกหลายดวง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ไทยพบจุดความร้อนทั้งประเทศ 412 จุด ข้อมูลจากดาวเทียมยังระบุอีกว่าจุดความร้อนที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่พบในพื้นที่เกษตร 206 จุด ตามด้วยพื้นที่ สปก 63 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 62 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 36 จุด แหล่งชุมชนและอื่นๆ 35 จุด รวมถึงพื้นที่ริมทางหลวง 10 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจำนวนจุดความร้อนมากที่สุด คือ สุพรรณบุรี 31 จุด

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านพบจุดความร้อนต่อเนื่องแต่ก็ลดลงมากด้วยเช่นกัน โดยสูงสุดอยู่ที่พม่าเช่นเดิม 957 จุด ตามด้วยกัมพูชา 940 จุด ลาว 930 จุด เวียดนาม 552 จุด และไทย 412 จุด 

[5]รายงานคุณภาพอากาศโลกปี 2566 ของ IQAir ระบุไทยมีคุณภาพอากาศแย่ติด 1 ใน 5 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, Greenpeace Thailand, 19 มีนาคม 2567, https://www.greenpeace.org/thailand/press/52016/climate-airpollution-iqair-report-2023/ 

[6]ต่อให้กระจายอำนาจก็แก้ PM2.5 ไม่ได้, the101world, โดยณัฐกร วิทิตานนท์, 1 พฤษภาคม 2566, https://www.the101.world/not-only-decentralization-for-pm25/

[7]คดีศาลปกครองเชียงใหม่ ที่ ส.1/2567 นี้ยื่นฟ้องโดย รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุลกับพวก รวม 10 ราย ยื่นฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (นายกรัฐมนตรี) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ) ข้อหาละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2566

ดู สรุปคำพิพากษาศาลปกครองเชียงใหม่ คดีหมายเลขดำที่ ส. 3/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ส. 1/2567 (คดีการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ), โดย สำนักงานศาลปกครองเชียงใหม่ ลงวันที่ 19 มกราคม 2567, https://admincourt.go.th/admincourt/site/08hotsuit_detail.php?ids=25471

[8]ฝุ่นพิษคลุ้ง 8 พื้นที่โซนสีแดง กรุงเทพฯอ่วมติดอันดับ8โลก, สยามรัฐออนไลน์, 12 เมษายน 2565, 00:15 น., https://siamrath.co.th/n/339273 

[9]ข้อมูลวันที่ 9 เมษายน 2567 เวลา 06.00 น. ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) และมลพิษทางอากาศ PM2.5 เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกนั้น ‘เชียงใหม่’ ติดอยู่อันดับที่ 1 โดยวัดได้ 190 USAQI ฝุ่นละออง PM 2.5 ภาคเหนือ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีระดับสีแดง 18 พื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน วัดได้ 192.7 มคก./ลบ.ม. 

ดู เชียงใหม่ ฝุ่น PM2.5 พุ่งอันดับ 1 โลก ภาคเหนือระดับสีแดง 18 พื้นที่, ThaiPBS, 9 เมษายน 2567, 08:05 น., https://www.thaipbs.or.th/news/content/338877 & 'เชียงใหม่' ประกาศแนะ WFH 9-11 เม.ย. - เปิดสถิติตั้งแต่ 1 เม.ย. เชียงใหม่ไม่หลุดโผลท็อป 3 โลก, ข่าวช่อง3 เรื่องเล่าเช้านี้, 9 เมษายน 2567, https://www.youtube.com/watch?v=y0BzLd-vhbo 

[10]เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2567 จังหวัดเชียงใหม่ ออกประกาศข้อแนะนำ ภาครัฐ-เอกชน Work from Home 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-11 เมษายน 2567 นี้ เพื่อลดผลกระทบฝุ่น เกินค่ามาตรฐานต่อเนื่อง

ดู 'เชียงใหม่' ประกาศแนะ WFH 9-11 เม.ย. - เปิดสถิติตั้งแต่ 1 เม.ย. เชียงใหม่ไม่หลุดโผลท็อป 3 โลก, ข่าวช่อง3 เรื่องเล่าเช้านี้, 9 เมษายน 2567, อ้างแล้ว 

[11]เทศบาลนครเชียงใหม่เร่งตกแต่งเมืองต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ไฮไลท์อุโมงค์น้ำชุ่มฉ่ำตลอดทั้งวัน 13-15 เม.ย. พร้อมกิจกรรมมากมายให้ประชาชนนักท่องเที่ยวเข้าร่วม อ้างจาก เฟซบุ๊ก เชียงใหม่ CM108 ข่าวเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่, 9 เมษายน 2567, https://www.facebook.com/100044582852712/photos/973895554106531/

[12]‘ปลูกข้าวโพดจบที่เผา’ ความเจริญของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ แลกกับพื้นที่ป่า ‘PM2.5’ และสุขภาพของผู้คน โดย THE STANDARD TEAM, 18 ธันวาคม 2566, https://thestandard.co/growing-corn-and-pm-2-point-5/  

[13]‘ปลูกข้าวโพดจบที่เผา’ ความเจริญของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ แลกกับพื้นที่ป่า ‘PM2.5’ และสุขภาพของผู้คน โดย THE STANDARD TEAM, 18 ธันวาคม 2566, อ้างแล้ว

[14]ศาลปกครองพิพากษาคดี PM2.5 สั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำ PRTR, Greenpeace Thailand, 29 สิงหาคม 2566, https://www.greenpeace.org/thailand/press/28320/climate-airpollution-pm2-5-lawsuit-consideration/

[15]22 มี.ค. 2565 เครือข่ายภาคประชาสังคม-ประชาชนยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง ให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติหน้าที่ “แก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5” เพื่อคุ้มครองสิทธิการดำรงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี และปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน, enlawfoundation, 22 มีนาคม 2565, https://enlawfoundation.org/pm-2-5-lawsuit/?fbclid=IwAR0QSm75jRv6kdp-ljnM_3F9DFyfvdDnWitKPmFyyLn_phjiWTvWXAeS7hE

[16]ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 2567 ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1.4 ล้านตันจากเพื่อนบ้าน เพิ่ม 5.2% แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ, ดู ไทยนำเข้าข้าวโพดเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น แม้เป็นตัวการเกิดฝุ่น PM 2.5, 29 มีนาคม 2567, https://policywatch.thaipbs.or.th/article/environment-24 

[17]ไทยนำเข้าข้าวโพดเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น แม้เป็นตัวการเกิดฝุ่น PM 2.5, 29 มีนาคม 2567, อ้างแล้ว

[18]ไทยนำเข้าข้าวโพดเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น แม้เป็นตัวการเกิดฝุ่น PM 2.5, 29 มีนาคม 2567, อ้างแล้ว

[19]‘ปลูกข้าวโพดจบที่เผา’ ความเจริญของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ แลกกับพื้นที่ป่า ‘PM2.5’ และสุขภาพของผู้คน โดย THE STANDARD TEAM, 18 ธันวาคม 2566, อ้างแล้ว

[20]‘ปลูกข้าวโพดจบที่เผา’ ความเจริญของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ แลกกับพื้นที่ป่า ‘PM2.5’ และสุขภาพของผู้คน โดย THE STANDARD TEAM, 18 ธันวาคม 2566, อ้างแล้ว

[21]คดีศาลปกครองอีกคดีหนึ่งปี 2566 ที่ยื่นฟ้องโดย “ตัวแทนจาก มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม-EnLAW มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) กรีนพีซ ประเทศไทย สภาลมหายใจเชียงใหม่ สภาลมหายใจภาคเหนือ และภาคประชาสังคม รวมถึง นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ นักกิจกรรมทางสังคม และ นันทิชา โอเจริญชัย เยาวชนนักสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อม” อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566

ดู จับตาผลพิพากษาคดีฟ้องทะลุฝุ่น พรุ่งนี้ “ผิด-ไม่ผิด บอร์ดสวล.-2 กระทรวง”, โดยกองบรรณาธิการ GREENNEWS, 28 สิงหาคม 2566, https://greennews.agency/?p=35335 & ศาลปกครองพิพากษาคดี PM2.5 สั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำ PRTR, Greenpeace Thailand, 29 สิงหาคม 2566, อ้างแล้ว

[22]ศาลปกครองพิพากษาคดี PM2.5 สั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำ PRTR, Greenpeace Thailand, 29 สิงหาคม 2566, อ้างแล้ว

หมายเลขบันทึก: 717873เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2024 15:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2024 19:29 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

And this “..ปีนี้ทางราชการปล่อยมือไม่ทำอะไรเลยเหมือนให้เผาป่าเรียกงบประมาณปีหน้า ทำให้คิดว่าปีนี้เผาน้อยไปปีหน้างบก็จะมาน้อย ปีนี้จึงต้องเผาให้หนัก เป็นกลวิธีของหน่วยงานราชการที่หลอกล่อเอางบประมาณหรือไม่ หากภาครัฐไม่ทำให้ปัญหาดูหนัก (วิกฤต) รัฐบาลก็จะไม่สนใจให้งบประมาณ..” is quite disturbing and aggravating the clean air problems that ‘people are facing’.

We do need to bring out facts and issues so that solutions have more meanings and real benefits for the people. And you are clearly doing just that. Thank you.

อ่านแล้วเศร้าใจครับ ทำไมต้องฟ้องร้องกันให้เสียเวลากันทุกฝ่าย ทั้งรัฐและภาคเอกชน และทำไมต้องเจาะจงบางหน่วยงาน หรือต้องรอองค์กรต่างประเทศเข้ามาชี้แนะ และทำไมฯ จึงขอเสนอว่านี่เป็นเรื่องของทุกองค์กรในประเทศไทย เป็นความเป็นความตายของคนทั้งประเทศ ไม่ต้องห่วงเรื่องชื่อเสียงให้มากอย่างเดียว วิจัย วิเคราะห์ และหาทางแก้ไขกันทุกคนด้วยก็ยิ่งดี ด่วนเลยครับ แทบอยากจะบอกว่าให้ปิดประเทศเสียด้วยซ้ำไป แล้วช่วยกันหาปัญหาให้เจอเป็นลำดับแรก แล้วเร่งแก้ไขทันที เรื่องอื่นทำไปตามปกตินะครับ การเมืองแทบจะต้องหยุดงาน เพราะเราไม่ได้สนใจแล้วว่าคุณจะเป็นใคร เป็นฝ่ายไหน แต่ที่สำคัญคือพวกคุณไม่ได้เรื่องได้ราวสักเท่าไร….วิโรจน์ ครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท