ในการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ได้ข้อเรียนรู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจเรื่ององค์กร NGO ด้านการศึกษา ชื่อ Pratham ที่มียุทธศาสตร์ทำงานน้อย ได้ผลมาก ลงทุนน้อย ก่อผลกระทบมาก เพราะจับประเด็นถูกในเรื่องยุทธศาสตร์สร้างการเปลี่ยนแปลง คือจับที่ผู้รับผลกระทบ (demand-side) ไม่เน้นทำจากฝ่ายผู้ให้ (supply-side) อย่างในบ้านเรา
เขาเน้นให้ ผู้รับผลกระทบ (demand-side) เป็นฝ่ายร่วมดำเนินการหาข้อมูลทำความเข้าใจตัวปัญหา และรากเหง้าของปัญหา แล้วเน้นให้ ผู้รับผลกระทบ (demand-side) นั้นเอง เป็นผู้กระทำการหลักในการแก้ปัญหา โดยชักชวนให้เข้ามาทำงานแบบอาสาสมัคร
ฟังจากที่คุณหมอสุภกร บัวสายเล่าต่อที่ประชุมแล้ว ผมรู้สึกว่า Pratham ไม่มุ่งเข้าไปแก้ปัญหาโดยตรง แต่มุ่งดำเนินการเพื่อให้ชุมชน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกิดความตระหนักในปัญหา และมองเห็นลู่ทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง
ชวนให้ผมกลับมาสะท้อนคิดต่อว่า กสศ. ควรพิจารณาว่าจะใช้ยุทธศาสตร์ทำนองนี้แก้ปัญหาความไม่เสมอภาคด้านผลลัพธ์การเรียนรู้ จะดีหรือไม่ ที่จริงข้อมูลที่นักเรียนชั้น ป. ๔ จำนวนหนึ่งอ่านเขียนได้เท่านักเรียน ป. ๒ เป็นที่รู้กันดีในวงการศึกษาไทย แต่ข้อมูลนี้ไม่แน่นพอที่จะสร้างผลสะเทือนให้คนทั้งประเทศรวมพลังร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่โยนบาปไปให้กระทรวงศึกษาธิการที่เดียว
ขอนำ presentation ของฝ่ายต่างประเทศของ กสศ. มาให้ดู ดังต่อไปนี้
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ต.ค. ๖๖
ไม่มีความเห็น