เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๗ [ฉบับมหาจุฬาฯ]
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
พลตรี มารวย ส่งทานินทร์
๑๘ กันยายน ๒๕๖๖
๘. ปัญจสตภิกขุวัตถุเรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป
(พระผู้มีพระภาคตรัสพระคาถานี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้)
[๘๓] สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมเว้นในธรรมทั้งปวง (ย่อมเว้นในธรรมทั้งปวง หมายถึงมีอรหัตตมัคคญาณเป็นเครื่องเว้นหรือละฉันทราคะ (ความกำหนัดด้วยอำนาจความพอใจ)ในขันธ์ ๕ เป็นต้น) สัตบุรุษทั้งหลายย่อมไม่พร่ำเพ้อเพราะกามคุณเป็นเหตุ บัณฑิตทั้งหลายจะประสบสุขหรือทุกข์ ย่อมไม่แสดงอาการขึ้นลง (ไม่แสดงอาการขึ้นลง หมายถึงไม่แสดงอาการยินดีหรือยินร้ายเมื่อถูกโลกธรรมกระทบ)
------------------
คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา
ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปัณฑิตวรรคที่ ๖
๘. เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป [๖๗]
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภภิกษุ ๕๐๐ รูป ตรัสพระธรรมเทศนานี้. พระธรรมเทศนาตั้งขึ้นที่เมืองเวรัญชา.
พระศาสดาเสด็จเมืองเวรัญชา
ความพิสดารว่า ครั้งปฐมโพธิกาล พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปเมืองเวรัญชา อันพราหมณ์ชื่อว่าเวรัญชะ ทูลนิมนต์แล้ว จึงเสด็จจำพรรษาพร้อมด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูป. เวรัญชพราหมณ์ถูกมารดลใจ มิให้เกิดสติปรารภถึงพระศาสดาแม้สักวันหนึ่ง. แม้เมืองเวรัญชาได้เป็นเมืองข้าวแพงแล้ว. พวกภิกษุเที่ยวไปบิณฑบาตตลอดเมืองเวรัญชา ทั้งภายในภายนอก เมื่อไม่ได้บิณฑบาต จึงลำบากมาก.
พวกพ่อค้าม้าจัดแจงภิกษา มีข้าวแดงราวแล่งหนึ่งๆ เพื่อภิกษุเหล่านั้น. พระมหาโมคคัลลานเถระเห็นภิกษุเหล่านั้นลำบาก ได้มีความประสงค์จะให้ภิกษุฉันง้วนดิน และประสงค์จะให้พวกภิกษุเข้าไปสู่อุตตรกุรุทวีป เพื่อบิณฑบาต พระศาสดาได้ทรงห้ามท่านเสีย. แม้ในวันหนึ่ง พวกภิกษุมิได้มีความสะดุ้งเพราะปรารภบิณฑบาต. ภิกษุทั้งหลายเว้นความประพฤติด้วยอำนาจความอยากแลอยู่แล้ว.
พระศาสดาเสด็จไปกรุงสาวัตถี
พระศาสดาประทับอยู่ที่เมืองเวรัญชานั้น สิ้นไตรมาสแล้ว ทรงอำลาเวรัญชพราหมณ์ มีสักการะสัมมานะอันพราหมณ์นั้นกระทำแล้ว ทรงให้เขาตั้งอยู่ในสรณะแล้ว เสด็จออกจากเมืองเวรัญชานั้น เสด็จจาริกไปโดยลำดับ. สมัยหนึ่ง เสด็จถึงกรุงสาวัตถี ประทับอยู่ในพระเชตวัน ชาวกรุงสาวัตถีกระทำอาคันตุกภัตแด่พระศาสดาแล้ว.
ก็ในกาลนั้น พวกกินเดนประมาณ ๕๐๐ คน อาศัยพวกภิกษุ อยู่ภายในวิหารนั่นเอง. พวกเขากินโภชนะอันประณีต ที่เหลือจากภิกษุทั้งหลายฉันแล้ว ก็นอนหลับ ลุกขึ้นแล้ว ไปสู่ฝั่งแม่น้ำ แผดเสียงโห่ร้อง กระโดดโลดเต้น ซ้อมมวยปล้ำ เล่นกันอยู่ ประพฤติแต่อนาจารเท่านั้น ทั้งภายในวิหาร ทั้งภายนอกวิหาร.
พวกภิกษุสนทนากันในโรงธรรมว่า "ดูเถิด ผู้มีอายุทั้งหลาย, ในเวลาเกิดทุพภิกขภัย พวกกินเดนเหล่านี้มิได้แสดงวิการอะไรๆ ในเมืองเวรัญชา แต่บัดนี้ กินโภชนะอันประณีตเห็นปานนี้แล้ว เที่ยวแสดงอาการแปลกๆ เป็นอเนกประการ ส่วนพวกภิกษุสงบอยู่ แม้ในเมืองเวรัญชา ถึงในบัดนี้ ก็พากันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนกัน.
พระศาสดาตรัสวาโลทกชาดก
พระศาสดาเสด็จไปสู่โรงธรรมแล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพูดอะไรกัน?" เมื่อพวกภิกษุกราบทูล "เรื่องชื่อนี้" ดังนี้แล้ว
ตรัสว่า "แม้ในกาลก่อน คนกินเดนเหล่านี้เกิดในกำเนิดลา เป็นลา ๕๐๐ ได้ดื่มน้ำมีรสน้อยอันเลว ซึ่งถึงการนับว่า ‘น้ำหาง’ เพราะความที่เขาเอาน้ำขยำกาก อันเป็นเดนซึ่งเหลือจากน้ำลูกจันทน์มีรสชุ่ม ที่ม้าสินธพชาติอาชาไนย ๕๐๐ ดื่มแล้ว จึงกรองด้วยผ้าเปลือกปอเก่าๆ เป็นเหมือนเมาน้ำหวาน เที่ยวร้องเอ็ดอึงอยู่"
เมื่อจะทรงแสดงกิริยาของลาเหล่านั้น อันพระโพธิสัตว์ผู้อันพระราชาทรงสดับเสียงของลาเหล่านั้น ตรัสถามแล้ว ได้กราบทูลแด่พระราชา
ตรัสวาโลทกชาดก นี้โดยพิสดาร ว่า :-
ความเมาย่อมบังเกิดแก่พวกลา เพราะดื่มกินน้ำหางมีรสน้อยอันเลว, แต่ความเมาย่อมไม่เกิดแก่ม้าสินธพ เพราะดื่มรสที่ประณีตนี้.
ข้าแต่พระราชาผู้เป็นจอมนรชน ลานั้นเป็นสัตว์มีชาติเลว ดื่มน้ำมีรสน้อย อันรสนั้นถูกต้องแล้วย่อมเมา, ส่วนม้าอาชาไนย ผู้เอาธุระเสมอ เกิดในตระกูล (ที่ดี) ดื่มรสที่เลิศแล้วหาเมาไม่.
แล้ว ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย สัตบุรุษเว้นธรรมคือความโลภแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่มีวิการเลย ทั้งในเวลาถึงสุข ทั้งในเวลาถึงทุกข์ อย่างนี้"
เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
สพฺพตฺถ เว สปฺปุริสา วชนฺติ น กามกามา ลปยนฺติ สนฺโต
สุเขน ผุฏฺฐา อถวา ทุกฺเขน น อุจฺจาวจํ ปณฺฑิตา ทสฺสยนฺติ.
สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมเว้นในธรรมทั้งปวงแล, สัตบุรุษทั้งหลาย หาใช่ผู้ปรารถนากามบ่นไม่ (อีกนัยหนึ่ง แปลว่า สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมไม่พร่ำเพ้อ เพราะความใคร่ในกาม.), บัณฑิตทั้งหลาย อันสุขหรือทุกข์ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่แสดงอาการขึ้นลง.
อธิบายว่า "บัณฑิตทั้งหลายผู้อันโลกธรรม ๘ (โลกธรรม ๘ คือ ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์.) ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่แสดงอาการขึ้นลง ด้วยสามารถแห่งความเป็นผู้ยินดีและความเป็นผู้เก้อเขิน หรือด้วยสามารถแห่งการกล่าวคุณและกล่าวโทษ."
ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.
เรื่องภิกษุ ๕๐๐ รูป จบ.
-----------------------------------------------------
ไม่มีความเห็น