บทความเรื่อง How the Brain Creates Your Physical Sense of Self ลงใน Scientific American เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖ น่าสนใจมากสำหรับผม
William James (1890) เสนอว่ามนุษย์เรามี ๒ ตัวตน คือ I (ผู้ดำรงตัวตนในโลก) กับ me (ผู้ถูกประสบการสร้างขึ้น) ทฤษฎีดังกล่าวมีข้อมูลหลักฐานสนับสนุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการค้นพบเครือข่ายใยประสาทในสมอง ที่ทำงานตอนอยู่เฉยๆ หรือช่วงพักสมอง (default mode network) ที่เป็นตัวกำหนด me ที่ผลการวิจัยพบว่าเครือข่ายนี้จะทำงานช่วงสมองไม่ทำงาน (ไม่พุ่งเป้าไปที่เรื่องใด) และเครือข่ายนี้จะไม่ทำงานหรือลดการทำงานเมื่อสมองทำงาน กล่าวง่ายๆ ว่าแม้ขณะใจลอย ก็ยังมี “ฉัน” ในรูปแบบที่จับต้องไม่ได้
ความรู้สึก “ฉัน” แบบ I คือมีตัวตนจับต้องได้ ศึกษายากกว่า มันเกิดขึ้นในใจเราบางขณะเท่านั้น เช่นรู้สึกว่ามีมือต่อเมื่อต้องการใช้มือทำอะไรบางอย่าง ความเข้าใจกลไกในสมองเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้น โดยเริ่มจากความรู้ว่า เปลือกสมองส่วนด้านหลังใกล้จุดบรรจบระหว่างสมองสองซีก ที่เรียกชื่อว่า PMC (postero-medial cortex) มีส่วนกำกับความรู้สึกตัวตนแบบนี้
เร็วๆ นี้ มีคนเป็นโรคลมชักคนหนึ่งที่บอกว่าเวลาชักไม่สามารถบังคับร่างกายได้ และหมดความรู้สึกตัวตน เมื่อตรวจสอบจุดในสมองที่เป็นชนวนให้เกิดอาการชัก ก็พบว่าอยู่ที่สมองส่วน PMC (postero-medial cortex) บริเวณ anterior precuneus นักวิจัยเรื่องนี้จึงหาผู้ป่วย ที่มีอาการชักจากจุดกำเนิดอื่น และหมอได้ใส่อีเล็กโทรดเข้าไปกำกับการทำงานของสมอง และทดลองกระตุ้นสมองส่วน PMC นี้ พบว่าผู้นั้นรู้สึกเลื่อนลอย มึนงง หมดความรู้สึกตัวตนเช่นเดียวกัน บางคนบอกว่ารู้สึกเหมือนตอนใช้ยาหลอนประสาท
จุดอ่อนของผลการวิจัยนี้ อยู่ที่ผู้ป่วยบอกความรู้สึกของตน ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
นักวิจัยได้ใช้เครื่องมือ fMRI ตรวจการทำงานของสมองส่วน anterior precuneus ว่าเกี่ยวข้องกับ default mode network หรือไม่ พบว่าไม่ เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันทฤษฎีที่บอกว่าคนเรามี ๒ ตัวตน คือ I กับ me
วิจารณ์ พานิช
๒๗ ก.ค. ๖๖
ไม่มีความเห็น