การบำเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๑๙ ธัมมเทวปุตตจริยา


หากเราพึงโกรธเคืองอธรรมเทพบุตรนั้น ถ้าเราพึงทำลายตบะคุณ เราพึงทำอธรรมเทพบุตรนั้นพร้อมทั้งบริวารให้เป็นดุจธุลีได้ แต่เพื่อจะรักษาศีลไว้ เราจึงระงับความปรารถนาแห่งใจเสีย

การบำเพ็ญบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า ตอนที่ ๑๙ ธัมมเทวปุตตจริยา

พลตรี มารวย  ส่งทานินทร์

๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๖

เกริ่นนำ

            หากเราพึงโกรธเคืองอธรรมเทพบุตรนั้น ถ้าเราพึงทำลายตบะคุณ เราพึงทำอธรรมเทพบุตรนั้นพร้อมทั้งบริวารให้เป็นดุจธุลีได้ แต่เพื่อจะรักษาศีลไว้ เราจึงระงับความปรารถนาแห่งใจเสีย พร้อมทั้งบริษัท ได้หลีกทางให้แก่อธรรมเทพบุตร พร้อมกับเมื่อหลีกจากทาง ทำการระงับจิตได้ แผ่นดินได้ให้ช่องแก่อธรรมเทพบุตร ในขณะนั้น ดังนี้.

 

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ]

ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก

 

๘. ธัมมเทวปุตตจริยา

ว่าด้วยจริยาของธรรมเทพบุตร

 

             [๖๖]   อีกเรื่องหนึ่ง ในกาลที่เราเป็นเทพบุตรนามว่าธรรมะ มีศักดิ์ใหญ่ มีฤทธิ์มาก มีบริวารมาก เป็นผู้อนุเคราะห์โลกทั้งปวง

             [๖๗]   เราชักชวนมหาชนให้สมาทานกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ พร้อมทั้งมิตรสหาย พร้อมทั้งบริวารชนเที่ยวไปยังบ้านและนิคม

             [๖๘]   ครั้งนั้น เทพบุตรผู้ลามก เป็นผู้ตระหนี่ แสดงอกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ แม้เทพบุตรนั้น พร้อมทั้งมิตรสหายพร้อมทั้งบริวารชนก็เที่ยวไปบนแผ่นดินนี้

             [๖๙]   เราทั้ง ๒ คือ ธรรมวาทีเทพบุตรและอธรรมวาทีเทพบุตร เป็นศัตรูต่อกัน เราทั้ง ๒ นั่งรถสวนทางกันมา จึงทำแอกรถให้กระทบกัน

             [๗๐]   การทะเลาะอันน่าสะพรึงกลัวย่อมเกิดขึ้นแก่เทพบุตรทั้ง ๒ ผู้ประกอบด้วยกัลยาณธรรมและบาปธรรม มหาสงครามปรากฏแล้ว เพื่อต้องการจะให้กันและกันหลีกทาง

             [๗๑]   ถ้าเราพึงโกรธเคืองอธรรมวาทีเทพบุตรนั้น ถ้าเราพึงทำลายตบะคุณ เราพึงทำอธรรมวาทีเทพบุตรนั้นพร้อมทั้งบริวารให้เป็นดุจธุลี

             [๗๒]   อีกเรื่องหนึ่ง เพื่อรักษาศีลไว้ เราจึงระงับจิตได้แล้วพร้อมทั้งบริวาร ได้หลีกทางให้แก่อธรรมวาทีเทพบุตรผู้ชั่วช้า

             [๗๓]   เพราะทำจิตให้สงบพร้อมกับหลีกทางให้ แผ่นดินได้แยกช่องแก่เทพบุตรผู้ชั่วช้าในขณะนั้น ฉะนี้แล

ธัมมเทวปุตตจริยาที่ ๘ จบ

 

คำอธิบายเพิ่มเติมนำมาจากบางส่วนของอรรถกถา 

ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบำเพ็ญสีลบารมี

๘. ธรรมเทวปุตตจริยา

               อรรถกถาธรรมเทวปุตตจริยาที่ ๘       

        

               แท้จริง พระมหาสัตว์ในกาลนั้นบังเกิดเป็นเทพบุตรชื่อว่าธรรมเทพบุตร.
               ธรรมเทพบุตรตกแต่งด้วยเครื่องประดับเป็นทิพย์ ขึ้นทิพยรถแวดล้อมด้วยหมู่นางอัปสร เมื่อมนุษย์ทั้งหลายบริโภคอาหารในตอนเย็นแล้ว นั่งสนทนากันอย่างเป็นสุขที่ประตูเรือน ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ประดิษฐานอยู่บนอากาศ ในบ้าน นิคมและราชธานี ชักชวนมนุษย์ทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในกุศลกรรมบถ ๑๐ ว่า ท่านทั้งหลายจงเว้นจากอกุศลกรรมบถ ๑๐ มีปาณาติบาตเป็นต้น แล้วบำเพ็ญสุจริตธรรม ๓ อย่าง. จงนับถือมารดาบิดา สมณะพราหมณ์ อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล. ท่านทั้งหลายจักได้ไปสวรรค์ เสวยยศยิ่งใหญ่ ดังนี้ กระทำประทักษิณชมพูทวีป.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า 
               เราชักชวนมหาชนให้สมาทานกุศลกรรมบถ ๑๐ เที่ยวไปยังคามและนิคม มีมิตร มีบริวารชน.
               ก็สมัยนั้น มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อว่าอธรรมเทพบุตร เกิดในเทวโลกชั้นกามาวจร. อธรรมเทพบุตรนั้นชักชวนสัตว์ทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ โดยนัยมีอาทิว่า ท่านทั้งหลายจงฆ่าสัตว์ จงลักทรัพย์เถิด แวดล้อมด้วยบริษัทใหญ่ ทำชมพูทวีปให้เป็นบ้าน.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า 
               เทพบุตรลามก เป็นผู้ตระหนี่ แสดงอกุศลกรรมบถ ๑๐ แม้เทพบุตรนั้นก็เที่ยวไปในแผ่นดินนี้ มีมิตรสหาย มีบริวารชน.
               สัตว์เหล่าใดทำกรรมดี เป็นผู้หนักในธรรม สัตว์เหล่านั้นเห็นธรรมเทพบุตรมาอย่างนั้น ลุกจากที่นั่ง บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น. พากันสรรเสริญจนกระทั่งล่วงเลยสายตา ยืนพนมมือไหว้. ได้ฟังถ้อยคำของธรรมเทพบุตรแล้วเป็นผู้ไม่ประมาท ทำบุญโดยเคารพ.
               ส่วนสัตว์เหล่าใดมีความประพฤติลามก มีการงานหยาบช้า สัตว์เหล่านั้นฟังถ้อยคำของอธรรมเทพบุตรแล้วก็พากันพอใจเป็นอย่างยิ่ง ประพฤติกรรมลามกยิ่งขึ้นไปอีก.
               ในกาลนั้น เทพบุตรทั้งสองต่างก็มีวาทะตรงกันข้ามและมีการกระทำตรงกันข้ามของกันและกัน เที่ยวไปในโลกด้วยประการฉะนี้.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า 
               ธรรมวาทีเทพบุตรและอธรรมวาทีเทพบุตรเป็นข้าศึกแก่กัน.
               เมื่อกาลผ่านไป อยู่มาวันหนึ่งรถของเทพบุตรทั้งสองได้มาประจัญหน้ากันในอากาศ. จึงบริวารของเทพบุตรทั้งสองนั้นต่างก็ถามกันว่า พวกท่านเป็นของใคร พวกท่านเป็นของใคร ต่างก็ตอบว่า เราเป็นของธรรมเทพบุตร เราเป็นของอธรรมเทพบุตร แล้วทั้งสองฝ่ายหลีกจากทาง.
               รถของธรรมเทพบุตรและอธรรมเทพบุตรเผชิญหน้ากัน งอนรถกับงอนรถเกยกัน. ทั้งสองฝ่ายเถียงกันเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งให้ทางว่า ท่านจงหลีกรถของท่านแล้วให้ทางเรา. อีกฝ่ายก็ว่าท่านนั่นแหละ จงหลีกรถของท่านให้ทางเรา.
               ฝ่ายพวกบริวารของเทพบุตรทั้งสอง ต่างก็นำอาวุธออกเตรียมทำสงครามกัน.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า 
               เราทั้งสองนั่งรถสวนทางกันมา ชนรถของกันและกันที่แอกรถ. การทะเลาะวิวาทอันพึงกลัว ย่อมเป็นไปแก่เทพบุตรทั้งสองผู้ประกอบด้วยกัลยาณธรรมและบาปธรรม มหาสงครามปรากฏแล้ว เพื่อจะให้กันและกัน หลีกทางให้.
               ในทั้งสองฝ่ายนั้น ธรรมเทพบุตรกล่าวกะอธรรมเทพบุตรว่า ดูก่อนสหาย ท่านเป็นอธรรม เราเป็นธรรม ทางจึงสมควรแก่เรา ท่านจงหลีกรถของท่านแล้วให้ทางเราเถิด.
               อีกฝ่ายหนึ่งก็กล่าวว่า เรามียานแข็งแรง มีกำลัง ไม่หวาดสะดุ้ง เพราะฉะนั้น เราไม่ให้ทาง แต่เราจะรบ ทางจงเป็นของผู้ชนะในการรบเถิด.
               ด้วยเหตุนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า 
               ธรรมเทพบุตรกล่าวว่า เราเป็นผู้ให้ยศ ให้บุญ สมณะและพราหมณ์สรรเสริญทุกเมื่อ เป็นผู้อันเทวดาและมนุษย์บูชาจึงสมควรได้ทาง. ดูก่อนอธรรมเทพบุตร เราเป็นธรรมเทพบุตร ท่านจงให้ทางเถิด.
               อธรรมเทพบุตรกล่าวว่า เราไม่หวาดสะดุ้ง มีกำลังขึ้น อธรรมยานแข็งแรง. ดูก่อนธรรมเทพบุตร วันนี้ เราจะให้ทางที่เราไม่เคยให้แก่ใครๆ แก่ท่านได้ เพราะเหตุไรเล่า.
               ธรรมเทพบุตรกล่าวว่า ธรรมนั่นแลปรากฏมาก่อน อธรรมเกิดในโลกภายหลัง เราจึงเป็นพี่ เป็นผู้ประเสริฐ เป็นคนเก่าแก่. ดูก่อนน้อง ท่านจงหลีกทางให้พี่เถิด.
               อธรรมเทพบุตรกล่าวว่า เราพึงให้ทางแก่ท่าน มิใช่เพราะคำอ้อนวอน เพราะคำชื่นชม เพราะสมควรแก่ทาง วันนี้ เราทั้งสองจงมารบกันเถิด ทางจักเป็นของผู้ชนะในการรบ.
               ธรรมเทพบุตรกล่าวว่า ดูก่อนอธรรมเทพบุตร เราธรรมเทพบุตรมีกำลังมาก มียศนับไม่ได้ หาผู้เปรียบมิได้ เข้าถึงคุณธรรมทั้งปวง ปรากฏแพร่หลายไปทั่วทิศ ท่านจักชนะได้อย่างไร.
               อธรรมเทพบุตรกล่าวว่า ค้อนเหล็กทุบเงินได้ เงินทุบค้อนเหล็กไม่ได้ หากวันนี้ อธรรมจักฆ่าธรรมได้ เราผู้เป็นเหล็กจะพึงแสดงให้เห็นเป็นดุจทองคำ.
               ธรรมเทพบุตรกล่าวว่า ดูก่อนอธรรมเทพบุตร หากท่านมีกำลังในการรบ คนเจริญและครู ย่อมไม่มีแก่ท่าน เราจะให้ทางแก่ท่าน ด้วยความไม่รัก ดุจด้วยความรัก เราอดทนวาจาหยาบของท่านได้.
               คาถาเหล่านี้เป็นคาถาโต้ตอบของธรรมเทพบุตรและอธรรมเทพบุตร.
               ก็ในกาลนั้น พระมหาสัตว์คิดว่า หากเราดีดนิ้วมือแล้วพึงกล่าวกะบุคคลลามกนี้ผู้ปฏิบัติเพื่อความไม่เป็นประโยชน์แก่สรรพโลก ยึดถือสิ่งตรงกันข้ามกับเราอย่างนี้ว่า ดูก่อนคนไม่มีมารยาท ท่านอย่าอยู่ที่นี่เลย รีบหลีกไปเสียเถิด จงพินาศเถิด. ในขณะนั้นเอง เขาจะพึงกระจัดกระจายไปดุจเถ้าถ่านด้วยธรรมเดชของเรา. แต่นั่นไม่สมควรแก่เรา.
               เราอนุเคราะห์สรรพโลก จะปฏิบัติโดยมุ่งหวังว่าจักยังโลกัตถจริยาให้ถึงที่สุด.
               ก็คนลามกนี้แหละจะมีส่วนแห่งทุกข์ใหญ่ต่อไป เราจะพึงอนุเคราะห์คนลามกนี้เป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น เราจะให้ทางแก่เขา. ด้วยอาการอย่างนี้ ศีลของเราจักบริสุทธิ์ด้วยดีจักไม่ขาด.
               ครั้นเมื่อพระโพธิสัตว์ดำริอย่างนี้แล้ว จึงกล่าวคาถาว่า หากท่านเป็นผู้มีกำลังในการรบ ดังนี้เป็นต้น พอหลีกจากทางให้หน่อยหนึ่งเท่านั้น อธรรมเทพบุตรไม่สามารถอยู่บนรถได้ หัวทิ่มลงบนแผ่นดิน แผ่นดินแยกออก ไปบังเกิดในอเวจีมหานรก.
               ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า 
               หากเราพึงโกรธเคืองอธรรมเทพบุตรนั้น ถ้าเราพึงทำลายตบะคุณ เราพึงทำอธรรมเทพบุตรนั้นพร้อมทั้งบริวารให้เป็นดุจธุลีได้ แต่เพื่อจะรักษาศีลไว้ เราจึงระงับความปรารถนาแห่งใจเสีย พร้อมทั้งบริษัท ได้หลีกทางให้แก่อธรรมเทพบุตร พร้อมกับเมื่อหลีกจากทาง ทำการระงับจิตได้ แผ่นดินได้ให้ช่องแก่อธรรมเทพบุตร ในขณะนั้น ดังนี้.
               เมื่ออธรรมเทพบุตรตกลงไปบนแผ่นดินอย่างนั้น มหาปฐพีหนา ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์แม้ทรงไว้ซึ่งสิ่งดีและไม่ดีทั้งสิ้น ก็ได้แยกออกเป็น ๒ ส่วนในที่ที่อธรรมเทพบุตรยืนอยู่นั้น เหมือนจะกล่าวว่า เราไม่ทรงบุรุษชั่วนี้ไว้ได้.
               ส่วนพระมหาสัตว์ เมื่ออธรรมเทพบุตรนั้นตกลงไปเกิดในอเวจีมหานรก ยังคงยืนอยู่ที่แอกรถพร้อมกับบริวารด้วยเทวานุภาพใหญ่ ไปตามทางที่ไปนั่นเอง แล้วเข้าไปยังภพของตน.
               ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า 
               ธรรมเทพบุตรมีขันติเป็นกำลัง ชนะอธรรมเทพบุตรผู้มีกำลังในการรบ ทำอธรรมเทพบุตร ฝังไว้ในแผ่นดิน. ธรรมเทพบุตรเป็นผู้มีกำลังยิ่งไม่ล่วงสัจจะ ดีใจขึ้นรถไปตามทางนั่นเอง.
               อธรรมเทพบุตรในครั้งนั้น ได้เป็นเทวทัตในครั้งนี้.
               บริวารของอธรรมเทพบุตร คือบริษัทของเทวทัต.
               ธรรมเทพบุตร คือพระโลกนาถ.
               บริวารของธรรมเทพบุตร คือพุทธบริษัท.

อนึ่ง แม้ในจริยานี้ก็พึงประกาศคุณานุภาพแห่งพระมหาสัตว์ มีอาทิอย่างนี้ คือ
               การที่เมื่อพระมหาสัตว์เปี่ยมพร้อมด้วยอายุ วรรณะ ยศ สุขและความเป็นใหญ่อันเป็นทิพย์ ด้วยกามคุณอันยิ่งใหญ่เป็นทิพย์เหมือนกัน อันนางอัปสร ๑,๐๐๐ บำเรออยู่ตลอดกาล น่าจะตั้งอยู่ในความประมาทอย่างใหญ่ แต่มิได้ถึงความประมาทแม้แต่น้อย แสดงธรรมในวัน ๑๕ ค่ำทุกๆ เดือนด้วยหวังว่า จักยังโลกัตถจริยาให้ถึงที่สุด พร้อมด้วยบริวารเที่ยวไปในทางของมนุษย์ ยังสรรพสัตว์ให้เว้นจากอธรรม แล้วประกอบในธรรมด้วยมหากรุณา.
               การที่พระโพธิสัตว์แม้พบกับอธรรมเทพบุตร ก็มิได้คำนึงถึงความไร้มารยาทที่อธรรมเทพบุตรแสดงออกมา ไม่ทำจิตให้โกรธในอธรรมเทพบุตรนั้น ยังขันติ เมตตาและความเอ็นดูเท่านั้นให้ตั้งอยู่ แล้วรักษาศีลของตนมิให้ขาด และให้บริสุทธิ์เป็นอย่างดี.

               จบอรรถกถาธรรมเทวปุตตจริยาที่ ๘               
               -----------------------------------------------------     

 

หมายเลขบันทึก: 713216เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2023 12:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2023 12:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท