รายการ เจาะข่าวเช้านี้ ช่วงวิเคราะห์เจาะลึก ในวิทยุจุฬา FM 101.5 วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖ เวลา ๗.๓๐ - ๘.๐๐ น. คุยกันเรื่องเยาวชนติดบุหรี่ไฟฟ้า ที่เห็นชัดเจนว่า เยาวชนตกเป็นเหยื่อของสังคมทุนนิยม มีคนจำนวนหนึ่งหากินกับความไร้เดียงสาของเด็ก ที่เวลานี้เด็กนักเรียนระดับประถมก็เริ่มติดกันแล้ว
ผมฟังแล้วสะท้อนใจ ว่าที่คุยกันเป็นยุทธศาสตร์ตั้งรับ ไม่ครบวงจรของยุทธศาสตร์ ที่ต้องมีส่วนยุทธศาสตร์เชิงรุกด้วย โดยเฉพาะการรุกแบบ proactive คือมาตรการติดอาวุธทางสังคมอารมณ์ (socio-emotional skills) ให้แก่เด็กและเยาวชน และติดอาวุธการพัฒนาอัตลักษณ์ (identity development) พร้อมกับพัฒนาเป้าหมาย (purpose) ในชีวิต ให้เป็นภูมิคุ้มกันแก่เด็ก
เด็กที่มีภูมิคุ้มกันทางสังคมอารมณ์ จะหลีกเลี่ยง ไม่เข้าไปเกลือกกลั้วกับสิ่งที่ไร้สาระ นี่คือประสบการณ์ตรงในชีวิตของผม ที่ผมเริ่มพัฒนาใส่ตัวมาตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น อายุ ๑๔ – ๑๕ สมัยนั้นเด็กแตกเนื้อสาวเนื้อหนุ่มช้ากว่าสมัยนี้หลายปี
ผมเริ่มบอกตัวเองว่า เป้าหมายชีวิตตนเองคืออะไร เรื่องไร้สาระที่ไม่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายในชีวิตที่ตั้งไว้คืออะไรบ้าง ผมทำรายการไว้ในใจ และคอยเตือนตัวเองให้ไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เกรงจะโดนดึงเข้าไปติดกับหรือติดหนึบกับเส้นทางแห่งความเสื่อม หรือทำให้เสียเวลาเรียน โชคดีที่ตอนนั้นผมหมกมุ่นอยู่แต่การเรียน การเรียนให้บรรลุผลดีเด่นเป็นเป้าหมายชีวิตในขณะนั้น ที่ช่วยให้ผมไม่วอกแวกไปสนใจเรื่องอื่นๆ เลย
ทำให้มองว่า สังคมไทยต้องหาทางปกป้องและส่งเสริมเยาวชนให้รักดี มากกว่าหาทางแก้ปัญหาเมื่อเขาเดินไปในทางเสื่อมแล้ว และแนวทางส่งเสริมปกป้องเยาวชนทำโดยครอบครัว และการเลี้ยงดูเด็ก รวมทั้งการศึกษาตั้งแต่ระดับเด็กเล็ก ที่มีการส่งเสริมให้เด็กพัฒนาสมรรถนะแห่งอนาคตใส่ตัว
กล่าวใหม่ว่า ต้องทำทั้งสองทาง ผมให้สัดส่วน ๗๐ : ๓๐ โดยร้อยละ ๗๐ เป็นเรื่องส่งเสริมและป้องกัน ซึ่งก็คือเอาใจใส่วิธีเลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย และวัยรุ่น นั่นเอง ดังตัวอย่างในหนังสือ พลังแห่งวัยเยาว์ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน และ สอนเด็กให้เป็นคนดี เป็นต้น รวมทั้งการเลือกเข้าร่วมกิจกรรมของ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว
แต่ก็มีครอบครัวอีกจำนวนหนึ่ง ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ หรือเป็นต้นเหตุของระบบนิเวศที่เสื่อมทรามให้แก่ลูกเสียเอง จึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือเด็กจากรัฐ และจากสังคมหรือชุมชนโดยรอบ ในการเข้าไปช่วยกระตุ้นพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือเข้าไปช่วยเหลือเด็ก การมีศูนย์เด็กเล็กที่มีคุณภาพสูงอยู่ในชุมชน จะช่วยได้มาก นอกจากนั้นในทุกชุมชนควรมีศูนย์เยาวชนสร้างสรรค์ ให้วัยรุ่นได้เข้ารวมตัวกันทำกิจกรรมเพื่อสังคม และเพื่อการเรียนรู้จากประสบการณ์ เปฌนการเอื้อให้วัยรุ่นที่มีพลังเหลือเฟือได้ใช้พลังสร้างสรรค์ร่วมกันเพื่อการเรียนรู้และเชื่อมโยงสู่โอกาสดีๆ ในชีวิต
ฟังจากเรื่องราวของนักเรียนวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นนักเรียนที่พ่อแม่มีฐานะดีพอสมควร ที่หากดำเนินการเชิงรุกที่ครอบครัว ก็น่าจะป้องกันได้เป็นส่วนใหญ่ และพ่อแม่ของเด็กบางคนอาจพอใจที่จะทำหน้าที่พ่อแม่อาสาสมัคร ปกป้องเด็กและเยาวชนจากสิ่งทำลายอนาคต
วิจารณ์ พานิช
๔ ม. ค. ๖๖
ไม่มีความเห็น