การเมืองควอนตัม โดย ศ. นพ. ประเวศ วะสี


การเมืองควอนตัม

ประชาธิปไตย ๒ ขา พาชาติออกจากวิกฤต

ประเวศ วะสี

(๒๐ มกราคม ๒๕๖๖)

 

๑.

ติดอยู่ใน “หลุมดำ” เพราะประเทศถูกมัดตราสัง

 

ประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อพัฒนามาก แทนที่จะเจริญรุ่งโรจน์ กลับติดอยู่ใน “หลุมดำ” 
แห่งวิกฤตการณ์เรื้อรังมาเกือบ ๑ ศตวรรษ ทำอย่างไร ๆ ก็ออกไม่ได้ เพราะเป็นประเทศที่ปิดศักยภาพของตัวเองประดุจถูกมัดตราสัง ระบบการเมืองและระบบราชการมีข้อจำกัดมากมาย เพราะถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ในสถานการณ์เก่า ซึ่งใช้ไม่ได้ผลในสถานการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม สังคมปัจจุบันสลับซับซ้อนและยาก ต้องการมีสมรรถนะใหม่ที่เป็นความร่วมมือ ร่วมคิดร่วมทำ มากกว่าการต่อสู้ ระบบเก่าออกแบบมาเพื่อควบคุมมากกว่าเพื่อสมรรถนะในการจัดการสิ่งยาก ดังที่มีกฎหมาย กฎ ระเบียบ คำสั่ง ทั้งหมดกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ฉบับ ที่ควบคุมการทำงานของระบบรัฐ ทำให้ไม่สามารถริเริ่มหรือตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อเผชิญกับสถานการณ์พลิกผัน

การเมืองแบบแบ่งข้างแบ่งขั้ว เป็นปฏิปักษ์ต่อสู้โค่นล้มกันตลอดเวลา ไม่มีสมรรถนะในการเผชิญสิ่งยาก จนกระทั่งพูดกันว่า ประชาธิปไตยแบบดั้งเดิมไม่ได้ผลแล้ว ในสหรัฐอเมริกามีคน
ตั้งคำถามว่า “เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” คือ มีความเหลื่อมล้ำสุด ๆ การเมืองที่แบ่งขั้วแบบสุด ๆ และมีรัฐบาลที่ไม่มี สมรรถภาพ (Dysfunction Government)

คนไทยที่เก่ง ๆ ดี ๆ ก็มีจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเข้าร่วมในระบบปิด และการแบ่งข้างแบ่งขั้ว เราจะเปิดระบบที่ปิดให้คนไทยทั้งหมดมีส่วนร่วมได้อย่างไร


 

 

๒.

ฝรั่งไม่ได้ฉลาดกว่าพระพุทธเจ้า

 

เราตามก้นฝรั่งเสียจนเคยชินไม่รู้ตัว ชาวยุโรปมีปัญหาเรื่องวิธีคิดที่คิดแบบตายตัวแยกส่วน แยกข้างแยกขั้ว เป็นปฏิปักษ์ เผชิญหน้า จึงเกิดความขัดแย้งและรุนแรงตลอดมา ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยสงคราม สงครามโลก ๒ ครั้ง ก็เริ่มในยุโรป สงครามอื่น ๆ อีกสารพัดสร้างความขัดแย้งและความรุนแรงไปทั่วโลก

โดยสรุปแนวทางของฝรั่ง คือ สร้างความรู้ เอาความรู้ไปเป็นอำนาจ เอาอำนาจไปแย่งชิง เขียนเป็นรหัสพัฒนาได้ว่า “ความรู้ - อำนาจ - แย่งชิง”

พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทางสายกลาง คือ การใช้ปัญญา ไม่แบ่งข้างแบ่งขั้ว ไม่สุดโต่ง ไม่คิด
เชิงปฏิปักษ์ แต่เน้นไมตรีจิตและความร่วมมือ เขียนเป็นรหัสการพัฒนาแบบพุทธได้ว่า “ปัญญา – ไมตรีจิต - ความร่วมมือ”

แนวทางตะวันตกกับทางสายกลางแบบพุทธจึงไม่เหมือนกัน

ประชาธิปไตยทางสายกลาง คือ ใช้แนวทางปัญญา – ไมตรีจิต - ความร่วมมือ

ถ้าพรรคการเมืองทั้งหมดและคนไทยทั้งหมดร่วมมือกันจะเกิดพลังมหาศาล พาชาติออกจากวิกฤต สู่ความเจริญอย่างแท้จริง

เมื่อทั้งหมดรวมพลังกันอะไร ๆ ก็ทำให้สำเร็จได้ทั้งสิ้น 

และใครว่าการรวมพลังของคนทั้งชาติไม่ใช่ประชาธิปไตย


 

 

๓.

ประชาธิปไตย ๒ ขา

 

การยกเลิกประชาธิปไตยแบบเก่าเป็นเรื่องที่ยากจะทำได้ วิธีที่จะทำได้ก็คือ ประชาธิปไตยแบบเก่าก็ทำไป เป็นประชาธิปไตยที่เป็นทางการ

มายาคติของเราอย่างหนึ่ง คือ เคารพความเป็นทางการมากกว่าความไม่เป็นทางการ 

ความจริง คือ ความไม่เป็นทางการมีมาก่อน ใหญ่กว่า เป็นธรรมชาติมากกว่า และคล่องตัวกว่า 

ความเป็นทางการ (Formal) ก็ติดฟอร์มหรือรูปแบบ พิธีการ กฎระเบียบมากมาย ทำให้ไม่คล่องตัวและติดขัด

ขนาดคุณทักษิณเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๔ ยังเคยตะโกนว่า “กลุ้มใจชิบหายเลยโว้ย ทำใอ้โน่นก็ไม่ได้ ทำไอ้นี่ก็ไม่ได้” เพราะติดกฎระเบียบข้อบังคับที่เต็มไปหมด

การเลือกตั้ง ๒๕๖๖ มีอะไรเป็นประกันว่ารัฐบาลหลังจากนั้นจะไม่ติดขัดเหมือนเดิม 

คำตอบคือ ประชาธิปไตย ๒ ขา

ขาหนึ่งก็คือ ทำไปเหมือนเดิม ระหกระเหินไปตามเหตุปัจจัยของมัน แก้ไขอะไรไม่ได้ หรือยิ่งแก้ยิ่งยุ่งมากขึ้น

ประชาธิปไตยขาที่ ๒ คือ ร่วมกันทำสิ่งใหม่ที่ดี นั่นคือประชาธิปไตยทางสายกลาง ไม่แยกข้างแยกขั้ว ไม่เป็นปฏิปักษ์

ทุกพรรครวมตัวร่วมคิดร่วมทำกับคนไทยทั้งปวง อย่างไม่เป็นทางการ ไม่มีอะไรที่ห้ามไม่ให้ทำ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ตรงข้ามเป็นความถูกต้องตามหลักธรรมทางสายกลางคือใช้ ปัญญา – ไมตรีจิต - ความร่วมมือ

ขาหนึ่งเป็นทางการ ก็ทำไปอย่างเคย อีกขาหนึ่ง ไม่เป็นทางการ ทุกพรรครวมตัวร่วมคิดร่วมทำกับประชาชน

เมื่อทุกพรรครวมตัวร่วมคิดร่วมทำกับประชาชน ก็จะก้าวข้ามความแตกแยกทุกชนิด ประเทศไทยเกิดพลังมหาศาล ทำอะไรก็สำเร็จทุกเรื่อง และจะไปช่วยการเมืองเก่าที่มีข้อจำกัดมาก
ทำอะไรให้สำเร็จได้ยาก แต่จะสำเร็จด้วยประชาธิปไตย ๒ ขา
 

๔.

ความจริงใหม่ - การเมืองใหม่

การเมืองควอนตัม - Quantum Politics

 

ชาวยุโรปนั้นคิดแบบตายตัว ๑ ไม่ใช่ ๒ และ ๒ ไม่ใช่ ๑ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ที่เรียกว่าQuantum physics พบว่า ธรรมชาติไม่ตายตัวแยกส่วน เช่น อิเล็กตรอนเป็นอวัตถุ คืออนุภาค หรือเป็นคลื่นพลังงาน คือ โฟตอนก็ได้ ในขณะเดียวกันนั่นคือเป็น ๑ และ ๒ ก็ได้ในขณะเดียวกัน

ตรงกับพุทธศาสนาที่ว่า สรรพสิ่งล้วนเป็นอนิจจัง คือ ไม่ตายตัว เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ๑ กับ ๒ อยู่ที่เดียวกันก็ได้ ถ้าเหตุปัจจัยให้มันเป็นเช่นนั้น มันก็เป็นเช่นนั้น

โลกทัศน์เก่าเป็นโลกแบบตายตัวแยกส่วน

โลกทัศน์ใหม่หรือโลกควอนตัม เป็นโลกแบบเชื่อมโยง ไม่มีอะไรดำรงอยู่อย่างแยกส่วนเป็นเอกเทศ

โลกเก่าล้วนพัฒนาแบบแยกส่วน จึงขัดแย้งรุนแรง เสียสมดุล

โลกใหม่จะเชื่อมโยง บูรณาการไปสู่สันติสมดุล

ประชาธิปไตยเก่าบูรณาการกับประชาธิปไตยใหม่ หรือประชาธิปไตย ๒ ขา เป็นทางออกจากวิกฤตการณ์เรื้อรังของไทยและของโลก

 

ในปี ๒๕๖๖ จะเป็นปีที่ประเทศไทยค้นพบระบบการเมืองใหม่ที่พาไทยออกจากวิกฤต

 

----------------------------------------------------------------

หมายเลขบันทึก: 711498เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2023 18:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2023 18:50 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท