อนาโตลี โอโนพรีเอนโค (Anatoly Onoprienko) ฆาตกรต่อเนื่องที่มีรสนิยม “ฆ่ายกครัว” Mass murder ที่เป็น Serial killer


 

ดร.ปรเมศวร์ กุมารบุญ 

นักอาชญาวิทยา

 

ประเทศไทยได้เริ่มรู้จัก Mass murder กันหลายคดีตั้งแต่ปี 63 ถึงปัจจุบัน นับแต่จ่าคลั่งโคราชถึงนายสิบตำรวจอุทัยสวรรค์ สิ่งที่สร้างความเสียใจให้ทุกคนที่ทราบข่าวการฆาตกรรมหมู่ประเภทนี้คือ การฆ่าเด็ก ผู้หญิงและผู้บริสุทธิ์ มีความเลวทรามชั่วช้ากว่าอาชญากรประเภทอื่นที่เป็นเหยื่ออาชญากรรมทั่วไป ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฆาตกรหรือเป็นคู่กรณีพิพาทหรือเป็นอริกันมาก่อน อาชญากรบางประเภทยังมีความปราณี เช่น มือปืนสังหารพ่อแม่แต่ไม่ยิงเด็ก กลุ่มช่างกลเจอโจทก์มาคนเดียวกับแฟน แต่ปล่อยไปก่อน เป็นต้น

 

Mass murder ที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กเล็กไร้เดียงสา สร้างความสะเทือนใจอย่างมาก และ Mass murder ส่วนใหญ่เมื่อก่อคดีแล้วมักจบสิ้นในวันนั้น หากไม่ถูกวิสามัญฆาตกรรมก็ฆ่าตัวตาย แต่โลกของเราเคยมี Mass murder ที่เป็น Serial killer หรือฆาตกรต่อเนื่องที่สังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์แบบยกครัว พ่อแม่ และลูกๆ อย่างโหดเหี้ยมมากกว่า 52 ศพ เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นที่ยูเครน และยุโรปในระยะเวลา 7 ปี (ในช่วงปี 1989 -1996) สื่อมวลชนเรียกฆาตกรคนนี้ว่า “เดรัจฉานแห่งยูเครน” เขา คือ อนาโตลี โอโนพรีเอนโค (Anatoly Onoprienko)

 

ความไม่มีเหตุผลของอาชญากร เป็นฆาตกรโรคจิต (psychopathic killer) คนทั่วไปมักเรียกว่าโรคจิต แต่จริงๆ รายละเอียดเยอะ ผมขอเล่าอย่างง่ายให้เข้าใจอย่างนี้ ผู้ป่วยจิตเภท (schizophrenia) ไม่ได้เป็นอาชญากรทั้งหมดอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด พวกเขาหลบสังคม ซึมเศร้า น่าสงสาร แต่อาจจะมีเพียงไม่ถึง 5% ที่กลายมาเป็นอาชญากร และจากการสังเกตของผมพบว่า อาชญากรประเภทนี้แม้จะมีแผนการเข้าถึงเหยื่อ แต่เมื่อทำร้ายเสร็จมักไม่มีแผนหนี และส่วนใหญ่การดำเนินคดีมักถูกยกฟ้อง ภาษากฎหมายเรียกว่าบุคคลวิกลจริต

 

แต่อาชญากรที่มีความผิดปกติ ไร้สำนึกมโนธรรมหรือเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือไม่รู้จักความเมตตา กรุณา ปราณี แม้แต่ต่อเด็กเล็ก โกหกเก่ง มีบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) มี 2 กรณี คือ Psychopaths และ Sociopaths  

 

ในเว็บไซต์ กรมสุขภาพจิต อธิบายถึง Psychopaths สาเหตุเกิดจากด้านร่างกาย ได้แก่ ความผิดปกติของสมอง โดยเฉพาะส่วนหน้าและส่วนอะมิกดะลา สารเคมีในสมอง ประสบอุบัติเหตุ หรือจากพันธุกรรม และอาจเกิดจาก ด้านจิตใจและสังคม ได้แก่ การถูกกระทำทารุณกรรมในวัยเด็ก การถูกเลี้ยงดูแบบละเลยเพิกเฉย อาชญากรรมในครอบครัว ความแตกแยกในครอบครัว สภาพสังคมรอบตัวที่โหดร้าย

 

ความแตกต่างระหว่าง Psychopaths และ Sociopaths เดิมทีนิยามเหมือนกัน แต่มาแยกกันภายหลังตรงที่ Psychopaths เป็นคนแบบ Cold-hearted หรือใจเย็นวางแผนยาวนานเป็น ใช้ชีวิตเนียนๆ อยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ แต่ Sociopaths เรียกว่า Hot-headed หรือหัวร้อน หุนหันพลันแล่นไม่มีแผน ก้าวร้าวรุนแรง

 

แต่จากการค้นคว้าบางข้อมูลบอกสาเหตุว่า Psychopaths เป็นความผิดปกติจากร่างกาย โดยเฉพาะพันธุกรรม ส่วน Sociopaths เกิดจากสภาวะแวดล้อมที่เติบโตมา ซึ่งผมก็เห็นด้วยแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตาม Psychopaths นั้นสงบเงียบเยือกเย็นสุขุม ไร้ความเมตตาปราณี ยิ่งกว่าเดรัจฉานจะจินตนาการได้

 

อนาโตลี โอโนพรีเอนโค เขามีพี่ชาย 1 คน อายุ 13 ปี แม่เขาเสียชีวิตตั้งแต่เขา 4 ขวบ และพ่อที่เป็นอดีตทหารไม่ต้องการเขา จึงส่งไปให้ญาติเลี้ยง และในที่สุดเขาถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในยูเครน โอโนพรีเอนโค บอกว่าที่นั่นคือจุดเริ่มต้นให้เขามีรสนิยมสังหารคนแบบยกครัว โดยเฉพาะการฆ่าเด็กๆ เพราะเด็กเหล่านั้นไม่ได้โตมาในบ้านเด็ก กำพร้าเหมือนเขา และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า Pryvitne ที่เขาอยู่ เด็กที่นั่น 70% เติบโตมาเป็นอาชญากรใช้ชีวิตในเรือนจำ

 

เขาเติบโตมากับความเกลียดชัง และความรู้สึกที่ไม่มีใครต้องการ สิ่งที่พอจะเดาได้ว่าการมีชีวิตที่ตรงข้ามกับเขาในวัยเด็กก็คือครอบครัวที่อบอุ่น นั่นคงเป็นเหตุให้เขาเกลียดครอบครัวที่อบอุ่น

 

 

จุดเริ่มต้นการสังหารหมู่ครั้งแรกๆ เขาเริ่มจากสังหารคนที่อยู่ในรถ โดยคดีแรกในปี 1989 ที่มอเตอร์เวย์ เขาโบกรถสามีภรรยาคู่หนึ่งให้จอด จากนั้นเขาและเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ Sergei Rogozin ใช้ปืนไรเฟิลล่าสัตว์ ยิงใส่ทั้งคู่ที่อยู่ในรถทันที ตอนนั้นเขาอายุ 30 ปี

อนาโตลี โอโนพรีเอนโค

 

อีกคดีในปี 1989 เขาและ Sergei Rogozin คิดจะย่องเบาลักทรัพย์บ้านคน โดยไม่ได้วางแผนมาก่อนเลือกบ้านหลังหนึ่งใน Bratkovychi แต่เจ้าของบ้านตื่น เขาจึงสังหารผู้ใหญ่ 2 คนและเด็กๆ อีก 8 คนในบ้านหลังนั้น เป็นการฆ่ายกครัว 10 ศพที่เริ่มเป็นข่าว

ไม่กี่เดือนต่อมา เขาทำแบบเดิมเจอรถครอบครัว 5 คน 1 ในนั้นมีเด็กชายอายุ 11 ขวบหลับอยู่ เขาสังหารทุกคนบนรถ และเข้าไปนั่งอยู่ในรถกับศพเหล่านั้น 2 ชั่วโมง เขาสารภาพภายหลังว่าไม่ได้สนุก และไม่ได้ชอบศพ มันน่าเกลียด และกลิ่นมันเหม็น จากนั้นเขาก็เผารถครอบครัวนั้น

 

ต่อมาลักษณะการก่ออาชญากรรมของ โอโนพรีเอนโค เขาจะเลือกบ้านที่อยู่ห่างไกลชุมชน สงบและอบอุ่น มักจะเข้ามาในตอนรุ่งสาง ยิงพ่อด้วยปืน ฆ่าแม่หรือข่มขืน และทุบตีลูกๆ ด้วยของแข็ง ไม่ก็ฆ่าด้วยมีดหรือขวาน หยิบทรัพย์สินของเหยื่อติดมือกลับมาจนเป้นรายได้หลักของเขา จากนั้นก็จุดไฟเผาบ้านทำลายหลักฐาน หากระหว่างทางกลับพบเห็นใครก็จะสังหารปิดปากด้วย ในช่วงปีแรกเขาสังหารหมู่ไป 8 ครอบครัว 

 

ในปี 1995 การสังหารครอบครัว Zaichenko หลังจากยิงพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว เขาแทงผู้เป็นแม่ เธอคุกเข้าร้องขอชีวิต เขาเห็นแหวนแต่งงานที่นิ้วเธอจึงตัดนิ้วเอาแหวน และแย่งตุ้มหูกับกางเขนพระเยซูทองคำไปด้วย จากนั้นเดินค้นบ้านพบลูกสองคนหลับอยู่ เขาก็สังหารทั้งคู่และเอาศพลูกคนเล็กมาโยนใส่อกเธอ จากนั้นก็เผาบ้านด้วยวิธีทำให้แก๊สรั่ว

ครั้งหนึ่ง โอโนพรีเอนโค กำลังฆ่าพ่อแม่บนเตียง เด็กหญิงคนหนึ่งเข้ามายืนดู เธอจ้องเขาด้วยความโกรธและต่อว่า โอโนพรีเอนโค บอกว่า เธอแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เขาไม่ได้แยแสอะไร เลยทุบหัวเธอจนเสียชีวิต

แม้เจ้าหน้าที่ยังไม่มีเบาะแส หาแรงจูงใจจุดเชื่อมโยงอาชญากรไม่พบ แต่เขาหลบหนีออกจากยูเครนไป ออสเตรีย ฝรั่งเศส กรีซ และเยอรมนี เป็นเวลา 5 ปี (1989-1995) ซึ่งประเทศเหล่านี้ก็มีเหตุอาชญากรรมคล้ายกับลายเซ็นอาชญากรของ โอโนพรีเอนโค ที่ก่ออาชญากรรม แต่ไม่มีหลักฐาน

 

เขากลับมายูเครน ปี 1996 ปีนรกสุดท้ายของชาวยูเครน ที่เขาก่ออาชญากรรมร้ายแรงที่ยอมรับสารภาพสะเทือนขวัญหลายคดี อาทิ

17 มกราคม 1996 ครอบครัวที่มีสมาชิก 5 คน พ่อแม่และลูกๆ 3 คน เขางัดบ้านเข้าไปตอนที่ทุกคนหลับอยู่ แล้วเผาบ้าน ขากลับสังหารลูกจ้างรถไฟอายุ 27 ที่กำลังทำงานและเพื่อบ้านวัย 56 ที่ตื่นลุกมาดูที่ถนนเพื่อปิดปากพยาน 

 

19 กุมภาพันธ์ 1996 เขางัดบ้านครอบครัว Dubchak ยิงพ่อและลูกชาย จากนั้นใช้ค้อนทุบผู้เป็นแม่เสียชีวิต แล้วบังคับลูกสาวให้มอบเงินสดให้เขา แต่เธอปฏิเสธจึงถูกทุบด้วยค้อนตายตามไป

 

ครอบครัวต่อมาคือ Bodnarchuk เขาใช้ขวานฆ่ายกครัว ลูกสาว 2 คน อายุ 7 และ 8 ขวบ จากนั้นยิงเพื่อนบ้าน ก่อนจะใช้ขวานสังหารซ้ำ โหดร้ายราวปีศาจที่เคียดแค้นชิงชัง

 

22 มีนาคม 1996 ครอบครัว Novosod เป็นเหยื่อกลุ่มสุดท้ายครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่และลูกๆ 2 คน ถูกสังหารหมดและจุดไฟเผาบ้าน ลงลายเซ็นอาชญากรของเขา อาชญากรรมที่มีรูปแบบซ้ำๆ เจ้าหน้าที่รู้แล้วว่าไม่ใช่การปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ธรรมดา แต่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง

 

ไม่กี่วันต่อมาหนุ่มน้อย Yury Mozola วัย 26 ปี ช่างยนต์ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาถูกจับโดยเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษ Security Service of Ukraine (SBU) and Public Prosecutor's Office specialists จากนั้นเจ้าหน้าที่ซ้อมทรมาน แต่ Yury Mozola ที่ตกเป็นแพะและทนความเจ็บปวดได้เพียง 3 วัน จึงเสียชีวิต อีก 17 วันต่อมา โอโนพรีเอนโค ถูกจับ และเจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษทุกคนถูกตัดสินจำคุก ญาติพี่น้องของ Yury Mozola กล่าวว่า เขาเป็นคนดีมากๆ เป็นที่รักของทุกคน เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดีของเด็กหญิงวัย 11 ปี เขาเป็นนักกีฬา และเคร่งในศาสนาสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน การตายของ Yury Mozola เกิดการเรียกร้องเป็นกฎหมายซ้อมทรมาน (Torture Law) ของยูเครนในกาลต่อมา

แม่ของ Yury Mozola ถือภาพเขาในงานศพ

 

ข้อเท็จจริงอีกประการที่น่าสนใจ โอโนพรีเอนโกมีแฟนสาวชื่อ Anna Kazak เธอเป็นช่างทำผม พบกันเมื่อธันวาคม ปี 1995 แต่นั่นไม่ได้แปลว่า ความรักจากแฟนสาวจะทำให้เขาหยุดฆ่าคน

Onoprienko กับ Anna Kazak 

 

พฤษภาคม 1996 เขาถูกจับที่อพาร์เม้นต์ของแฟนสาว Anna Kazak เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญ เช่น ปืนลูกซองสั้นเบอร์ 12 ทรัพย์สินของเหยื่อ รวมถึงแหวนแต่งงานที่นิ้วของ Anna Kazak เป็นแหวนที่ โอโนพรีเอนโก เอามาจากเหยื่อที่เขาสังหาร และรับสารภาพแบบไม่สะทกสะท้าน เยือกเย็น และยังเล่ารายละเอียดการสังหาร 52 ศพ บอกเพียงว่ามีเสียงพระเจ้าสั่ง

โอโนพรีเอนโค ถูกวินิจฉัยว่าไม่ได้มีอาการป่วยจิตเวช เขาถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในปี 1995 ลงพันธกรณียกเลิกโทษประหารชีวิตเพื่อสิทธิมนุษยชน เขาจึงถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแทน เมื่อเขาได้ยินคำตัดสินก็ไม่ได้แยแสอะไร สีหน้าเรียบเฉย และยังยืนยันว่าทุกคนสมควรตาย

 

เจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป้นทรัพย์สิน และอาวุธหลายอย่างในอพาร์เม้นต์ของ โอโนพรีเอนโค อาวุธปืนเป็นของเหยื่อที่เขาสังหาร นั่นหมายความว่าเหยื่อเกือบทุกรายมีอาวุธปืนติดบ้าน แต่ไม่สามารถใช้ปกป้องตนและครอบครัวได้ทัน อาจจะด้วยความวางใจถึงความสงบของเมือง ข้อคิดที่ได้ควรระวังตนอยู่เสมออย่าได้ประมาท

 

ต่อมาเขาได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ “ผมฆ่าคนเหมือนชำแหละผ้านวม.....ผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ เด็ก ผมไม่เคยเสียใจสำหรับคนที่ผมฆ่าเหล่านี้ ผมไม่มีความรัก มีแต่ความเกลียดชัง ไม่แยแสแม้แต่คนตาบอด ผมไม่เห็นพวกเขาเป็นคน เห็นเป็นฝูงมากกว่า” และเขาบอกว่า “น่าจะดีกว่าถ้าพวกเขาฆ่าผมซะ เพราะถ้าเขาออกจากคุกเมื่อไร ผมจะฆ่าคนอีก” สุดท้ายขณะอยู่ในคุกเขาหัวใจล้มเหลวในวันที่ 24 กันยายน 2013 รวมอายุได้ 54 ปี

 

อาชญากร Psychopaths มองผู้คนในโลกแบบเหมารวม สังคมโลกไม่ต้องการเขา เขาก็ไม่ต้องการสังคมโลก โดยเฉพาะครอบครัวและเด็กๆ ที่ได้รับความอบอุ่น หากนำทฤษฎีพันธะทางสังคม (Social bond theory) ของ Travis Hirschi มาอธิบายเพียงแค่ Attachment ความผูกพันกับคนในสังคม เพียงแค่ไม่มีใครต้องการเขา ไม่มีใครรักเขา และเขาไม่รักใคร ก็ทำให้มนุษย์หนึ่งคนทำลายสังคมได้อย่างร้ายกาจขนาดนี้ โอโนพรีเอนโค Mass murder ที่เป็น Serial killer เกินกว่าเดรัจฉานจะจินตนาการได้

 

 

 

 

 

อ้างอิง

http://www.prdmh.com/component/content/article/105-สาระน่ารู้/192-กรมสุขภาพจิต-แนะสถานศึกษาและสถานที่ทำงานลดการใช้-covid-19-เป็นเรื่องกลั่นแกล้งหรือกีดกัน.html?Itemid=437

 

https://criminalminds.fandom.com/wiki/Anatoly_Onoprienko

 

http://globalag.igc.org/elderrights/world/tortureukr.htm 

หมายเลขบันทึก: 709075เขียนเมื่อ 25 ตุลาคม 2022 00:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2022 19:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท