หลังงานกฐินผ่านไป 2 วัน (ทอดกฐินวันที่ 16) เรื่องเล่า และกิจกรรมต่อเนื่องจากการงานกฐินจากญาติ ๆ เพื่อนร่วมงาน ศิษย์ และพี่น้องในชุมชนก็ยังมีมาให้ผมรับทราบเป็นระยะ ๆ
ข่าวแรกที่เป็น talk of the town เลยก็คือ ยอดกฐินแรก (คือยังไม่มีการต่อยอด) ของกฐินครั้งนี้คือ 393,815 ชึ่งบังเอิญ (หรือเป็นบุญก็ไม่รู้) ไปตรงกับเลขท้าย 2 ตัวล่าง ของผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกในวันทอดกฐินพอดี (งวดวันที่ 16 ตุลาคม 2565)
หลังจากผมแจ้งยอดแรก (393,815)เสร็จแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ก็แยกย้ายกันกลับ ยกเว้นคณะเจ้าภาพ และแขกจำนวนหนึ่งที่บริจาคเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดกฐิน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ก็พิธีทอดกฐินเสร็จแล้ว แขกทยอยกันกลับบ้านก็น่าจะเป็นเรื่องปกติวิสัย
แต่บทเฉลยคือ เช้าวันที่ 17 ที่ชาวบ้านมาจังหันเช้า ต่างคุยกันให้แซทเลยว่า ‘ชาวบ้านถูกหวยกันทั้งหมู่บ้าน ยกเว้นรั้วบ้าน กับเสาไฟฟ้า’ ซึ่งหนึ่งในเสาไฟฟ้าก็คือ ‘ผมเอง’ ครับ
แต่เดี๋ยวก่อน ผมเองก็ถูกเลขท้าย 2 ตัวงวดนี้เช่นกัน เพราะผมซื้อวันรวมบุญคือ วันที่ 15 ครับ น่าจะรอดจากเป็นเสาไฟฟ้าน้อ แม้ว่าจะไม่ได้ซื้อตามยอดแรกของกฐินก็ตาม
ผมไม่ได้ส่งเสริมการเล่นหวย หรือความงมงายนะ แต่สิ่งนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ ครับ
เรื่องที่สอง เกิดขึ้นกับ ‘น้องสะใภ้' ของแม่บ้านผมเอง ซึ่งบ้านเขาอยู่ที่บ้านหนองผือ อำเภอเข็มราฐ จังหวัดอุบลราชธานี (ห่างจากบ้านงานเกือบ 100 กิโลเมตร) ซึ่งเขาและสามี (น้องชายแม่บ้านของผม) ก็มาช่วยเตรียมงาน แต่มีความจำเป็นต้องไปอีกงานแถว ๆ บ้าน แล้วจะกลับมาใหม่ แต่ด้วยการเดินทางลำบากเพราะไกล และนำ้ท่วมทาง จึงให้สามีกลับมาร่วมงานคนเดียว ส่วนเขาจะไม่มา แต่คืนนั้นเขาฝันเห็นปู่ซึ่งล่วงลับไปแล้วมาถามว่า ‘มานอนอยู่ที่นี่ทำไม ทำไมไม่ไปร่วมงานกฐินกับเขา’ ในที่สุดเขาก็ต้องตื่นแต่เช้า และเดินทางมาพร้อมกลับญาติอีกชุดที่จะมาร่วมงานทอดกฐินตอนเช้า แล้วมาเล่าเรื่องนี้ให้ผมและญาติ ๆ ฟัง แปลกใจไหมครับ
เรื่องที่สามเกิดขึ้นวันรวมบุญ (15 ตุลาคม 2565) ตอนกลางคืน ซึ่งลูกสาวของผม (สุรัสวดี อัศวภูมิ) กับลูก 2 คน (ซิตย์นี่ 9 ขวบ และซีนิธ 8 ขวบ) ช่วยกันแกะซองเงินร่วมทำบุญกฐินกันอยู่ พอดีมีซองหนึ่งที่ใส่เงินร่วมทำบุญมา ‘6 บาท’ เจ้าตัวเล็กพูดขึ้นว่า ‘ซองนี้ใส่มาแค่ 6 บาทเอง’
มีญาติมาเล่าให้ผมฟังว่าทันทีที่ลูกพูดเช่นนั้น ลูกสาวผมก็สอนหลานว่า ‘จะกี่บาทก็ทำบุญลูก คนที่บริจาค 6 บาทเขาอาจจะต้องเก็บเงินหลายวัน หรือเป็นเดือน กว่าที่จะได้เงินมาร่วมบริจาค' แล้วก็พูดต่อว่าทานมาก หรือน้อยก็สั่งสมบุญนะลูก
ผมดีใจที่เห็นลูกไม่ละเลยที่จะสอนลูก และดีใจที่เห็นหลานทำงานช่วยแม่ในงานบุญครั้งนี้ นับว่าเป็นกฐินสามัคคีจริง ๆ
เรื่องสุดท้ายคือ ตอนนี้ยังมียอดเงินร่วมทำบุญจากผู้มีจิตศรัทธาโอนมาเพิ่มเติมอีก แม้จะผ่านวันงานไปแล้วก็ตาม ผมขอขอบคุณทุกแรงศรัทธาที่ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ผมตั้งใจว่าจะรอถึงวันศุกร์จึงจะโอนเงินให้ทางวัดอีกต่อไปครับ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
สมาน อัศวภูมิ
18 ตุลาคม 2565
ไม่มีความเห็น