๑,๓๑๐ ทำงาน...ทำเงิน


ความคิดคำนึงวิ่งกลับเข้ามาว่ายวนในสมองของผม จากโรคภัยมาจนถึงภัยธรรมชาติ ทำให้ตลาดเริ่มขาดวัสดุที่จำเป็นในการประกอบอาหารเสียแล้ว โดยเฉพาะพืชผักสวนครัวที่เรียบง่ายใกล้ตัวก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด

          เสียงผู้คนบนรถปิคอัพโหวกเหวกดังลั่น เมื่อรถวิ่งมาจอดข้างรั้วโรงเรียน ผมกำลังสำรวจปริมาณน้ำในแปลงนาที่อยู่ติดกับพืชผักสวนครัว จึงมองไปที่รถเผื่อพวกเขาต้องการจะถามอะไร

          กระบะด้านหลังของรถมีถุงพลาสติกใส่ของกองใหญ่วางซ้อนทับกัน มีคนยืนและนั่งอยู่ท้ายรถ ประมาณ ๓ - ๔ คน ทุกคนมองเข้ามาในโรงเรียนด้วยความสนใจเป็นพิเศษ

          “ต้นมะกรูดของครูหรา ขายไหมล่ะ” เสียงผู้หญิงที่นั่งคู่กับคนขับตะโกนถามผม

          “ยังไม่เคยขายเลย จะซื้อหรือครับ” ผมถามบ้าง

          “จ้ะ ก็วิ่งหาซื้ออยู่จ้ะ ยังได้ไม่เยอะเลย”

          “น้ารู้ได้ไงล่ะ ว่าที่โรงเรียนผมปลูกต้นมะกรูด” ผมถามด้วยความสงสัย

          “เมื่อกี้ขับรถผ่านมาเห็นเข้า ก็เลยเลี้ยวรถกลับมา” 

          “รับซื้อยังไงครับเนี่ย” ผมถามเพื่อต้องการทราบราคา

          “กิโลละ ๑๕ บาท จ้ะ ถ้าครูขายพวกฉันจะลงไปตัดเอง”

          “๒๐ บาท ไม่ได้หรือ ของผมมีอยู่ ๔ ต้น ถ้าตัดครึ่งต้นก็จะได้เยอะเหมือนกันนะครับ”

          “เอาไว้ปีใหม่แล้ว คงจะถึงโลละ ๒๐ บาทจ้ะ ตอนนี้รับซื้อ ๑๕ บาทมาตลอดเลยจ้ะ”

          “ครับ ก็ได้ครับ ต้นมันสูงมาก ผมกำลังจะตัดแต่งอยู่พอดี” เมื่อสิ้นสุดการสนทนา รถปิคอัพก็เลี้ยวเข้ามาในโรงเรียน คนในรถพร้อมด้วยวัสดุอุปกรณ์พากันเดินเข้าไปในสวนครัวโรงเรียน

          คนขับรถ บุคลิกและท่าทางดูเหมือนจะเป็นเถ้าแก่หรือหัวหน้าทีม ยืนกอดอกควบคุมงาน ส่วนคนงานผู้เป็นลูกน้อง ตัดครึ่งต้นมะกรูดด้วยความทะมัดทะแมง ลิดกิ่งก้านเล็กๆที่มีใบมะกรูดช่อใหญ่ใบหนา ทั้งใบแก่ใบอ่อน ใส่ลงถุงพลาสติกใสใบใหญ่

          “มาจากไหนกันครับ” ผมถามคุณลุงที่กำลังเอาเลื่อยตัดลำต้น

          “มาจากหนองสระสุพรรณ เพิ่งจะเข้ามามาหนองผือเป็นครั้งแรกนี่แหละ”

          “ผมปลูกมา ๑๐ ปีแล้ว ก็เพิ่งจะขายเป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ ไม่คิดเลยว่าจะได้ขาย แล้วไปไงมาไงล่ะครับ ถึงได้มาถึงบ้านหนองผือ”

          “พอดีสวนที่เคยไปตัด น้ำกำลังท่วม เข้าไปตัดไม่ได้ ก็เลยต้องวิ่งรถหาซื้อตามหมู่บ้าน”

          “ซื้อเยอะๆแบบนี้ เอาไปขายส่งที่ไหนครับ”  “ตลาดไทโน่นแหละ”

          “ระวังหนามน่ะครับ” ผมเตือนลุงและคนงานผู้หญิง เพราะเห็นทำงานกันว่องไวเหลือเกิน

          “ครูต้องใช้กิ่งตอน มันจะได้ไม่มีหนาม” คนงานผู้หญิงบอกผม

          จึงเป็นความรู้ใหม่ที่ผมได้รับในวันนี้ ต้นมะกรูด ๔ ต้นใหญ่ ไม่ได้ใช้กิ่งตอนและไม่ได้ซื้อต้นพันธุ์มาจากตลาด ผมเห็นต้นเล็กๆมันขึ้นเองที่บ้าน เลยขุดเอามาปลูก ไม่คิดว่าโตแล้วจะสูงใหญ่ขนาดนี้

          ใช้เวลาตัดเพียง ๓๐ นาทีเท่านั้น ใบมะกรูดหายวับไปกับตา ลงไปอยู่ในถุงทั้งหมด ๗ ถุง พอนำไปชั่ง ต้องให้ได้มาตรฐานคือถุงละ ๕ กิโลกรัม จึงต้องใส่ให้เต็มความจุ ได้ใบมะกรูดจริงๆ ๔ ถุงใหญ่ รวม ๒๐ กิโลกรัม ก็ถือว่ามากพอสมควร

          “รับซื้อพืชผักอะไรบ้างครับ” ผมถามคนขับรถด้วยความสนใจ

          “ข่า ตะไคร้ กระชาย ได้หมดเลยครับ จะวิ่งหาซื้อตลอดในช่วงนี้”

          รถปิคอัพรับซื้อใบมะกรูด ออกจากโรงเรียนวิ่งตรงเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อแสวงหาใบมะกรูดให้ได้มากที่สุดตามความต้องการ ก่อนจะนำส่งตลาดใหญ่ปลายทาง

          ความคิดคำนึงวิ่งกลับเข้ามาว่ายวนในสมองของผม จากโรคภัยมาจนถึงภัยธรรมชาติ ทำให้ตลาดเริ่มขาดวัสดุที่จำเป็นในการประกอบอาหารเสียแล้ว โดยเฉพาะพืชผักสวนครัวที่เรียบง่ายใกล้ตัวก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด

          ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สำนึกอย่างหนึ่งเกิดขึ้น วันนี้ยังต้องทำงาน สักวันจะไม่มีงานทำ คงต้องหันไปทำเงินบ้าง สร้างความสุขเล็กๆกับผลิตผลทางการเกษตรแบบพอเพียง เลี้ยงชีวิตได้แน่นอน 

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๔  ตุลาคม  ๒๕๖๕   

  

 

       

หมายเลขบันทึก: 708287เขียนเมื่อ 4 ตุลาคม 2022 21:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 ตุลาคม 2022 21:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท