นี่คือสาระของหนังสือขายดีอันดับหนึ่ง The Black Swan : The Impact of the Highly Improbable (2007) (๑) เขียนโดยนักเศรษฐศาสตร์และนักคิดแห่งยุคสมัย Nassim Nicholas Taleb ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมความเสี่ยง (Risk Engineering)
เป็นหนังสือที่ชี้ให้เห็นข้อจำกัดของมนุษย์ ในท่ามกลางความฉลาดหรือความเรืองปัญญาของมนุษย์ ทำให้มนุษย์คิด “หลักการ” (concept) ขึ้นใช้ ช่วยสร้างความสำเร็จยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และตัวบุคคลแต่ละคน
หลักการช่วยให้มนุษย์คิดอย่างมีเหตุมีผล ช่วยให้มนุษย์สามารถเลือกตัดสินใจในสถานการณ์ที่ซับซ้อนอย่างได้ผล
แต่หลักการนั้นเอง อาจส่งผลให้มนุษย์ตาบอดในบางเรื่อง เพราะเป็นความจริงที่อยู่นอกหลักการที่ตนเชื่อหรือยึดถือ ... ปรากฏการณ์ห่านดำ เพราะเราเชื่อว่าห่านต้องมีสีขาว ไม่คิดว่ามีข้อยกเว้น ที่มีห่านพันธุ์สีดำด้วย
หากเราเข้าใจข้อจำกัดนี้ เราก็จะไม่ปักใจ หรือมองแคบในเรื่องต่างๆ แต่เปิดใจไว้สำหรับ “สิ่งที่เหนือความคาดหมาย” เปิดโอกาสให้ “สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้” ออกมาปรากฏหรือทำงาน
ทำงานแบบไม่รู้หลักการ ก็ไม่ดี ยึดหลักการมากเกินไป (over dogmatic) ก็ไม่ดี ต้องทั้งรู้ (เชื่อ) และทั้งไม่เชื่อไปเสียทั้งหมด เปิดช่องให้หลักการอื่นออกมากระทำการได้ด้วย มีหลักการ แต่ต้องไม่ใจแคบ เชื่อหรือยึดถือหลักการเดียว กล่าวใหม่ว่า ต้องอย่าตกหลุม over-confidence ที่ปราชญ์ไทยใช้คำว่า ปลาตายน้ำตื้น หรือหมองูตายเพราะงู
ผมตีความว่า หนังสือเล่มนี้ช่วยเตือนใจเราในฐานะมนุษย์ ว่า ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน (humility) ว่ายังมีสิ่งที่ตนไม่รู้อีกมาก ในการทำสิ่งใดก็ตาม หากจะให้เกิดผลยิ่งใหญ่ ต้องเปิดช่องให้สิ่งที่เราไม่รู้ ออกมากระทำการได้
เขาเอ่ยถึง Scalable information กับ unscalable information ที่ชวนให้ผมหวนคิดถึงเรื่องเล่าของพ่อ เมื่อผมเรียนอยู่ที่จุฬา (กว่า ๖๐ ปีมาแล้ว) เมื่อมหาวิทยาลัยปิดเทอมผมกลับบ้าน พ่อเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนานเรื่องเลี้ยงเป็ด (ผมเล่าไว้หลายครั้งแล้ว) พ่อบอกว่า ได้ลองเลี้ยงเป็ดเอาไข่ไปขาย ลองเลี้ยง ๑๐ ตัว เขาออกไข่วันละ ๗ - ๘ ฟอง คำนวณรายรับรายจ่ายได้ว่า เลี้ยง ๑๐ ตัวได้กำไรเฉลี่ยตัวละ ๑๐ สตางค์ คือกำไรวันละบาท ดังนั้นจึงเลี้ยง ๑ พันตัว หวังว่าจะได้กำไรวันละ ๑๐๐ บาท แค่สามวันก็ส่งลูกไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพได้ ๑ คนแล้ว (ตอนนั้นพ่อแม่ให้เงินผมใช้เดือนละ ๓๐๐ บาท) ผลคือขาดทุนเป็นหมื่น เพราะเป็ดไม่ไข่ เนื่องจากเกิดโรคระบาด
หนังสือแนะนำให้แต่ละคนทำรายการสิ่งที่ตนไม่รู้ เอาไว้เตือนใจตนเอง ให้ไม่ผยองในความรอบรู้หรือความฉลาดของตน
ผมตีความว่า หนังสือเล่มนี้บอกเราว่า ในบางกิจการ มัวแต่คิดโดยใช้หลักการเหตุผล ไม่มีทางรู้ความจริง ต้องลงมือทำและเรียนรู้ปรับตัวจากผลที่เกิด และยอมรับว่า ในบางกรณีก็จะมีผลล้มเหลว นี้คือหลักการของการส่งเสริมให้มีการลงทุนในธุรกิจ start-up
วิจารณ์ พานิช
๑๔ ส.ค. ๖๕