ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ ผมมีโอกาสใคร่ครวญเรื่องบทบาทของหน่วยงานกลางด้านการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ จากการออกไปเยี่ยมโรงเรียนและฟังบทบาทของโรงเรียนแกนนำพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนแบบพัฒนาครบด้าน (holistic learning) และฟัง online PLC ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (active learning) ที่โรงเรียนในโครงการ TSQP ร่วมกันจัดขึ้น
ผมได้ข้อสรุปว่า โรงเรียนพัฒนาตนเองได้ และรวมตัวกันเป็นเครือข่ายโรงเรียนพัฒนาตนเองได้ หากได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง
กสศ. น่าจะบอกชื่อโรงเรียนที่ทำหน้าที่เป็นโรงเรียนแกนนำได้
บ่ายวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ ทีมงานก่อตั้ง สถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ (สพลร.) ของ สสวท. เชิญผมเข้าร่วมหารือ แนวทางทำงานของโครงการ ที่เขาเน้น double loop learning ที่ผมเพิ่งทราบว่า มาจาก Action Science ที่เสนอโดย Chris Argyris เปิดโอกาสให้ผมได้เสนอแนวคิดว่า สถาบันนี้น่าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อน double-loop learning ในวงการศึกษาไทย ไม่ใช่เฉพาะเอามาใช้ในสถาบันเท่านั้น
สถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ จึงควรทำหน้าที่ส่งเสริมการหมุน “วงจรการเรียนรู้สองเด้ง” (double-loop learning - DLL) ในระบบการศึกษาไทย ซึ่งหมายความว่า ทุกหน่วยงานในระบบการศึกษา มีกลไก และมีทักษะในการหมุน “วงจรการเรียนรู้สองเด้ง” ของตน และนำออกแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานอื่น ผ่านกลไกต่างๆ รวมทั้งกลไก online PLC ที่ตอนนี้มีหน่วยงานในระบบการศึกษาคือ กสศ. และภาคีในโครงการ “โรงเรียนพัฒนาตนเอง” (TSQP) จำนวนหนึ่ง มีทักษะ (และฉันทะ) สูงยิ่ง
ตัวอย่างเช่น โรงเรียนบ้านตะเคียนราม สพป. ศรีสะเกษ เขต ๓ โดยเรียนรู้มาจากมูลนิธิสยามกัมมาจล
ย้ำว่า สพลร. ควรฝึกใช้ DLL ในสองบทบาท คือในบทบาทหมุนวงจร DLL ภายใน สพลร. เอง และบทบาทหนุนการหมุนวงจร DLL ในโรงเรียนและหน่วยงานอื่นๆ ในระบบการศึกษาไทย
เพราะเรื่องหลักสูตรและการเรียนรู้ เป็นเรื่องที่หยุดนิ่งไม่ได้ ต้องมีการพัฒนาต่อเนื่อง ไม่จบสิ้น โดยต้องเรียนรู้ทั้งจากความรู้ระดับโลก และเรียนรู้จากการปฏิบัติของตนเอง
ที่ผ่านมา วงการศึกษาไทยเน้นเรียนรู้จากต่างประเทศ ขาดกระบวนทัศน์เรียนรู้จากการทำงานหรือปฏิบัติการของตนเอง เพราะเราสมาทาน theoretical science ไม่ศรัทธาหรือไม่รู้จัก action science ต่อ ไปนี้เราควรให้น้ำหนักการเรียนรู้ ๒ แนวทางนี้ในสัดส่วน ๒๐ : ๘๐ คือให้น้ำหนักการเรียนรู้จากทฤษฎีตะวันตกร้อยละ ๒๐ จากการปฏิบัติของตนเองร้อยละ ๘๐ ซึ่งจะช่วยให้หลักการและวิธีการ lifelong learning เป็นอุดมการณ์ของการศึกษาไทย ไม่เฉพาะในกลุ่มผู้เรียน แต่ปฏิบัติในกลุ่มนักวิชาการ และนักปฏิบัติ ในระบบการศึกษาด้วย
วิจารณ์ พานิช
๒๗ มิ.ย. ๖๕
ไม่มีความเห็น