จำกัดการบริโภคข่าวสาร


จำกัดการบริโภคข่าวสาร

มีข้อความที่ส่งต่อๆ กันมา    และเป็นข้อความประเทืองปัญญา   จึงนำมาบอกต่อ 

 

ผลเสียจากการบริโภคข่าวสาร
    ธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์
    23 กค 65

                          วันก่อนไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับเพื่อนๆ ร่วมรุ่น สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬารุ่น ที่ 12 ที่รพ สงฆ์
                           เพื่อนร่วมรุ่นของผมมีอยู่ด้วยกัน รวม   155 คน เสียชีวิตไปรอเพื่อนๆล่วงหน้า แล้ว 62 คน หรือประมาณร้อยละ    40
                            ต้องยอมรับว่า สังคมเราย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย อย่างแท้จริงแล้ว เพื่อนร่วมรุ่นผมรวมทั้งตัวผมที่ ยังหายใจกันอยู่ถึงร้อยละ 60   ทุกคน ไม่มีใคร อายุ ต่ำกว่าเลข แปด ต่างก็อยู่ในวัย แปดสิบต้นๆและมีสิทธิที่จะ ที่จะมีชีวิตยืนยาวกันต่อไป อย่างมีคุณภาพดีพอควร จนก้าวผ่านหลักกิโลเมตรที่ เก้าสิบ กันได้
                        ถ้าหากพยายาม ดูแลตนเอง ในการเสริมสร้างสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้ แข็งแรงตามหลักสุขภาพ สี่ขา ตือ
                       1 รู้จักวิธีการผ่อนคลายจิตใจไม่เครียด ปล่อยวาง
                        2 ออกกำลังกายอย่างพอเพียงสม่ำเสมอ
                         3 นอนหลับไม่ต่ำกว่า วันละ เจ็ดชั่วโมง
                         4 บริโภคสารอาหารที่ดี ครบถ้วน หลีกเลี่ยง หวาน มัน เค็ม เนื้อสัตว์ เลี้ยงลูกด้วยนม ประเภทสี่ขาทุกชนิด  เน้นประเภท สัตว์สองขา รวมทั้งผัก ผลไม้ เนื้อปลา ทุกชนิดเป็นหลัก
                    ทั้งสี่เรื่องเกี่ยวข้องกับการดูแลตนเองอย่างเป็นองค์รวม บูรณาการทั้งมิติกาย และจิตใจ ตามธรรมชาติของการเกิดมาเป็นคนที่กายกับจิต เชื่อมโยงกัน กายป่วยจิตป่วย จิตป่วยกายป่วย  ไม่แยกจากกัน เหมือนกับกระบวนทัศน์ แบบแยกส่วน ยึดอำนาจเงิน ค่านายหน้า ผู้รับเหมา สร้างความเจริญทางวัตถุทางกายภาพเป็นศูนย์กลาง มากจนเกินความพอเพียง
               สำหรับประสบการณ์จริงๆของตัวผมเอง ในระยะเวลาที่ผ่านมา ได้เรียนรู้ว่า การปรับตัวทางด้านกาย ที่เกี่ยวข้องกับ การออกกำลังกาย การบริโภคสารอาหารที่ดีมีประโยขน์ นั้นพอจะทำได้ดี ผมยังไม่ยอมนั่งหงอยเหงาอยู่กับบ้าน ไปออกรอบเดินครบ สิบแปดหลุม อยู่บ่อยๆ ถ้ามีเพื่อนเดิน ไม่ใช้รถ อย่างน้อย สัปดาห์ละสองสามวัน
                 ทางด้านการบริโภค อาหารนั้น เลิก สูบบุหรี่ สุรายาเมา น้ำชากาแฟ ของหวานจัด เค็มจัด มันจัด เปรี้ยวจัดเผ็ดจัด รวมทั้งอาหารประเภท ขยะ fast food มานานแล้ว หันมาบริโภค ผัก ผล หมากรากไม้  สัตว์สองขา ไร้มัน   จัด มานานแล้ว
                 แต่ทีมันปรับตัวยากมากเห็นจะได้แก่ทางด้านสุขภาพจิต ที่ต้องเพียรพยายามไม่ให้เกิดความเครียด  ด้วยการเจริญสติ ตามแนวทาง ศีล สมาธิ ปัญญา
                  ต้องยอมรับว่า คนรุ่นผมที่ยังมีขีวิต อยู่ในโลกยุคจัดระเบียบโลกใหม่ไร้ระเบียบ ที่มีโอกาสรับข่าวสารข้อมูลจากสื่อทุกประเภทอย่างหลากหลาย ในทุกมิติทั้งภาพทั้งเสียง ในทุกเวลาและสถานที่ ทั้งข่าวที่เกี่ยวกับ เศรษฐกิจการเมืองสังคม  ปะเดปะดังเข้ามา
                  ล้วนแต่ทำให้จิตตก และส่งผล กระทบต่อสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะจากประสบการณ์จริงของผม แม้ว่าจะพยายามกินอาหารที่มีประโยชน์หรือออก กำลังกาย แต่โชคร้ายพลังใจของผมจะลดฮวบลงทันที ทีติดอยู่ในวงจรอุบาทย์ของการบริโภคข่าวในในโลก
ออนไลน์ทำให้ ความเครียดสูงจนบ่อนทำลายสุขภาพมากขึ้น
    ผมได้เรียนรู้ว่า การเสพย์ติดข่าวมากเกินไป รังแต่จะทำให้ผมห้วเสีย ท้อแท้ หมดหวัง วิตกกังวล กับเรื่องที่ไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่อาจทำตามปณิธาน ความสำนึกดี ชั่วได้
    ได้เรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มต้นจากตนเอง ด้วยการตัดสินใจเลิกการบริโภคข่าว ตามสื่อทุกประเภท ซึ่งผมหลงไหล ผ่านทาง นสพ ทีวี รวมทั้ง ทางออนไลน์ ทุกชนิดที่จู่ๆ ให้ข้อมูลสารพัดได้ทุกเวลาและสถานที่  ซึ่งส่งผลต่อจิตใจในรูปแบบเดียวกับน้ำตาลต่อร่างกาย
   นอกจาก การบริโภค ข่าวจะส่งผลกระทบทางจิตใจจากประสบการณ์จริง ของผมเองดังที่ได้เล่าสู่กันฟัง แล้วข้างต้น ผมยังบังเอืญ เจอหนังสือแปล
เรื่อง Stop Reading The News เขียนโดย Rob  Dobeelli ที่เพิ่งซี้อมาอ่าน มีสาระบรรยาย ผลดี ของการเลิกบริโภคข่าว ไว้อย่างน่าสนใจหลายประเด็น  ซึ่งจะได้นำมาสรุปเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไป 

 

STOP READING NEWS
มาเลิกอ่านข่าวกันเถอะ
ธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์
กค 2565
             หนังสือแปล เรื่อง นี้ ผมเดินไปเจอเข้า ในร้าน หนังสือโดยบังเอิญ เมื่อหลายวันมาแล้ว ควักกระเป๋าซื้อมาอ่านเป็นอาหารสมอง  และคิดว่าเหมาะสำหรับคนที่จิตตกมากๆ จากการบริโภคข่าวสารอย่างเสพย์ติดงอมแงมในเวลานี้
          Rolf Dobelli เจ้าของงานชิ้นนี้เป็นนักเขียนชื่อดังระดับโลกคนหนึ่ง เจ้าของผลงาน The Art Of Thinking Clearly    ผู้เขียน ให้คำจำกัดความ ของข่าวว่า คือข้อมูลสั้นๆเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้  เขาให้เหตุผลว่าเราควรหยุดบริโภคข่าว  กันอย่างสิ้นเชิง   โดย มีงานวิจัยยืนยันผลกระทบจากการอ่านข่าว  ในยุคการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตัล ทำให้ข่าวกลายเป็นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง มีผลต่อจิตใจ ในรูปแบบเดียวกับที่น้ำตาลส่งผลต่อร่างกาย 
        การเลิกอ่านข่าวทำให้เรามีเวลามากขึ้นและเกิดมุมมองใหม่ๆทีช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตและสร้างความสุขได้อย่างแท้จริง  ซึ่งพอจะสรุปเหุตผลต่างๆที่เขาค้นพบได้ดังนี้
     1 ข่าวที่เรารับมากมายในแต่ละวัน ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ค่อยจะมีสาระสำคัญต่อชีวิตเรา   ถึงเราไม่ติดตามข่าว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะพลาด รับรู้ข่าวที่สำคัญ ข่าวใหญ่เพราะถึงยังไงมันก็จะไหลมาเข้าหู เราเอง ถ้าสำคัญจริงๆ  วิธีดีที่สุดในการเรียนรู้เหตุการณ์สำคัญ ก็คือการอ่านหนังสือหรือบทความ งานค้นคว้าวิจัย
ที่มีคุณภาพ
    2 ข่าวที่เราบริโภค กันร้อยละ 99 ล้วนแต่เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือขีดความสามารถของเราที่จะเข้าไป จัดการแก้ไขอะไรได้    แต่หากเรา พบว่าอีกร้อยละหนึ่งอาจ มีประโยชน์ต่อชีวิตเราจริงๆ อยู่ในขีดความสามารถเราที่จะนำมาใช้เป็นคุณตามความสนใจในแต่ละสาขาวิชาของแต่ละคนอาจ    หาได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ประเภทนิตยสาร รายเดือน รายสัปดาห์ต่างๆ เช่น Foreign  Affaire, The Economist เป็นต้น
  สำหรับผมทำตามคำแนะนำของคนเขียนยาก เพราะมันแพงมาก  แม้จะหาอ่านจากกูเกิ้ลได้ ก็ต้องเสียค่าสมัคร เป็นสมาชิกจึงเข้าไปอ่านได้ จึงเอาแค่ หาซื้อ Bangkok Post มาอ่านเป็นบางครั้ง
เขาตีพิมพ์บทความดีๆ จากคอลัมนิสต์ และนักวิชาการดีๆ อยู่ประจำ   หางานวิจัยดีๆ ทางวิชาการของ TDRI รวมทั้งสถาบันพระปกเกล้ามาอ่าน เป็นประโยชน์มาก พยายามเลิกตามข่าวประเภท IO และข่าวสะเปะละปะรายวันตามสื่อทุกชนิด
 
  3 การบริโภคข่าวอย่างสะเปะสะปะ อย่างเสพย์ติด นอกจากทำให้เราเสียเวลาเปล่าๆ แล้วยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผู้เขียนอ้างผลงานวิจัย  ของสมาคมจิตวิทยา อเมริกัน ยืนยันว่าการบริโภคข่าว มากเกินไป ก่อให้เกิดความเครียดเรื้อรัง นำไปสู่โรคทางกายได้มากมายเช่น ระบบย่อยอาหาร คุณภาพชีวิตแย่ลง
4     มี    ผลงานวิจัยที่ว่า ข่าวทำให้สมองคนเราเปลี่ยนไป สมองคนเรามีอยู่ 86000 ล้านเซล มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากเราปล่อยให้ตัวเองถูกเล่นงานด้วยข่าวถาถมเข้ามาเรื่อยๆ ข่าวสามารถล้างสมองเราได้จริงๆ คือทำงานต่างไปจากเดิมได้ นอกจากนี้ข่าวยังทำลายความคิดสร้างสรร ผู้บริโภคข่าวทุกอย่างที่ขวางหน้าไม่มีทางเป็นอัจฉริยะนักสร้างสรรค์  ข่าวทำให้เราเฉื่อยชา   เพราะมักจะเจอกับเรื่องที่เราควบคุมจัดการอะไรไม่ได้  ปรากฏการณ์นี้ มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ความสิ้นหวังอันเกิดจากการเรียนรู้ ( learned helplessness)   ประเด็นนี้น่าจะเจอกับตัวผมเองจากการติดตามข่าว การเมือง การแก้รัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายเลือกตั้งการหารร้อย หารห้าร้อย  การปฎิรูปประเทศ ร้อยแปดพันเก้า แล้วเกิดอาการแบบนี้เลยจริงๆ
  5 เชื่อหรือไม่ว่า มีผลการทดลองทางความคิด สรุปให้เห็นว่า การก่อการร้ายเกิดผลสำเร็จ เพราะได้รับความร่วมมือจากสื่อ เป้าหมายการก่อการร้ายมิใช่ การเข่นฆ่าผู้คนแต่มีเหตุผลสลับซับช้อนมากกว่านั้นคือการสร้างความหวาดกลัว และความวุ่นวายจนส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
6   ในสภาวะปัจจุบ้นข่าวนอกจากไม่มีความสำคัญต่อประชาธิปไตยแล้วยังบ่อนทำลายประชาธิปไตยด้วย  ในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมา คุณภาพวาทกรรมทางการเมืองตกต่ำลงมาอย่างเห็นได้ชัด  ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโนยีดิจิตัล ทำให้ข่าวออกอากาศทางออนไลน์ เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ บุกเข้ามาในโลกส่วนตัวของเราผ่านสมาทโฟน เผยแพร่ข่าวประเภทไร้สาระ และวาทกรรมทางการเมืองต่างๆมากมายล้นหลาม 
สถานการณ์นี้ คล้ายกับการแข่งขันสะสมอาวุธ มากอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งจะนำไปสู่จุดต่ำสุด ถ้าเราต้องการ จะสนับสนุนให้เกิด การปฏิรูปประชาธิปไตยที่ดี ก็ไม่ควรเข้าไปร่วมบริโภคข่าวไร้สาระเหล่านี้ (เช่นข่าวประเภท หาร 100 หาร 500 )
6 ประชาธิปไตยจะผลิบานได้ก็ต่อเมื่อ
ได้รับการผลักดันจากสื่อที่มีเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูล ซึ่งเปิดเผยความจริงอย่างครอบคลุมทุกแง่มุม
ซึ่งเป็นงานยากกว่าที่นักข่าวทั่วไปทำอยู่หลายเท่าเพราะจะต้อง เป็นข้อเขียนเชิงสืบสวนการกระทำผิดของผู้มีอำนาจหรือ งานเขียนเชิงอธิบายความ ที่นำเสนอภาพรวมข้อมูลพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง และคำอธิบาย ซึ่งตัอง
อาศัยทั้งเงินงบประมาณ และนักข่าวที่มีทักษะสูง ทว่าแวดวงข่าวในปัจจุบันยังไม่ค่อยให้ความสำคัญกันมากนัก
หากสังคนเลือกบริโภคข่าวไร้สาระหันมา สนใจกับบทความหรือข้อเขียน ที่มีคุณภาพ ตามที่กล่าวมาข้างต้นประชาธิปไตยที่แท้จริงน่าจะเกิดขึ้นมาได้
6 มองไปในอนาคต ผู้เขียน มองเห็นแนวโน้มของข่าว ในสี่รูปแบบ
      รูปแบบแรก ปริมาณข่าว จะเพิ่มขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
      รูปแบบที่สอง ข่าวจะรุมล้อมเราตลอดเวลา
      รูปแบบที่สาม อัลกอรีทีมจะรู้ใจเรามากขึ้น ทั้งความชอบ จุดยืนทางการเมือง กิจวัตรประจำวันและอื่นๆ
     รูปแบบที่สี่ ข่าวจะห่างไกลจากความเป็นจริงมากขึ้นทุกที  อนาคตข่าวปลอมจากโปรแกรมคอมพิวเต้อ จะมีมากขึ้นจากฝีมือมนุษย์ที่ข่ดควาทสำนึกผอดขอบชั่วดีเพื่อผลประโยขน์ของตนเองและพวกพ้อง
     ผู้เขียนสรุปย้ำตอนท้ายเล่ม โดยฟันธงลงไปเลยว่า  พายุข่าวกำลังโจมตีเราอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ ส่วผลให้ความสามารถในการคิดของเราย่ำแย่ลงทุกที เขาจึงแนะนำให้ เรารีบหนีออกมาจาก พายุอันโหดร้ายนี้ให้เร็วที่สุด 

ข้อความข้างบนทั้งหมดนั้น เขียนโดย คุณธรรมรักษ์ การพิศิษฎ์ อดีตรองเลขาธิการสภาพัฒน์    ที่ผมรู้จักคุ้นเคยและนับถือกันมาก    แต่ไม่พบกันมาหลายปีแล้ว     จึงดีใจที่ทราบว่าท่านยังมีสุขภาพแข็งแรงและมีความหวังว่าจะอยู่ไปจนอายุ ๙๐   

ผมเองจำกัดการรับสารจากสื่อมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปี    และพบว่าช่วยให้มีชีวิตที่ดี    โดยผมบอกตัวเองว่า  ต้องอย่าเผลอให้คนอื่น หรือสิ่งอื่นมาบงการชีวิตเรา    ที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ปล่อยให้กิเลสมาบงการ   

วิจารณ์ พานิช

๗ ส.ค. ๖๕
 

 

หมายเลขบันทึก: 705019เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2022 08:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 สิงหาคม 2022 08:01 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กราบขอบพระคุณอาจารย์วิจารณ์ พานิชมากค่ะ สำหรับบันทึก และบทความที่ประเทืองปัญญา อีกทั้งแง่คิดในการดำเนินชีวิตให้ทุกข์น้อยลงในวันที่เราอายุมากขึ้น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท