๑,๒๙๐ เหลืองปรีดียาธร


สำคัญก็คือ นักเรียนจะต้องเป็นคนลงมือเพาะต้นกล้าเอง เรียนรู้วิธีการเพาะไปด้วย โดยใช้กระถางเล็กๆ หรือถุงพลาสติกที่ใช้แล้วก็ได้ เพื่อจะได้ประหยัด งานนี้เท่ากับว่านักเรียนได้เรียนรู้ทักษะชีวิตไปด้วยเลย

          ข้อมูลพื้นฐานที่ผมได้มา เป็นไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลาง ที่ให้ดอกเหลืองอร่ามสว่างสดใสบานสะพรั่งรับฤดูร้อน  นับว่าเป็นไม้ประดับสวนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน

         ถึงแม้ว่าจะเป็นไม้เมืองนอก แต่ก็สามารถเติบโตและออกดอกอันสวยงามได้ในเมืองไทย ยิ่งสรรพนามที่เรียกขานยิ่งทำให้ไม้ประดับชนิดนี้กลายเป็นที่นิยมนำมาปลูกกันทั่วบริเวณ ทั้งบริเวณบ้าน และสวนสาธารณะต่างๆ 

          แม้กระทั้งงามสะพรั่งบนสองข้างถนนสายสระกระโจม-ด่านช้าง หรือทางไปอุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี จนกลายเป็นแลนด์มาร์คและจุดแวะถ่ายภาพสวย ๆ สำหรับนักเดินทางบนถนน อีกด้วย

          ที่โรงเรียน..มีหลายต้น บริเวณริมรั้วต้นจะใหญ่มาก ภารโรงปลูกไว้เกือบ ๒๐ ปีแล้ว พอออกดอกก็จะมีฝักตามมา คราใดที่ลมพัดแรง ฝักจะปลิวว่อนจนเมล็ดในฝักปลิวฟุ้งกระจาย  จากนั้นไม่ช้าไม่นานก็จะงอกเป็นลำต้น ทนแดดทนแล้ง เจริญงอกงามอยู่ทั่วไปในโรงเรียน

          โรงเรียนจึงไม่เคยซื้อต้นเหลืองปรีดิยาธร มีพอแจกให้ผู้ที่ต้องการและ แบ่งปันให้ผู้ที่สนใจหลายครั้งแล้ว เมื่อ ๒ ปีที่ผ่านมา ในชุมชนมีการปลูกต้นไม้ริมถนน โรงเรียนก็เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยปลูกหน้าโรงเรียนทั้งซ้ายและขวา ระยะทาง ๘๐๐ เมตร จำนวน ๒๐ ต้น

         ตอนนี้หลงเหลือ ๑๓ ต้น ก็ถือว่ารอดเยอะ ผ่านความร้อนแล้ง และผ่านฝูงวัวมาได้อย่างหวุดหวิด เท่าที่ผมสำรวจพบ บางต้นเหลือแต่ตอ คล้ายว่าจะยืนต้นตาย แต่พอเจอน้ำฝนเท่านั้น กลับฟื้นยืนต้นขึ้นมาใหม่ อย่างน่าอัศจรรย์ใจมาก

          อีก ๒ – ๓ ปี ทางผ่านหน้าโรงเรียน จะต้องเหลืองอร่าม  และกลายเป็นถนนสดใสสวยงามอย่างแน่นอน คุ้มค่ากับการลงทุนลงแรง อีกทั้งโตไวทันใจเหลือเกิน

          วันนี้..จึงคิดได้ เมื่อเห็นโคนต้นเหลืองปรีดียาธร มีลูกๆขึ้นอยู่เต็มไปหมด ถ้าเพาะไว้เป็นต้นกล้า รอวันเวลาให้โตสัก ๒ คืบ จากนั้นแจกนักเรียนไปคนละต้น จะเน้นที่เด็กโต ชั้น ป.๔ – ป.๖ นำไปปลูกที่ริมรั้วหน้าบ้าน ที่ไม่ใช่ทางผ่านของฝูงวัวเป็นใช้ได้

          ก่อนรับต้นกล้าไป จะให้นักเรียนวัดความสูงของลำต้นไว้ก่อน จากนั้น เมื่อนำไปปลูกแล้ว ๑ เดือนผ่านไป ให้วัดความสูงของลำต้นมารายงานครู ถ้าความสูงมากขึ้นเป็น ๒ เท่า ก็ถือว่านักเรียนดูแลเป็นอย่างดี สมควรได้รับคำชมเชย

          ที่สำคัญก็คือ นักเรียนจะต้องเป็นคนลงมือเพาะต้นกล้าเอง เรียนรู้วิธีการเพาะไปด้วย โดยใช้กระถางเล็กๆ หรือถุงพลาสติกที่ใช้แล้วก็ได้ เพื่อจะได้ประหยัด งานนี้เท่ากับว่านักเรียนได้เรียนรู้ทักษะชีวิตไปด้วยเลย

          การเพาะต้นไม้อย่างง่ายแบบนี้ หากฝึกให้ดีมีความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ในอนาคตก็สามารถยึดเป็นอาชีพได้ นำไปประยุกต์ใช้กับไม้ประดับหรือพืชผักสวนครัว จะช่วยสร้างแหล่งอาหารในครัวเรือนและสามารถสร้างรายได้แก่ครอบครัว

          เหลืองปรีดียาธรกับโรงเรียน...เมื่อนำไปสู่ชุมชนและบ้านนักเรียน จะเป็นตำนาน ให้เล่าขานที่มาที่ไป...จะเป็นอีกต้นไม้ที่อยู่ในความทรงจำไม่รู้ลืม

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๒๒  กรกฎาคม  ๒๕๖๕

หมายเลขบันทึก: 704371เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2022 21:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม 2022 21:54 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท