มารู้ตัวก็ถึงโค้งสุดท้าย มิใช่ชีวิตครูซึ่งผ่านมาแล้ว แต่เป็นชีวิตจริงและความเป็นอยู่ ทัศนคติเพื่อนรักเรื่องบ้านทำเอาวาบขึ้น "แม้อยากไปอยู่กลางทุ่งกับต้นไม้ เงี่ยหูฟังเสียงนกเสียงลมดั่งเพื่อน แต่อีกใจไม่อยากห่างญาติพี่น้องที่อยู่ชิดติดกันในปัจจุบัน"
เหตุเพราะที่อยู่อาศัยตัวเองเปลี่ยนตลอด ที่มาที่ไปจากความพลุกพล่าน คับแคบ ซึ่งค่อย ๆ เกิด เมื่อคนมาอยู่มากขึ้น ชายขอบเมืองค่อยเปลี่ยนเป็นเมือง การเข้าตรอกซอกซอยเริ่มไม่สะดวก แค่การจอดรถหน้าบ้านอย่างไร้วินัย ขาดความเกรงอกเกรงใจซึ่งกันและกันก็มีส่วนแล้ว
มองย้อนกลับจึงเป็นการหนีเมืองแทบทุกครั้ง ยิ่งความเจริญขยายตัวขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งขยับห่างออกไปเท่านั้น สังคมซึ่งแตกต่าง ญาติพี่น้องไม่ได้อาศัยเป็นกลุ่มก้อนในละแวกเดียวกัน จึงไม่เคยตระหนักเรื่องเหล่านี้ ความคิดมีแค่อยากไปอยู่นอกเมืองที่โปร่ง โล่ง เงียบสงบ
เมื่อเข้าสู่บั้นปลายชีวิตราชการ ถวิลหาความเขียวขจี ร่มรื่น ด้วยร่มเงาของต้นไม้ใบหญ้าเพิ่มขึ้นมาอีก ทั้งเพื่ออยู่อาศัยและหวังให้เป็นเรือนตาย ทุ่งนาที่รายรอบแค่โรงเรียนเมื่อก่อน จึงรุกคืบมาถึงแนวรั้วบ้านอย่างที่หวังไว้ก่อนหน้าทุกประการ
นอกจากย้ายหนีเมืองมาอยู่กลางทุ่ง เพื่อหลีกลี้ความชุลมุน โกลาหล การปลูกต้นไม้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังจากวันนั้น เสน่ห์ของชนบทที่หลายคนพากันหลงใหล ตัวเองก็ด้วย!
ไม่มีความเห็น