Digital Marketing การตลาดออนไลน์
โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
ปัจจุบัน บทเรียนสอน Digital Marketing หรือ การตลาดออนไลน์ เป็นที่นิยมกันมาก และนักการตลาดที่ต้องการเป็นนักการตลาดมืออาชีพ ไม่ควรละเลยที่จะเรียนรู้ ซึ่งเครื่องมือที่จะทำการตลาด Digital Marketing และ การตลาดออนไลน์ ก็จะมีมากมายเช่น Google Analytics , เครื่องมือในการทำ SEO (SEO Tool),เครื่องมือสำหรับการสร้างโฆษณา (Advertising Technology และ Affiliate Marketing) ,Facebook Business Manager, LINE Ads, WordPress, YouTube, Canva, Active Campaign, Hubspot, Facebook, Instagram, TikTok ฯลฯ
เราจะเห็นได้ว่า เครื่องมือต่างๆในการทำการตลาด Digital Marketing หรือ การตลาดออนไลน์ มีมากมาย นักการตลาดมืออาชีพ ต้องเรียนรู้และศึกษา ทำความเข้าใจเพื่อที่จะนำเอาไปใช้ประโยชน์ในงานด้านการตลาดของตนเอง
สำหรับบทความนี้ เราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน Digital Marketing หรือ การตลาดออนไลน์ อย่างง่ายๆ เริ่มจาก
Data Marketing คือ การทำการตลาดโดยการวิเคราะห์ ตีความจากข้อมูล หรือการอ้างอิง โดยนำข้อมูลมาต่อยอดหรือนำข้อมูลมาใช้ เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกทั้งยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ กับลูกค้า และเพิ่มคุณค่าของแบรนด์ ดังนั้น ข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลจึงมีความสำคัญ ในการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์
Data Marketing มีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้นักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า จำนวนลูกค้า คาดเดา และสามารถวางแผนกลยุทธ์การตลาดเพื่อที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่ยอดขาย รายได้ และการเจริญเติบโต นักการตลาดมืออาชีพเมื่อมีข้อมูลแล้ว ควรฝึกตั้งคำถาม เช่น 1.เราต้องการข้อมูลอะไรเพื่อนำเอาไปใช้งาน ? เช่น ข้อมูลพื้นฐาน เพศ อายุ รายได้ พฤติกรรมของลูกค้า ความสนใจ ความชอบของลูกค้า 2.เรามีข้อมูลอะไรบ้างในตอนนี้ ? จะทำให้เราไปหาข้อมูลไม่ซ้ำกับข้อมูลที่เรามีมาแล้ว เพื่อป้องกันการทำงานที่ซ้ำซาก3.เราต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ? เพื่อกักการหลงลืมและเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ควรพิจารณาในการดูว่าข้อมูลส่วนไหนที่เราต้องการเพิ่มอีก 4.พิจารณาและวิเคราะห์ดูว่าข้อมูลส่วนไหนที่ขาดความน่าเชื่อถือก็ให้ตัดออกให้คงเหลือแต่ข้อมูลที่สำคัญจริงๆเพื่อนำเอามาวิเคราะห์ ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์เป็นระบบหรือการคิดอย่างเป็นระบบ ดังนั้น นักการตลาดมืออาชีพ ควรต้องฝึกฝนทักษะด้านการวิเคราะห์และการหาข้อมูล หรือData เพื่อนำเอามาใช้
ทักษะสำคัญที่ Data-Driven Marketer ควรมี เช่น
1.การคิดเชิงระบบ (Systems Thinking) นักการตลาดมืออาชีพจะมองแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ หรือ จะเอาข้อมูลเพียงแค่ส่วนเดียวมาใช้ก็ไม่ได้ นักการตลาดอาชีพ ควร มีความคิดเชิงระบบ ควรฝึกคิดแบบองค์รวม และมีความเชื่อมโยงกันระหว่างองค์ประกอบ ย่อยอย่างสมเหตุสมผล
2.การคิดเชิงสร้างสรรค์เป็นกระบวนการจินตนาการ ที่นักการตลาดควรมี เพื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ หรือนำเสนอสิ่งใหม่ๆเข้าสู่ตลาด เพื่อความเป็นผู้นำและความได้เปรียบในการแข่งขัน
3.การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking) นักการตลาดต้องหาวิธีการหรือทางเลือกที่ดีที่สุด และทำให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการหรือเป้าหมายที่วางเอาไว้
4.การคิดเชิงออกแบบ หรือ Design Thinking คือ นักการตลาดต้องมีกระบวนการทำความเข้าใจปัญหาของลูกค้าหรือผู้บริการหรือผู้บริโภค โดยการนำเสนอสินค้าหรือผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อนำเอาไปแก้ไขหรือแก้ปัญหาให้กับลูกค้า
5.การคิดเชิงวิเคราะห์ คือ นักการตลาดต้องใช้ความคิดในการจำแนกและการแจกแจงองค์ประกอบต่างๆ ของข้อมูลหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อหาความสัมพันธ์ในเชิงเหตุและผล ระหว่างองค์ประกอบและปัจจัยต่างๆ เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้น
6. การคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking) นักการตลาดต้องให้ความสำคัญกับเหตุผลที่แท้จริง การคิดเชิงตรรกะจึงเป็นความคิดแบบ “การตัดสินใจแบบมีเหตุผลรองรับ”
7.การคิดเชิงประยุกต์ คือ นักการตลาดต้องนำบางสิ่งมาประยุกต์ใช้หรือทำประโยชน์โดยการปรับใช้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งอาจต้องอาศัย แนวความคิด ทฤษฎี หลักการและประสบการณ์ของตนเอง
8.การคิดเชิงมโนทัศน์ (conceptual thinking) คือ นักการตลาดต้องมีกระบวนการในการใช้ความสามารถของสมอง (สติปัญญา) เพื่อจัดการจำแนก จัดหมวดหมู่ และเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เป็นความที่รวบยอด
9.การคิดเชิงเปรียบเทียบคือนักการตลาดต้องมีกระบวนการในการคิดแบบเปรียบเทียบ ของสองสิ่งหรือหลายสิ่ง ว่ามีความต่างกันอย่างไร เช่น ข้อดี ข้อเสีย ข้อเด่น ข้อด้อย ฯลฯ(ลักษณะที่แตกต่างกันของสิ่งสองสิ่งหรือหลายสิ่งว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร)
10.การคิดเชิงอนาคต คือนักการตลาดต้องมีความสามารถในการคาดเดา แนวโน้ม พยากรณ์สิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัย ข้อมูล หลักการ เหตุผล ข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากที่สุด
11.การคิดเชิงบูรณาการ คือ นักการตลาดต้องมีการมองการตลาดแบบองค์ประกอบรวมหรือควบถ้วน โดยมองแกนกลางหรือปัญหาที่แท้จริงก่อนจากนั้นให้หาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
12.การคิดเชิงสังเคราะห์ คือ นักการตลาดต้องมีการคิดที่นำองค์ประกอบของสิ่งของ หรือ แนวคิดหรือหลักวิชาการที่แตกต่าง หลากหลาย หรือมีอยู่อย่างกระจัดกระจายมารวม เพื่อประมวลแล้วคิดสังเคราะห์ออกมา
สรุป การคิดมีความสำคัญเป็นอย่างมากของนักการตลาด เพราะการคิดช่วยให้นักการตลาดมองเห็นภาพรวม มองเห็นปัญหา มองเห็นสิ่งต่างๆ เพื่อที่จะนำเอามาใช้ในงานของตนเอง ซึ่งความคิดมีหลากหลาย นักการตลาดตลาดที่ดี ไม่ควรมีความคิดเพียงด้านใดด้านหรือหรือเชิงใดเชิงหนึ่ง แต่ความมีความคิดที่หลากหลาย จะทำให้เกิดความสำเร็จมากกว่า นักการตลาดที่มีความคิดเพียงด้านเดียวหรือเพียงแค่เชิงเดียว