ในปีการศึกษา 2564 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พุทธชินราช ได้มีการจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มงาน ได้แก่ 1) กลุ่มงานวิชาการและกิจการนักศึกษา เรื่อง “การจัดเรียนการสอนแบบการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning)” 2) กลุ่มงานวิจัยและบริการวิชาการ เรื่อง “การพัฒนาศักยภาพนักวิจัยในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก และการบริหารจัดการโครงการวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่แหล่งทุนกำหนด” และ3) กลุ่มงานอำนวยการและยุทธศาสตร์ เรื่อง “การเป็นเลขานุการอย่างมืออาชีพ” และ “การคำนวณหาต้นทุนต่อหน่วยการผลิต” โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกองค์กรมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จำนวน 2 ครั้ง และในทุกครั้งของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้มีการเผยแพร่องค์ความรู้ที่ได้ลงในเวปไซด์ KM ชุมชนของวิทยาลัย ฯ จากนั้นประชาสัมพันธ์ให้อาจารย์และเจ้าหน้าที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ทำให้สามารถสรุปองค์ความรู้เป็นแนวปฏิบัติของวิทยาลัยใน 3 ประเด็น ดังนี้
1. การจัดเรียนการสอนแบบการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง (Transformative Learning)
1) การเตรียมผู้สอน ให้มีความเข้าใจในวิธีการสอน ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ต้องการให้นักศึกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง
2) การเตรียมสื่อการสอน เช่น แผนการสอนในคลินิก VDO Clip สถานการณ์ที่จะใช้กับหุ่น Simulation หรือเป็นสถานการณ์จริงในหอผู้ป่วยหรือในชุมชน ที่จะช่วยให้นักศึกษาการเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับผลลัพธ์การเรียนรู้
3) การเตรียมเครื่องมือที่จะใช้วัดผลลัพธ์การเรียนรู้ ควรเป็นเครื่องมือที่สามารถวัดผลการเรียนรู้ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้จริง เช่น ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นักศึกษามีการไตร่ตรองสะท้อนคิด นักศึกษามีความเอื้ออาทรกัน (Caring) ปฏิบัติการพยาบาลโดยคำนึงถึงหัวใจความเป็นมนุษย์ พฤติกรรมจริยธรรม พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักศึกษา และการเปลี่ยนแปลงของวัยผู้สูงอายุ
4) การสอนตามที่ได้วางแผนไว้ ต้องมีขั้นตอนวิธีการที่ชัดเจน ปฏิบัติได้ง่าย นักศึกษาเข้าใจ และสามารถปฏิบัติตามที่ครูวางแผนไว้ได้
5) ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ตามที่ได้ออกแบบไว้ ด้วยเครื่องมือที่กำหนดไว้ และถอดบทเรียนการจัดการเรียนการสอนเพื่อนำไปพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพต่อไป
2. การพัฒนาศักยภาพนักวิจัยในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก และการบริหารจัดการโครงการวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่แหล่งทุนกำหนด
2.1 การพัฒนาศักยภาพนักวิจัยในการเขียนโครงร่างวิจัยเพื่อขอทุนภายนอก
1) มีเป้าหมายที่จะเป็นนักวิจัย อยากพัฒนาความสามารถของตนเองด้านการวิจัย และพัฒนาความเชี่ยวชาญของตนเอง
2) กล้าที่จะออกจาก safe zone ของตนเอง ด้วยการปรับ Mind set ความเชื่อหรือทัศนคติ ให้ชี้นำ พฤติกรรมของตนเอง
3) ลงมือปฏิบัติ ด้วยการหาเพื่อนหรือทีมที่มีความหลากหลายสหวิชาชีพ มาพัฒนาโครงร่างวิจัยร่วมกัน
4) เลือกแหล่งทุนที่ตรงใจของทีมอย่างน้อย 1 แหล่งทุน
5) เข้าไปศึกษาหลักเกณฑ์การพิจารณาทุนอย่างละเอียดเพื่อเริ่มต้นทำงาน เขียนโครงร่างตามแบบฟอร์มของแหล่งทุน
6) โครงการวิจัยที่ขอรับทุนสนับสนุนต้องมีผลลัพธ์ที่ชัดเจน ตอบสนองต่อความต้องการของแหล่งทุน
7) เขียนขั้นตอนวิธีการดำเนินการวิจัยที่ชัดเจน เพื่อให้แหล่งทุนมั่นใจว่าเมื่อให้เงินสนับสนุนแล้วงานจะดำเนินการสำเร็จแน่นอน
8) การคิดงบประมาณให้ดูตามระเบียบของแหล่งทุนแต่ละแหล่ง
9) ติดตามข่าวสารแหล่งทุนวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญ
10) หาที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญในงานที่ขอรับการสนับสนุนทุนวิจัย
2.2 การบริหารจัดการโครงการวิจัยให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่แหล่งทุนกำหนด
1) วางแผนการทำงาน (Plan)
- ศึกษาสัญญาที่ลงนามข้อตกลง แต่ละงวดงาน ต้องสำเร็จถึงขั้นตอนใด และจะต้องเบิก-จ่ายงบประมาณร้อยละเท่าไร
- ตั้งเป้าหมายที่เอื้อมถึง ทบทวนว่างานแต่ละกิจกรรมจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จช่วงเวลาใด และวางแผนเผื่อระยะเวลาที่อาจไม่ เป็นไปตามเป้าหมาย
- ประชุมทีมงานมอบหมายความรับผิดชอบ ตามความถนัด
2) การดำเนินงาน (Do)
- ทำตามแผนให้ได้ (On time) อย่าพลัดวันเพราะความคิดจะหลุดระหว่างทาง
- Set Priority ไม่ใช่ตามลำดับงานที่เข้ามา เรียงตามความยากง่ายของงาน เรียงตามความต้องการของคนร้องขอ
- ประสานงานขอความช่วยเหลือ หากงานใดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง
3) การกำกับตรวจสอบความก้าวหน้าของงาน (Check)
- ตรวจสอบระยะเวลากับผลงานที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ทุกเดือน
4) การปรับปรุงแก้ไข (Act)
- จัดการปัญหาอุปสรรค โดยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือเครือข่าย
- ปรับปรุงผลงานให้มีคุณภาพ ลดอัตตาในการแก้ไขตามที่ Reviewer ให้คำแนะนำ อธิบายเหตุผลประกอบอย่างเป็นเหตุเป็นผลเมื่อไม่แก้ไขตามคำแนะนำของ Reviewer
3. การเป็นเลขานุการอย่างมืออาชีพ
1) มีแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดี
2) รับผิดชอบทุกงานที่ได้รับมอบหมายและทำให้เต็มกำลังความสามารถของตนเอง
3) สามารถแยกแยะ ลำดับความสำคัญก่อนหลังของงานในความรับผิดชอบได้ดี
4) มีความสามารถในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ
5) เต็มใจและยินดีเป็นผู้สนับสนุนจนกว่างานต่าง ๆ ในกลุ่มงานจะสำเร็จ ลุล่วงไปได้ด้วยดี
6) พัฒนางานของตัวเองอยู่เสมอ เป็นผู้รักความดีเลิศ
7) สะสมความเชี่ยวชาญในงานที่ตัวเองรับผิดชอบ จนสามารถเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้มาติดต่อราชการได้
8) ถ่อมใจ ยินดีรับฟังคำตักเตือน เปิดใจรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อนำมาปรับปรุงงานให้ดียิ่งขึ้น
9) บำรุงรักษาอุปกรณ์ เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้พร้อมใช้อยู่เสมอ
10) เสียสละเริ่มงานก่อน เพื่อเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนการใช้งานจริง
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เป็นเลขามืออาชีพ ได้แก่
1) เข้าใจ เข้าใจในงานในความรับผิดชอบ มีงานอะไรบ้าง อะไรสามารถทำในเวลา อะไรสามารถทำนอกเวลาได้ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน รับรู้ว่างานมีปัญหาอะไร และจะพัฒนาการงานให้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดได้อย่างไร
2) มีใจ บุคลากรทุกคนที่อยู่ในวิทยาลัย ไม่ว่าจะอายุน้อยที่สุดหรืออายุมากที่สุด ทุกคนมีใจที่อยากพัฒนาวิทยาลัยของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
ไม่มีความเห็น