การปฏิบัติธรรม เป็นสิ่งที่ "ไร้สาระ?"


เจริญพรท่านคณบดี ท่านผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร เจ้าหน้า และนักศึกษายาบาล วิทยาลัยพยาบาลและสุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาทุก ๆ ท่าน

ข้าพเจ้าได้เขียนหนังสือฉบับนี้ขึ้นมาเพื่อเจริญพรขอบคุณในความเมตตาจากจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแรง ที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี ความเอื้ออารีย์ของท่านคณบดี คณาจารย์ บุคลากรทุก ๆ ท่าน ที่ได้เมตตาต่อสู้ ฟันฝ่า ร่วมกันสนับสนุนให้ได้เกิดได้มีโครงการปฏิบัติธรรม การเข้าค่ายธรรมะในทุก ๆ วัด ทุก ๆ สถานที่ ทุก ๆ ปีที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันจะไม่เอื้ออำนวยในการเดินทาง การรวมกลุ่ม เพราะสถานการณ์ “วิกฤตโรคระบาด” อันร้ายแรง รวมถึงข่าวสารต่าง ๆ ที่ทำให้เกิด “วิกฤตศรัทธา” ในวงการพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “วิกฤตทางทัศนคติ” ของผู้บริหาร ผู้ปกครอง นักศึกษา ที่เคยได้พานพบประมาจากไปวัดไปปฏิบัติธรรม  ทั้งที่ไปครอบครัว ไปกับหน่วยงาน หรือการจัดโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมในครั้งที่ผ่าน ๆ มา ทำให้เกิดทัศนคติอันเป็น “อคติ” ต่อพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมว่าเป็นสิ่งที่ “ไร้สาระ” คือ หาสาระอันจะเป็นแก่นเป็นสารไม่ได้อย่างแท้จริง

 

----------------------

ในประเด็นนี้ ต้องขอยอมรับจริง ๆ เลยว่า เป็นเรื่องจริงอย่างยิ่งเลยทีเดียว ว่าการปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา ตามที่เราทั้งหลายได้รับจากการศึกษา ทั้งการจัดการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน คือ ตามหลักสูตรวิชาจริยธรรมต่าง ๆ รวมถึงการเดินทางไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมนั้น เป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ หาความสุขบ่มีได้

เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ก็จะคอยบอกคอยสอนให้เราร้องขอ อ้อนวอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้ “รอคอยความสุข” ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถึงแม้ในหัวใจของผู้ปฏิบัติธรรม จะตะโกนร้องอยู่ในหัวใจในสมองตลอดเวลาว่า “มันจะไปมีความสุขได้อย่างไร ตอนนี้ยังทุกข์แทบตาย” หิวก็หิว ข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน ต้องมานั่งขัดสมาธิทั้งเมื่อย ทั้งเจ็บ ทั้งปวด ทุกข์เจียนตาย นี่น่ะหรือที่พระ ที่อาจารย์ ที่ผู้หลักผู้ใหญ่บอกเราว่า ทำไปเถอะ อนาคตจะมีความสุข

--------------------

สิ่งเหล่านี้นี่เอง เราได้ถูกปลูกฝังค่านิยมการรอคอยความสุขในอนาคตมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้งจากพ่อแม่ ผู้ปกครองที่มักบอกเด็ก ๆ ว่า ให้ตั้งใจเรียนนะ อนาคตจะมีความสุข
เมื่อจบชั้นประถม ก็ให้ขวนขวายหาโรงเรียนดี ๆ ให้ แม้จะเดินตื่นแต่ดึก ลุกแต่เช้าเดินทางไกลขนาดไหนก็บอกว่า ไปเถอะลูก อนาคตของลูกจะมีความสุข
ครั้นเมื่อจบมัธยม ก็เข็นให้ลูก ๆ ไปเรียนพิเศษ เพื่อจะได้สอบติดมหาวิทยาลัยในอนาคตที่ดี ๆ แล้วก็บอกกับลูกทุก ๆ วันว่า ถ้าเราได้เข้าเรียนในคณะที่ดี ๆ แล้วลูกจะมีความสุข 
ระหว่างเรียนถึงแม้นจะต้องห่างไกลลูก ทั้งจากการที่ส่งลูกไปเรียนในเมืองใหญ่ทั้งในภาคต่าง ๆ ของเมืองไทย หรือถ้าครอบครัวไหนที่มีกำลังก็จะส่งลูกไปเรียนในดินแดนที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไป แล้วก็บอกว่าให้ตั้งใจ ให้ตั้งใจ อนาคตนั้นไซร้ลูกจะมีความสุข
เมื่อเรียนจบมา ก็ต้องขวนขวายหางาน แล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน เพื่อหวังว่างานนั้นจะเปลี่ยนเป็นเงินตรา แล้วตีค่าว่านั้นคือความสุข
ถึงกระทั่งตอนนี้ หลาย ๆ คนก็ยังไม่พบความสุข ก็ตั้งเป้าไปอีกว่า คงต้องแต่งงานมีครอบครัวมั๊ง ถึงจะมีความสุข
เมื่อแต่งงาน เมื่อมีครอบครัวแล้วคงจะต้องมีลูกมั๊ง ถึงจะมีความสุข
เมื่อมีลูกแล้ว ก็คงจะต้องรอวันให้ลูกโต ช่วยเหลือตัวเองได้มั๊ง ถึงจะมีความสุข
เรื่อยไปจนถึงกระทั่งเราอายุมากขึ้น ความร่วงโรยราแห่งสังขารคืนคลานเข้ามาก็รอว่า วันไหนที่เกษียณอายุจากการทำงาน วันนั้นเราจะมีความสุข
ถึงแม้ขณะที่อายุกาลของชีวิตผ่านล่วงเลยไปกว่า 60 ปี หลาย ๆ ท่านก็ยังไม่พบความสุข
ก็นั่นไง ที่ศาสนาสอนไว้รอวันที่ตายไป เราจะได้มีความสุขในสวรรค์
ทำบุญทำทานเยอะ ๆ นะ เมื่อตายแล้วจะได้มีความสุข
ปฏิบัติธรรมเยอะ ๆ นะ เมื่อตายแล้วจะได้ไปสวรรค์
มันจะมีความสุขได้อย่างไร จะไปสวรรค์ได้อย่างไร เพราะในปัจจุบันนั้นเราทั้งหลายพากันตกนรกทั้งเป็น

--------------------

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นสิ่งที่จำเป็น ที่ข้าพเจ้าได้พยายามขอความเมตตาจากท่านคณบดี ผ่านทางทาง ดร.อุดมพร ดร.มัณฑนาวดี คุณแป้ง และทุก ๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ขอให้โอกาสนักศึกษาได้มาปฏิบัติธรรมที่นี่สักครั้ง ก่อนที่จะเรียนจบออกไป เพื่อจะได้เกิดทัศนคติดี ๆ อันจะเป็น “สัมมาทิฏฐิ” ที่จะใช้เป็นหลักการดำเนินชีวิตที่อุดมไปด้วยความสุขได้อย่างแท้จริง

เพราะการปฏิบัติธรรม สิ่งที่สำคัญนั้น เราจะต้องมีความเห็นถูกต้อง มีความเข้าใจถูกต้อง การประพฤติปฏิบัติของเราถึงจะถูกต้อง 
การที่จะทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิได้นั้น นักเรียน นักศึกษา ผู้ปฏิบัติธรรม จะต้องมาสัมผัสกับการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จิตใจของตัวผู้ปฏิบัติธรรมนั้นเอง

พระพุทธเจ้าท่านเน้นให้เราทุกคนอยู่กับปัจจุบัน มีความสุขกับปัจจุบันในทุก ๆ ขณะที่เราได้สัมผัส
ถ้าเราได้มีโอกาสได้มาปฏิบัติอย่างถูกต้อง เราก็จะได้สัมผัสกับความสุขอยู่ในทุกขณะ ทุกเวลา ทุกนาที ทุก ๆ วินาที

เมื่อการปฏิบัติธรรมนั้นมีความสุข เมื่อนั้น “สาระ” ก็จะเกิดขึ้นมาในจิตใจในของผู้ที่ได้สัมผัสกับความสุขนั้น

ความสุขจะเกิดขึ้นจากการที่เราจะต้องเป็นผู้ให้ เป็นผู้ที่เสียสละโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

ถ้าเราเข้าใจ จิตใจของเรานั้นเป็น “สัมมาทิฏฐิ” สิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทั้งที่จากพระเทศน์เรื่องศีลธรรม ทั้งจากที่ครูบาอาจารย์สอนเรื่องจริยธรรม สิ่งต่าง ๆ ที่นักศึกษาได้เคยฟังมาทั้งหมดนั้น ก็จะแปรเปลี่ยนจากสิ่งที่ “ไร้สาระ” กลับมาเป็นสิ่งที่เป็น “สาระ” เป็นแก่นเป็นสารได้อย่างแท้จริง

เพราะในปัจจุบันมนุษย์เราทั้งหลายวันมีความรู้เยอะ มีความรู้มาก อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีสารสนเทศน์ที่วิวัฒนาการเจริญก้าวหน้าไปไกล ทุก ๆ คนมีความรู้ แต่ทว่า “ทัศนคติ” ที่สะสมจนกลายเป็น “อคติ” นี้เอง เป็นตัวบดบัง ปิดกั้นความรู้เหล่านั้นไม่ให้หมุนเวียนเปลี่ยนตามกาล วิวัฒนาการขึ้นจนเป็นปัญญา

ถ้าหากเราสามารถทำลายกำแพงแห่งอคตินั้นได้แล้วไซร้ ความรู้ทางศาสนา ทุก ๆ ศาสนา ก็จะกลับกลายมาเป็นแก่น เป็นสาร เป็นสาระ ที่จะนำพาชีวิตของเราให้พบกับความสุขในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น ข้าพเจ้า ถึงได้เขียนหนังสือฉบับนี้มา เพื่อขอเจริญพรขอบพระคุณในความเมตตาอันมากมายมหาศาลของท่านคณบดี ท่านผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาทุก ๆ คนที่ได้เสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ งบประมาณในการจัดโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ รวมถึงโครงการผ่านมาในอดีต และโครงการที่จะเกิดมีเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อ “ศิษย์” ที่เราทั้งหลายรักดั่ง “ลูก” หวังให้เขาได้ดี คือ มีความสุขในทุก ๆ เวลา ทุก ๆ นาที รวมถึงความสุขที่จะเกิดขึ้นเกิดมีในหัวใจของเราเอง ที่ได้สร้างคุณงามความดี ฝากไว้ผืนแผ่นดินนี้ ด้วยการสร้างสัมมาทิฏฐิให้เกิดขึ้นในจิตในใจของคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักเรียน นักศึกษา เพื่อเป็นตัวอย่างแบบอย่างที่ดีที่ประเสริฐให้เกิดมีและเกิดขึ้นในสังคมไทย ตราบสิ้นกาลนาน


วันจันทร์ที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕

หมายเลขบันทึก: 700717เขียนเมื่อ 4 เมษายน 2022 09:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 เมษายน 2022 09:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท