GotoKnow

สมรรถนะอนาคต 5. ความพร้อมของอุดมศึกษา ต่อการพัฒนาสมรรถนะอนาคต

Prof. Vicharn Panich
เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2565 17:01 น. ()

 

บันทึกชุด สมรรถนะอนาคต นี้ ตีความจากหนังสือ Future Skills : The Future of Learning and Higher Education (2020) เขียนโดย Ulf-Daniel Ehlers  ศาสตราจารย์ด้าน Lifelong Learning and Educational Management  แห่ง University of Augsburg  เยอรมนี  และ University of Maryland สหรัฐอเมริกา   ผมเขียนบันทึกชุดนี้ เพื่อร่วมขบวนการขับเคลื่อนหลักสูตรฐานสมรรถนะให้แก่สังคมไทย    

บันทึกตอนนี้ตีความจาก Chapter A4 : Higher Education Readiness for Future Skills Adoption  

ข้อความที่เสนอ มาจากผลการวิจัย เพื่อตอบคำถามว่า ในปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาดำเนินการได้ดีแค่ไหน ในการเอื้อให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะอนาคตแก่ตนเอง    ซึ่งคำตอบที่ได้โดยสรุปคือ ยังทำได้ไม่ดี   

ผู้ให้ข้อมูลในการวิจัยเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ได้รับรายการของสมรรถนะอนาคต พร้อมทั้งคำอธิบายสมรรถนะแต่ละตัว (ดังในบันทึกที่ ๓)    ให้ “ผู้เชี่ยวชาญ” ตอบคำถาม ๒ ข้อคือ (๑) สมรรถนะอนาคตแต่ละตัวมีความสำคัญแค่ไหน  และ (๒) เวลานี้อุดมศึกษาเอื้อการพัฒนาสมรรถนะนั้นๆ ได้ดีแค่ไหน    โดยให้บอกระดับ ตั้งแต่ ๑ (ไม่สำคัญ  ไม่ได้ดำเนินการ) ไปจนถึง ๕ (สำคัญยิ่งยวด   ดำเนินการได้ดีเยี่ยม)   

ผลการวิจัยเสนอตามกลุ่มสมรถนะ ๓ กลุ่ม ดังนี้

 กลุ่มสมรรถนะเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง

ผลการวิจัยแสดงในแผนผังดังนี้

  

 

เขาศึกษาสมรรถนะ ๘ ตัวในกลุ่มนี้    ไม่ได้ศึกษาสมรรถนะเชิงจริยธรรม (ethical competence)   กราฟแท่งสีน้ำเงินเข้มแสดงระดับความสำคัญของสมรรถนะแต่ละตัว     กราฟแท่งสีฟ้า แสดงระดับความพร้อมของสถาบันอุดมศึกษาต่อการเอื้อให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะนั้นๆ    ตัวเลขแสดงค่าเฉลี่ย (mean)    ตัวเลขหลังเครื่องหมายสามเหลี่ยมแสดงค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อม    

จะเห็นว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” ๔๖ คน    ให้ความสำคัญสูง ต่อทุกสมรรถนะ    โดยมี ๔ สมรรถนะได้คะแนนความสำคัญเฉลี่ยสูงสุด คือ ความมุ่งมั่นส่วนตน (self-determination), สมรรถนะตัดสินใจ (decision competence), ความสามารถด้านการเรียนรู้ (learning literacy), และสมรรถนะสะท้อนคิด (reflective competence)    และค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อมก็สูงสุดในกลุ่มนี้ โดยมี ๒ สมรรถนะความมุ่งมั่นส่วนตน กับความสามารถด้านการเรียนรู้    

 

 

 กลุ่มสมรรถนะต่อผู้อื่นและต่อสิ่งของภายนอก

ผลการวิจัยแสดงในแผนผังดังนี้

เขาศึกษา ๓ สมรรถนะ คือ สมรรถนะเชิงระบบ (systems competence),   สมรรถนะด้านนวัตกรรม (innovation competence), และ สมรรถนะด้าน ดิจิทัล (digital competence)    ซึ่งก็ได้รับการจัดระดับความสำคัญโดยเฉลี่ยสูงทั้งสิ้น   และค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อมก็สูง   

ผมแปลกใจที่เขาไม่ศึกษา สมรรถนะด้านการคิดเชิงออกแบบ (design-thinking competence) ที่ผมคิดว่ามีความสำคัญมาก   

 

กลุ่มสมรรถนะต่อระบบที่มนุษย์สร้างขึ้น

ผลการวิจัยแสดงในแผนผังดังนี้

 

เขาศึกษาทั้ง ๔ สมรรถนะในหมวดนี้    โปรดสังเกตว่า สมรรถนะร่วมมือ (cooperation competence) ได้รับความสำคัญสูงสุดใน ๑๗ สมรรถนะ    และค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อมในสมรรถนะความร่วมมือนี้ ไม่สูงมากนัก           

 

ผู้ตอบแบบสอบถามย้ำว่า สถาบันอุดมศึกษาต่างสถาบันให้ความสำคัญและส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะอนาคตแตกต่างกัน  สถาบันต่างชนิดหรือต่างกลุ่มก็ส่งเสริมต่างกัน    และยังขึ้นกับโปรแกรมการเรียน  และสไตล์การสอนของอาจารย์    ซึ่งผมขอย้ำว่า หากจัดการเรียนรู้เชิงรุก (active learning) อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะอนาคตไปได้กว่าครึ่งของเป้าหมายในอุดมคติ   

ที่จริง ปัจจัยสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวนักศึกษาเอง ว่าความสามารถพัฒนาทักษะอนาคตให้แก่ตนเองขึ้นกับ อายุ  บุคลิก  และเจตคติ

มีผู้ทำวิจัยและรายงานออกมาในปี ๒๕๖๒ ว่ามี ๓ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดข้อด้อยของอุดมศึกษาต่อการบูรณาการการพัฒนาสมรรถนะอนาคตเข้าในกระบวนการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย  ได้แก่

  1. การเตรียมความพร้อมให้นักศึกษามีความคล่องแคล่วใน “ระบบนิเวศ การทำงานดิจิตัล” (digitized working environment)    ซึ่งหมายความว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาสร้างสมรรถนะอนาคตใส่ตัว    ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยยังเอาใจใส่ประเด็นนี้น้อยมาก
  2. ความร่วมมือจัดการศึกษาร่วมกับบริษัทธุรกิจเอกชน   ในเยอรมนีหนึ่งในสี่ของมหาวิทยาลัยจัดการศึกษาแนวนี้   และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น    ผมตีความว่า สมรรถนะอนาคตเกิดจากการเรียนรู้เชิงรุก ในสถานการณ์จริง
  3. สถาบันอุดมศึกษาต้องการนวัตกรรม และทรัพยากรที่หลากหลายมาก ในการทำหน้าที่เกื้อหนุนการพัฒนาสมรรถนะอนาคต  ได้แก่ การพัฒนาโปรแกรมการเรียนรู้ใหม่ๆ  การฒนาหลักสูตรที่มีอยู่แล้ว  การสอนสมรรถนะอนาคต  การพัฒนาภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ใหม่ๆ รวมทั้งพื้นที่นวัตกรรมแบบ agile (agile innovation space)    และการปรับเป้าหมายให้ครอบคลุมการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่คนทุกวัย        

ในภาพรวม หนังสือเล่มนี้สรุปว่าหลักการของอุดมศึกษาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันไม่สนองความต้องการเร่งด่วนของสังคม  (Current concepts of higher education do not meet the urgent needs of our societies.)   ขยายความได้ว่า อุดมศึกษาที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันยังไม่ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะอนาคตได้ดีพอ   

วิจารณ์ พานิช 

๓ มี.ค. ๖๕ 

        

สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ

ความเห็น

ยังไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท
ภาษาปิยะธอน (Piyathon)
เขียนโค้ดไพทอนได้ด้วยภาษาไทย