บันทึกชุด สมรรถนะอนาคต นี้ ตีความจากหนังสือ Future Skills : The Future of Learning and Higher Education (2020) เขียนโดย Ulf-Daniel Ehlers ศาสตราจารย์ด้าน Lifelong Learning and Educational Management แห่ง University of Augsburg เยอรมนี และ University of Maryland สหรัฐอเมริกา ผมเขียนบันทึกชุดนี้ เพื่อร่วมขบวนการขับเคลื่อนหลักสูตรฐานสมรรถนะให้แก่สังคมไทย
บันทึกตอนนี้ตีความจาก Chapter A4 : Higher Education Readiness for Future Skills Adoption
ข้อความที่เสนอ มาจากผลการวิจัย เพื่อตอบคำถามว่า ในปัจจุบันสถาบันอุดมศึกษาดำเนินการได้ดีแค่ไหน ในการเอื้อให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะอนาคตแก่ตนเอง ซึ่งคำตอบที่ได้โดยสรุปคือ ยังทำได้ไม่ดี
ผู้ให้ข้อมูลในการวิจัยเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ได้รับรายการของสมรรถนะอนาคต พร้อมทั้งคำอธิบายสมรรถนะแต่ละตัว (ดังในบันทึกที่ ๓) ให้ “ผู้เชี่ยวชาญ” ตอบคำถาม ๒ ข้อคือ (๑) สมรรถนะอนาคตแต่ละตัวมีความสำคัญแค่ไหน และ (๒) เวลานี้อุดมศึกษาเอื้อการพัฒนาสมรรถนะนั้นๆ ได้ดีแค่ไหน โดยให้บอกระดับ ตั้งแต่ ๑ (ไม่สำคัญ ไม่ได้ดำเนินการ) ไปจนถึง ๕ (สำคัญยิ่งยวด ดำเนินการได้ดีเยี่ยม)
ผลการวิจัยเสนอตามกลุ่มสมรถนะ ๓ กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มสมรรถนะเกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง
ผลการวิจัยแสดงในแผนผังดังนี้
เขาศึกษาสมรรถนะ ๘ ตัวในกลุ่มนี้ ไม่ได้ศึกษาสมรรถนะเชิงจริยธรรม (ethical competence) กราฟแท่งสีน้ำเงินเข้มแสดงระดับความสำคัญของสมรรถนะแต่ละตัว กราฟแท่งสีฟ้า แสดงระดับความพร้อมของสถาบันอุดมศึกษาต่อการเอื้อให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะนั้นๆ ตัวเลขแสดงค่าเฉลี่ย (mean) ตัวเลขหลังเครื่องหมายสามเหลี่ยมแสดงค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อม
จะเห็นว่า “ผู้เชี่ยวชาญ” ๔๖ คน ให้ความสำคัญสูง ต่อทุกสมรรถนะ โดยมี ๔ สมรรถนะได้คะแนนความสำคัญเฉลี่ยสูงสุด คือ ความมุ่งมั่นส่วนตน (self-determination), สมรรถนะตัดสินใจ (decision competence), ความสามารถด้านการเรียนรู้ (learning literacy), และสมรรถนะสะท้อนคิด (reflective competence) และค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อมก็สูงสุดในกลุ่มนี้ โดยมี ๒ สมรรถนะความมุ่งมั่นส่วนตน กับความสามารถด้านการเรียนรู้
กลุ่มสมรรถนะต่อผู้อื่นและต่อสิ่งของภายนอก
ผลการวิจัยแสดงในแผนผังดังนี้
เขาศึกษา ๓ สมรรถนะ คือ สมรรถนะเชิงระบบ (systems competence), สมรรถนะด้านนวัตกรรม (innovation competence), และ สมรรถนะด้าน ดิจิทัล (digital competence) ซึ่งก็ได้รับการจัดระดับความสำคัญโดยเฉลี่ยสูงทั้งสิ้น และค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อมก็สูง
ผมแปลกใจที่เขาไม่ศึกษา สมรรถนะด้านการคิดเชิงออกแบบ (design-thinking competence) ที่ผมคิดว่ามีความสำคัญมาก
กลุ่มสมรรถนะต่อระบบที่มนุษย์สร้างขึ้น
ผลการวิจัยแสดงในแผนผังดังนี้
เขาศึกษาทั้ง ๔ สมรรถนะในหมวดนี้ โปรดสังเกตว่า สมรรถนะร่วมมือ (cooperation competence) ได้รับความสำคัญสูงสุดใน ๑๗ สมรรถนะ และค่าความแตกต่างระหว่างค่าความสำคัญกับค่าความพร้อมในสมรรถนะความร่วมมือนี้ ไม่สูงมากนัก
ผู้ตอบแบบสอบถามย้ำว่า สถาบันอุดมศึกษาต่างสถาบันให้ความสำคัญและส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะอนาคตแตกต่างกัน สถาบันต่างชนิดหรือต่างกลุ่มก็ส่งเสริมต่างกัน และยังขึ้นกับโปรแกรมการเรียน และสไตล์การสอนของอาจารย์ ซึ่งผมขอย้ำว่า หากจัดการเรียนรู้เชิงรุก (active learning) อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะส่งเสริมการพัฒนาสมรรถนะอนาคตไปได้กว่าครึ่งของเป้าหมายในอุดมคติ
ที่จริง ปัจจัยสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวนักศึกษาเอง ว่าความสามารถพัฒนาทักษะอนาคตให้แก่ตนเองขึ้นกับ อายุ บุคลิก และเจตคติ
มีผู้ทำวิจัยและรายงานออกมาในปี ๒๕๖๒ ว่ามี ๓ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดข้อด้อยของอุดมศึกษาต่อการบูรณาการการพัฒนาสมรรถนะอนาคตเข้าในกระบวนการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัย ได้แก่
- การเตรียมความพร้อมให้นักศึกษามีความคล่องแคล่วใน “ระบบนิเวศ การทำงานดิจิตัล” (digitized working environment) ซึ่งหมายความว่า ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาสร้างสมรรถนะอนาคตใส่ตัว ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยยังเอาใจใส่ประเด็นนี้น้อยมาก
- ความร่วมมือจัดการศึกษาร่วมกับบริษัทธุรกิจเอกชน ในเยอรมนีหนึ่งในสี่ของมหาวิทยาลัยจัดการศึกษาแนวนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผมตีความว่า สมรรถนะอนาคตเกิดจากการเรียนรู้เชิงรุก ในสถานการณ์จริง
- สถาบันอุดมศึกษาต้องการนวัตกรรม และทรัพยากรที่หลากหลายมาก ในการทำหน้าที่เกื้อหนุนการพัฒนาสมรรถนะอนาคต ได้แก่ การพัฒนาโปรแกรมการเรียนรู้ใหม่ๆ การฒนาหลักสูตรที่มีอยู่แล้ว การสอนสมรรถนะอนาคต การพัฒนาภาพแวดล้อมของการเรียนรู้ใหม่ๆ รวมทั้งพื้นที่นวัตกรรมแบบ agile (agile innovation space) และการปรับเป้าหมายให้ครอบคลุมการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่คนทุกวัย
ในภาพรวม หนังสือเล่มนี้สรุปว่าหลักการของอุดมศึกษาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันไม่สนองความต้องการเร่งด่วนของสังคม (Current concepts of higher education do not meet the urgent needs of our societies.) ขยายความได้ว่า อุดมศึกษาที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันยังไม่ช่วยให้นักศึกษาพัฒนาสมรรถนะอนาคตได้ดีพอ
วิจารณ์ พานิช
๓ มี.ค. ๖๕