๑,๒๕๗ อย่าด่วนตัดสินใคร.....


  ผมพาเด็กเดินกลับมาขอโทษผู้ปกครองที่ห้องพักครู เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ผู้ปกครองเอื้อมมือมาจับมือเด็กและลูบหัวเบาๆ มีรอยยิ้มเล็กน้อยที่แสดงว่าไม่ติดใจเอาความแล้ว

          คงจะเป็นภาพจำของผมและเด็กไปอีกนาน สำหรับเด็กคงไม่เท่าไหร่ ไม่นานเขาก็จะลืม แต่สำหรับผม มันคือบทเรียนครั้งสำคัญ ที่จะนำไปสอนลูกสอนหลานและเตือนตัวเอง

          เรื่องแบบนี้.เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก พบเจอปีละครั้งสองครั้ง แล้วก็เงียบหายไป เพราะวัยและพัฒนาการของเด็กเติบโต มีความคิด มีจิตพิสัยที่สูงขึ้น

          แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ครูต้องตอบคำถามผู้ปกครอง ต้องแก้ปัญหาและหาคำตอบให้ได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นผู้กระทำ ถึงแม้รองเท้าผ้าใบจะหายไปเพียงข้างเดียว ก็ไม่ใช่เรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

          “ผมอยากทราบว่า เด็กคนไหนเอารองเท้าลูกผมไปซ่อน” ผู้ปกครองถามผมที่ห้องพักครู

          “เมื่อวานก็ช่วยกันค้นหาแล้ว แต่ไม่เจอครับ เดี๋ยวผมจะซื้อคู่ใหม่ให้น้องนะครับ” ผมตอบไม่ตรงคำถาม ทำให้ผู้ปกครองส่ายหน้า แสดงท่าทางแบบไม่ต้องการรองเท้าคู่ใหม่ แต่ต้องการพบเด็กที่เป็นต้นเหตุให้ลูกชายชั้นอนุบาล ๓ ของเขา เหลือรองเท้าผ้าใบเพียงข้างเดียว

          ผมจึงขอพบคุณครูประจำชั้นและเด็กอนุบาลทุกคนเพื่อซักถาม ใช้เวลาเพียง ๕ นาทีก็ได้คำตอบที่สุดแสนจะชื่นใจ “ใครเอารองเท้าของเพื่อนไปซ่อนให้ยกมือขึ้น”

          “ผมครับ.” เด็กชายตัวน้อยลูกหลานชาวพม่ายกมือขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ

          ผมเข้าไปสวมกอด เพื่อให้เด็กอุ่นใจว่าครูจะไม่ทำโทษ แต่หัวใจครูรู้สึกขอบคุณที่เธอแสดงออกซึ่งความกล้าหาญต่อหน้าผู้ปกครองที่กำลังเคร่งเครียด “พาครูไปดูซิ เธอซ่อนไว้ตรงไหน”

          จากนั้น..การค้นหารองเท้าก็เริ่มขึ้น ในสวนหย่อมและพงหญ้าหน้าห้องอนุบาล ผ่านไป ๓๐ นาที ไม่มีทีท่าว่าจะเจอ ทั้งที่เด็กก็ยืนยันว่าโยนเข้าไปตรงนั้นจริงๆ

          ผมพาเด็กเดินกลับมาขอโทษผู้ปกครองที่ห้องพักครู เด็กน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ผู้ปกครองเอื้อมมือมาจับมือเด็กและลูบหัวเบาๆ มีรอยยิ้มเล็กน้อยที่แสดงว่าไม่ติดใจเอาความแล้ว

          “ทำไมหนูต้องโยนรองเท้าเพื่อนเข้าไปในดงไม้ล่ะครับ” ผมถามเด็กพม่าผู้น่ารักของผม หลังจากที่ผู้ปกครองกลับไปแล้ว “ผมล้อเล่นครับ”

          “เด็กคนนี้ เป็นเด็กดีนะคะผอ. เขาเคยทำแบบนี้ แต่พอหนูบอก เขาก็เชื่อฟัง ที่เขายกมืออาจหมายถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยทำมาก่อนก็ได้นะคะ” ครูประจำชั้นให้เหตุผลที่น่าฟังทีเดียว

          ผอ.ก็ไม่อยากเชื่อว่าเป็นความผิดของหนูเพราะมันไม่เจอหลักฐาน ถึงแม้หนูจะสารภาพแต่ครูก็ไม่อาจตัดสินใจ ว่าหนูเป็นผู้กระทำผิด ที่คิดแกล้งเพื่อน จนเพื่อนได้รับความเสียหาย ครูขอรอดูกล้องวงจรปิดก่อน ทั้งหมด ๘ ตัวที่ติดอยู่รอบอาคารอนุบาล อาจจะมีคำตอบให้ครูก็ได้

          “ผอ.คะ..เจอรองเท้าน้องแล้วค่ะ เจ้าด่างคาบไปทิ้งที่กลางสนาม” ครูธุรการมารายงานผม

          “รู้ได้ไงว่าเป็นฝีมือเจ้าด่าง” ผมถาม “ในกล้องวงจรปิดค่ะ น้องเขาไม่ได้วางรองเท้าที่ชั้นวาง เจ้าด่างเลยคาบไปเล่น ตอนนี้โทรบอกผู้ปกครองแล้วค่ะ”

          ครับ..ครูอย่าด่วนตัดสินใคร ถ้ายังไม่ได้ดูกล้องวงจรปิด...ผมบอกตัวเองแบบนี้จริงๆ

ชยันต์ เพชรศรีจันทร์

๑๐  กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

          

           

           

หมายเลขบันทึก: 697597เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2022 21:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2022 21:55 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท