I made a note from reading เมื่อโควิดทำให้แรงงานย้ายกลับ ชนบทครั้งใหญ่ที่สุดใน 20 ปี <[https://www.thaipost.net/columnist-people/66582/]>
คุณวิรไท สันติประภพ (อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)[พูดในฐานะกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริในงานเสวนาออนไลน์ “อยู่รอด และยั่งยืน หลังโควิด” ภายใต้หัวข้อ “ใครจะอยู่รอดในสังคม แล้วจะอยู่รอดอย่างไรที่ยั่งยืน”]บอกว่า วิกฤตโรคระบาดโควิดคราวนี้ได้ผลักแรงงานเคลื่อนย้ายกลับชนบทหลายล้านคนครั้งแรกในรอบ 20 ปี ท่านแนะนำให้ผู้บริหารประเทศเอาจริงเอาจังกับการกระจายอำนาจกลับไปสู่ท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนเพิ่มศักยภาพของการสร้างชีวิตใหม่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
เหตุการณ์เช่นนี้ตรงกันข้ามกับช่วงที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี พ.ศ.2540 เพราะครั้งนั้นเกิดการย้ายถิ่นของแรงงานจากชนบทเข้าเมืองจำนวนมาก ผลที่ตามมาคือภาคชนบทอ่อนแอลง เพราะผู้คนทิ้งบ้านช่องเข้ากรุง และเพราะกระแสช่วงนั้นทำให้เหลือเพียงแรงงานผู้สูงอายุและเด็ก ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพต่ำ เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้สูงระหว่างเมืองหลักและเมืองรอง
Not very often, we get really lucky and get free tips from experts in affairs at national level. This is very useful information for planning. Local [government] administrations should conduct surveys [in conjunction with local educational institutes] to list numbers, skills, industries (vacancy and employment), and so on. Increase in population bring in a number issues that need careful management. (Unemployment or underemployment can lead to alcohol abuses, domestic conflicts, petty crimes,…)
We should be thinking about this and see if we can turn the situation into positive and energizing impacts. At the very least we should be giving support to our ‘national informers’.
Notes. แรงงานย้ายกลับ : returned/repatriated [labour], or in short ‘repat’, sometimes ‘expat’; แรงงานกลับคื่นถิ่น แรงงานคื่นถิ่น แรงงานกลับภูมิลำเนาเดิม
ไม่มีความเห็น