เวลาทำบุญอุทิศให้ ญาติเหล่านั้นได้รับไหม


  

        หลายคนมีคำถามว่าบุญที่เราตั้งใจทำเพื่ออุทิศให้ญาติมิตรที่ตายไปแล้วนั้นจะไปถึงพวกเขาเหล่านั้นหรือไม่ จึงอยากให้ฟังเรื่องนี้คือ

            วันหนึ่งพระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปถวายอาหารแด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ที่วัดเชตวัน เมื่อเสด็จกลับมาที่พระราชวัง คืนนั้นพระองค์ได้ยินเสียงคล้ายเสียงร้องของคนเป็นจำนวนมากที่หน้าต่าง มองออกไปเห็นเปรตหลายตนส่งเสียงกรีดร้องและจ้องมองมาที่พระองค์ด้วยความโกรธ พระองค์ตกใจและหวาดกลัวจนนอนไม่หลับ

            รุ่งเช้าพระองค์จึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าและทูลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พระพุทธเจ้าตรัสบอกว่า เปรตเหล่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นญาติของพระองค์ในอดีตชาตินั่นเอง พวกเขารอพระองค์มาหลายชาติแล้ว รอคอยว่าเมื่อไหร่พระองค์จะทำบุญแล้วจะอุทิศให้แก่พวกเขา แต่เมื่อวานหลังจากที่พระองค์ถวายอาหารแด่พระภิกษุแล้ว พระองคไม่ได้อุทิศให้แก่พวกเขา พวกเขาจึงพากันมาและส่งเสียงร้องด้วยความโกรธ

             พระเจ้าพิมพิสารจึงทูลขอพระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟัง พระพุทธเจ้าจึงตรัสเล่าให้ฟังว่า  

              ครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสารเกิดเป็นชายหนุ่มมีหน้าที่เป็นมหาดเล็กในพระราชวัง เป็นคนมีศีล มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และพระราชาเมืองนั้นก็มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า(ในอดีต)เช่นเดียวกัน จึงให้มหาดเล็กคนนี้ทำหน้าที่พิเศษคือเป็นคนเบิกพระคลังเพื่อจัดเตรียมอาหารถวายพระสงฆ์ทุกวันๆละ500รูป มหาดเล็กทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจและซื่อสัตย์ ขณะเดียวกันก็ขอนุญาติไปเอาบรรดาญาติพี่น้องมาช่วยกันทำงานนี้  

             งานนี้ตอนแรกก็ไปได้ดีแต่ต่อมาญาติๆของมหาดเล็กเริ่มมีการทุจริต เบียดบังแอบเอาของที่เขาจะถวายสงฆ์กลับบ้านบ้าง ทำจนเป็นปรกติ ซึ่งมหาดเล็กไม่เคยทราบเรื่องนี้เลย เมื่อกาลเวลาล่วงผ่านเลยไป ต่างคนต่างก็สิ้นชีวิตกันไป 

            มหาดเล็กได้ไปเกิดบนสวรรค์แต่ญาติเหล่านั้นมาเกิดเป็นเปรต มีความทุกข์หิวโหยตลอดเวลา และรู้ว่าคนที่จะช่วยทำบุญอุทิศให้ได้มีคนเดียวคือมหาดเล็กคนนี้เท่านั้น เปรตเหล่านั้นก็รอจนกระทั่งมหาดเล็กจุติจากสวรรค์มาเกิดเป็นพระเจ้าพิมพิสาร  ดังนั้นการที่พระองค์ไม่อุทิศบุญให้ญาติเหล่านั้น พวกเขาจึงผิดหวังและไม่พอใจเป็นอันมาก  

              ในวันรุ่งขึ้นพระเจ้าพิมพิสารจึงทำบุญใหม่อีกครั้งและตรวจน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ด้วยคำว่า  “อิทัง  โน  ญาตีนัง  โหตุ”  แปลว่า  "ขอกุศลผลบุญครั้งนี้จงไปถึงญาติพี่น้องของข้าพเจ้าด้วย

เทอญ" เปรตเหล่านั้นเมื่อได้ทำจิตให้อนุโมทนาเลื่อมใส รับบุญกุศลนั้นแล้ว ทำให้ได้ร่างกายใหม่เป็นร่างกายที่ผ่องใส อิ่มเอิบ พ้นจากความทุกข์ความหิวโหยได้ 

            ดังนั้นเรื่องนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า ทำบุญแล้วจะถึงผู้ตายหรือไม่ สรุปได้ว่าเหตุที่จะให้บุญไปถึงผู้ตายนั้นผู้ตายอยู่ในฐานะที่รับบุญได้ คือรับรู้ว่ามีผู้ทำบุญให้ และมีจิตอนุโมทนาในบุญนั้น 

               และบุญสำเร็จแล้วที่ใจคือเจตนาอุทิศส่วนบุญ จะเป็นภาษาไทยหรือภาษาบาลีก็ใช้ได้เหมือนกันแต่ขอให้ระบุว่าอุทิศให้ใคร ส่วนการกรวดน้ำนั้นเป็นพิธีกรรมที่ทำให้ผู้อุทิศมีสมาธิแน่วแน่ยิ่งขึ้นเท่านั้นเองซึ่งหากไม่สามารถทำได้ก็ไม่เป็นไร  

(ภาพโดย ครูเหม เวชกร จากสมุดภาพ พุทธประวัติ https://84000.org/tipitaka/picture/f00.html)

 

 

 

 

 

 

 

 

   
หมายเลขบันทึก: 696051เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2022 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม 2022 14:55 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท