๑,๒๔๔ ให้ “การอ่าน” เป็นวาระสำคัญของชีวิต


  ผมสอน “การอ่าน”ทุกวัน สอนจนรู้สึกว่าตัวเองเก่ง คือเชี่ยวชาญว่างั้นเถอะ เรื่องบริหารก็พอไปได้เรื่อยๆ ที่เหนื่อยมากมายแต่มีความสุขเหลือเกิน คือสอนแล้วเด็กอ่านได้เขียนได้

          ผมไม่รอให้ สพฐ.ศธ.สั่งการเป็นนโยบายให้ “การอ่าน” เป็นวาระสำคัญของชาติ เพราะมันน่าจะไม่ทันการเสียแล้ว อันเนื่องมาจากปิดเรียนมานานเกินและการสอนแบบ ONLINE และONHAND ที่ผ่านมาไม่ได้บังเกิดผลดีแต่ประการใด

          อย่าได้ปฏิเสธความเป็นจริงกันเลย เป็นภาพรวมของข้อมูลจริงๆ ที่ไม่มีใครกล้าพูดว่า”ล้มเหลว” แต่ก็มีความสำเร็จอย่างยิ่งยวด ที่มีเพียงประการเดียวคือ การปิดเรียน ช่วยลดความสุ่มเสี่ยงต่อมหันตภัยโควิด ทำให้ชีวิตนักเรียนและผู้ปกครองอยู่รอดปลอดภัย

          ซึ่งก็มากพอ...ที่เราจะเข้มแข็ง เดินหน้าเพื่อการเรียนรู้ไปด้วยกัน

          อนาคตอันใกล้ ไม่ต้องคาดเดา ไม่ต้องวิจัย..การศึกษาขั้นพื้นฐานจะมากมายไปด้วยเยาวชนของชาติที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เพราะมีโรงเรียนหลายพันโรงที่ยังปิดเรียนด้วยความหวาดกลัว

          แต่โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่เปิดแล้ว รวมทั้งโรงเรียนบ้านหนองผือซี่งเปิดได้เดือนกว่า ต้นสังกัดให้นโยบายการเรียนการสอนแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ให้จริงจังระวังเรื่องโควิดให้มาก

          ผมรับทราบและปฏิบัติทันที บอกครูให้บูรณาการเนื้อหาวิชา แต่ต้องเร่งรัดและจริงจังตั้งใจในการสอน “ภาษาไทย”มากที่สุด โดยเฉพาะการอ่านและการเขียน

          เพื่อลด “ปมด้อย”นักเรียนทุกชั้น และลดปัญหาเมื่อนักเรียนเลื่อนชั้นขึ้นไปในปีการศึกษาหน้า “ คุณภาพ”อาจไม่ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่เวลาที่เหลือก็มากพอที่จะทำให้หนักเป็นเบา...

          ผมลงมือทำแล้ว เริ่มจากปรับปรุงบรรยากาศภายในห้องสมุด จะใช้เป็นสถานที่จุดประกาย”การอ่าน”อย่างต่อเนื่อง และตั้งใจว่าจะใช้ห้องสมุดให้สมประโยชน์และคุ้มค่ากว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะเมื่อคิดไปข้างหน้า เหลือเวลาการสอนอีก ๒๑ เดือนเท่านั้น

          ไม่เคยสงสัยเลยว่าทำไม ผอ.ต้องสอน..แต่หลายคนแปลกใจ ต้องอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนเล็กๆ ถ้าเราลงมาช่วยอีกคน ไม่มีหรอกที่เด็กจะอ่านไม่ได้ เด็กทุกคนมีแรงจูงใจที่จะอ่านหนังสือให้ผอ.รร.ฟังทั้งนั้น

          ที่สำคัญ...ผอ.รร.แทบจะทุกคน จบปริญญาตรีด้านการสอนมา เพิ่งจะมีดีกรี ป.โท ป.เอก ในภายหลัง...จึงไม่มีใครสอนไม่เป็น ยกเว้นโรงเรียนที่มีความพร้อม ผอ.อาจไม่ต้องสอนก็ได้

          ผมสอน “การอ่าน”ทุกวัน สอนจนรู้สึกว่าตัวเองเก่ง คือเชี่ยวชาญว่างั้นเถอะ เรื่องบริหารก็พอไปได้เรื่อยๆ ที่เหนื่อยมากมายแต่มีความสุขเหลือเกิน คือสอนแล้วเด็กอ่านได้เขียนได้

          ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมรู้พื้นฐานการอ่านของเด็ก ป.๑ – ป.๓ ทุกคน พยายามแก้ปัญหาไปทีละคน เริ่มจากสะกดตัวผสมคำ พูดคุยซักถามเพื่อให้นักเรียนรู้ความหมาย ที่อ่านได้คล่องก็ให้อ่านเป็นคำ อ่านเรื่องราว การให้นักเรียนอ่านหนังสือทุกวัน เด็กจะติดเป็นนิสัย จนไปถึงขนาด”รักการอ่าน” ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ

          ทุกวันนี้...รู้แล้วว่า เด็กของผมร้อยละ ๘๐ อ่านได้ ในจำนวนนี้มีถึงร้อยละ ๕๐ ที่อ่านคล่อง ผมจึงต้องทำเรื่องนี้ต่อไป ให้เป็นวาระสำคัญชองชีวิต เพื่อเป็นอานิสงส์หรือบุญบารมีติดตัว เพราะการทำให้คนรู้หนังสือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่นัก...ถึงจะเป็นงานที่หนัก..แต่ผมก็สู้ ครับ 

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๔  ธันวาคม  ๒๕๖๔

หมายเลขบันทึก: 694165เขียนเมื่อ 14 ธันวาคม 2021 22:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม 2021 22:23 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท