หนังสือ The Practice of Adaptive Leadership : Tools and Tactics for Changing Your Organization and the World (2009) อ่านง่าย และเขียนแนะนำภาคปฏิบัติดีมาก มีทั้งหมด ๒๓ บทสั้นๆ สำหรับให้ผู้อ่านใช้ฝึกฝนตนเอง โดยแบ่งออกเป็น ๕ ส่วน คือ (๑) ความมุ่งหมายสูงส่ง และความเป็นไปได้ (๒) วินิจฉัยระบบ (๓) ขับเคลื่อนระบบ (๔) มองตนเองคล้ายเป็นระบบ (๕) ใช้งานตนเอง
คำหลักในที่นี้คือ แนวปรับตัว (adaptive) ภาวะผู้นำแนวปรับตัว (adaptive leadership) ใช้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตามธรรมชาติเป็นพลัง
ความมุ่งหมายสูงส่ง และความเป็นไปได้ จงมีเป้าหมายสูงส่ง (purpose) และหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อย่ารีบร้อนตัดสินใจดำเนินการ ให้หาทางเลือกหลายๆ ทาง และสนุกกับการตัดสินใจเลือก
วินิจฉัยระบบ นี่คือการทำความเข้าใจระบบที่ซับซ้อนและปรับตัวที่กำลังเผชิญ เช่นมิติด้านวัฒนธรรมองค์กร การเมืองภายในองค์กร มิติด้านพฤติกรรมของพนักงาน (๑. หลักการกับการปฏิบัติไม่ตรงกัน ๒. ภารกิจที่ขัดกัน หรือแย่งชิงเวลาและความพยายามซึ่งกันและกัน ๓. สมาชิกกล้าพูดสิ่งที่เป็นความจริงแต่แสลงใจคนหรือไม่ ๔. การหลบเลี่ยงงานบางอย่าง) ส่วนนี้คล้ายๆ การเก็บข้อมูล
ผมมีความเห็นว่า นอกจากวินิจฉัยระบบภายในองค์กรแล้ว ต้องวินิจฉัย “ภูมิประเทศ” ภายนอกองค์กรทั้งในปัจจุบันและอนาคต ด้วย
ขับเคลื่อนระบบ นี่คือส่วนปฏิบัติการ ที่เริ่มจากการตีความข้อมูลที่เก็บได้ ตีความหลายๆ แบบ เพื่อไม่ตกหลุมการด่วนสรุป รวมทั้งมีการปรึกษาทีมงาน เมื่อลงมือดำเนินการก็จัดให้มีการเก็บข้อมูลเพื่อเป็น feedback loop ให้ใคร่ครวญสะท้อนคิด และปรับตัว และต้องไม่ลืมมิติเชิงการเมือง หรือการดำเนินการอย่างมีชั้นเชิงในเรื่องปฏิสัมพันธ์กับฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะฝ่ายต้าน หรือไม่เห็นด้วย ต้องรับฟังทั้งฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายไม่เห็นด้วย
สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ การใช้พลังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) มาร่วมขับเคลื่อน
มองตนเองคล้ายเป็นระบบ นี่คือการทำความเข้าใจตนเอง เข้าใจบทบาทของตนเอง เข้าใจตนเองจากมุมมองของคนอื่น เพื่อทำให้เป้าหมายที่สูงส่งของตนเองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ชัดเจนยิ่งขึ้น สื่อสารออกไปได้อย่างมีพลังยิ่งขึ้น
ใช้งานตนเอง ใช้พลังของเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ดำเนินการเพื่อเป้าหมายนั้น กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง กล้าทดลองโดยไม่กลัวล้มเหลว เพื่อเรียนรู้และปรับตัว กล้าเผยจุดอ่อนของตนเอง และสร้างพื้นที่และเครือข่ายเพื่อการบรรลุอุดมการณ์ของเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
บันทึกนี้ และบันทึกที่จะลงใน blog ThaiKM ในวันศุกร์ทุกศุกร์ต่อจากนี้ไปอีกหลายเดือน จะเป็นบันทึกจากการฝึกเขียนจาก critical reflection จากการอ่านหนังสือแบบอ่านเร็ว ใช้เฉพาะหัวข้อ และ keywords ในหนังสือ เป็นตัวกระตุ้น ไม่ได้อ่านสาระในหนังสือโดยละเอียด เพราะมีหนังสือให้อ่านจำนวนมาก
ขอขอบคุณ นพ. เนตร รามแก้ว ที่กรุณาส่งหนังสือมาให้จากเยอรมนี
วิจารณ์ พานิช
๕ ต.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น