[review] รีวิว The 8th Night (2021 Netflix)


[review] รีวิว The 8th Night (2021 Netflix) หนังระทึกขวัญสยองขวัญ แนวปรัชญาศาสนาจากเกาหลีใต้ ที่จะมาถามคำถามกับเราว่าอะไรกันแน่คือความหมายของคำว่านรก - สวรรค์ ซึ่งถ้าใครชอบหนังแนวปราบผีจากยุค 80 ถึง 90 เชื่อว่าจะชอบหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ดูคลิปรีวิวได้ที่นี่
 

The 8th Night หนังเล่าเรื่องราวของศาสตราจารย์คิม จุนชอลนักโบราณคดีชาว้กาหลีใต้ ที่ใช้ชีวิตไล่ล่าตำนานผอบที่ชายแดนอินเดียและปากีสถาน กว่ากันว่าเป็นที่พระพุทธเจ้าได้ขังบางสิ่งบางอย่างที่ชั่วร้ายเอาไว้เมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้ว ซึ่งหากเขาค้นพบเขาก็จะพิสูจน์ให้โลกรับรู้ว่าตำนานที่กล่าวไว้ในวิชรสูตรที่เก็บซ่อนไว้นั้นเป็นเรื่องจริง

ตำนานกล่าวว่า

"กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อ 2500 ปีก่อน ปีศาจตนหนึ่งเกลียดชังมนุษย์ จึงทำการเปิดประตูนรก เพื่อต้องการมอบความเจ็บปวดแสนสาหัสให้กับมนุษย์ แต่พระพุทธเจ้า ได้ปรากฏกายต่อหน้าเจ้าปีศาจนั้น แล้วก็ควักเอาดวงตาสีเลือดข้าง และดวงตาสีนิลอีกข้างหนึ่ง อันเป็นแหล่งพลังของเจ้าปีศาจร้ายนั้นออก แต่เจ้าดวงตาทั้งสองก็พยายามหนีห่างจากพระพุทธองค์ ไม่นานนักเจ้าดวงตาสีนิลก็ถูกจับมาอยู่ในพระหัตถ์ของพระพุทธองค์อีกครั้ง แล้วก็ขังมันไว้ในกล่องสรีรธาตุ แต่เจ้าดวงตาสีเลือดนั้นกลับหนีออกไปได้ ด้วยการซ่อนอยู่ในร่างของคนเป็นเวลา 7 วัน เมื่อถึงค่ำคืนของวันที่ 8 ดวงตาสีเลือดก็หยุดหนีแล้วหันหลังกลับมาดู โดยคิดว่าตนเองหนีมาไกลมากพอแล้ว แต่เมื่อหันหลังกลับไปดูก็พบว่า หนทางที่คิดว่ายาวไกลนั้นเป็นเพียงแค่สะพานหิน 8 ก้อนที่เรียงกันในลำธารสายเล็กๆ แคบ ๆเท่านั้น ดวงตาสีเลือดตระหนักว่าไม่อาจจะหนีจากอำนาจของพระพุทธเจ้าได้ จึงเสเเสร้งยอมจำนน แล้วถูกจับขังไว้ในกล่องสรีระธาตุอีก 1 กล่อง พระพุทธเจ้าได้นำดวงตาที่ถูกผนึกทั้งสอง ข้างหนึ่งนำไปไว้ที่ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ฝั่งตะวันตก อีกข้างหนึ่งนำไปไว้ที่หน้าผาสูงชันฝั่งตะวันออก แล้วส่งตรัสแก่สาวกของพระองค์ว่าอย่าให้ดวงตาทั้งสองกลับมาพบกันอีก และนี่คือโชคชะตาของพวกเจ้า"

ซึ่งจากการค้นหามาอย่างยาวนาน ในทะเลทรายของชายแดนอินเดียปากีสถานนั่นเอง เขาก็พบผอบหนึ่งจนได้ และเมื่อข่าวการค้นพบกับประโคมออกไป ก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบโบราณวัตถุชิ้นนี้ รวมถึงการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์โดยใช้คาร์บอน 14 ด้วย กลับกลายเป็นว่า โบราณวัตถุชิ้นนี้มีอายุไม่ถึง 2,500 จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กลายเป็นว่าศาสตราจารย์คิม จุนชอล เป็นคนปลอมแปลงโบราณวัตถุชิ้นนี้ขึ้นมาเอง หลังจากนั้นชีวิตของศาสตราจารย์คิมก็ตกต่ำไร้ความเชื่อถือ แต่กระนั้นเขาก็ยังหาทางพิสูจน์ว่าตำนานและผอบที่เขาค้นพบนั้นคือของจริง

จนเหตุการณ์ผ่านไป 14 ปีก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นคือพระจันทร์กลายเป็นสีแดงเลือด ศาสตราจารย์คิมก็ได้อ่านจารึกที่เจอพร้อมกับผอบ แล้วก็ประกอบพิธีกรรมปลุกเสกดวงตาปีศาจสีเลือด เพื่อหวังว่าหากประกอบพิธีเสร็จประตูนรกก็จะเปิดออก แล้วผู้คนก็จะกลับมาเชื่อว่าศาสตราจารย์คิมไม่ได้ปลอมแปลงโบราณวัตถุตามตำนานในพระพุทธศาสนา และในท้ายที่สุด ในช่วงที่กำลังจะท้อแท้และสิ้นหวัง ศาสตราจารย์คิม ทำการทดลองครั้งสุดท้าย และก่อนที่เขาจะปิดชีวิตตัวเอง ดวงตาสีเลือดก็ปรากฏขึ้น

ที่วัดแห่งหนึ่งบนภูเขา ฮาจอง พระสงฆ์ชรารูปหนึ่งก็ได้รับรู้ถึงเรื่องราวเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น ท่านคือผู้ที่สืบทอด ป้องกันไม่ให้ดวงตาปีศาจทั้งสองออกมาพบกันแต่โชคร้ายที่ท่านรู้ตัวว่าใกล้จะมรณภาพ จึงสั่งให้ จองซอก ศิษย์เอก พระหนุ่มผู้ใสซื้อบริสุทธิ ผู้บำเพ็ญตนด้วยการนิ่งเงียบ ๆ  ไปตามหาตัวพระสงฆ์รูปหนึ่งชื่อว่า ซอนฮวา ที่ออกจากวัดไปนานแล้วไปทำอาชีพก่อสร้าง มารับหน้าที่สืบทอดภาระที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นถึง 2500 ปีต่อจากท่าน ในการป้องกันไม่ให้ดวงตาปีศาจสีเลือดเดินทางไปหาดวงตาสีนิล

ในเมืองหนึ่งเกิดเหตุการณ์ตายปริศนาในโรงแรมแห่งหนึ่ง สภาพศพนั้นเป็นศพของชายคน 2 ที่แห้งกรัง ราวกับว่าตายมาหลายวันแล้ว แต่แท้จริงพึ่งตายได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง สืบไปสืบมาก็พบว่าหนึ่งในชายคนนี้ เปิดห้องพักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ส่วนหญิงสาวได้หายไป จะอีก 1 วันต่อมาก็พบว่า มีคนพบศพหญิงสาวคนนี้ในสภาพศพที่เป็นเหมือนกับชายคนนั้น คือสภาพหอมสดที่แห้งกรัง ที่กะโหลกศีรษะเป็นรู นอกจากทั้ง 2 ศพแล้วก็ยังมีอีกหลายศพที่มีสภาพเช่นเดียวกัน ซึ่งทางตำรวจเองก็มืดแปดด้านไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วใครคือฆาตกร

เมื่อจองซอกเดินทางมาพบกับซอนฮวา แล้วก็แจ้งเจตจำนงที่ท่านอาจารย์ฮาจองบอกว่าปีศาจกลับมาแล้วซอนฮวาก็รับหน้าที่นั้นแต่โดยดี

ซอนฮวา ได้เล่าเรื่องตำนานที่เหลือค้างให้กับจองซอกฟังว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าขังดวงตาปีศาจเอาไว้และจับแยกกันคนละที่ ท่านก็ได้มอบหมายให้ นักเดินทาง 2 คนเฝ้าดวงตาปีศาจสีเลือดที่ผนึกไว้ในทะเลทราย ส่วนดวงตาสีนิลได้มอบหมายให้นักบวชคนหนึ่งและหญิงสาวพรหมจรรย์เป็นผู้เฝ้าไว้

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ดวงตาปีศาจสีเลือดหลุดออกมาได้ มันจะเดินทางออกตามหาดวงตาปีศาจสีนิลที่เหลืออีกข้าง ดูวิธีการเดินข้ามก้อนหินทั้ง 8 และเมื่อเดินข้ามก้อนหินก้อนที่ 8 ได้ ดวงตาปีศาจทั้งสองก็จะพบกัน และเป็นการเปิดประตูนรกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซอนฮวา อธิบายเพิ่มเติมว่าหินทั้ง 8 ก้อนนั้นก็คือชีวิตของคน 8 คน ซึ่งคนที่ตายด้วยเหตุปริศนาก่อนหน้านี้ ก็คือหินแต่ละก้อนที่เจ้าดวงตาปีศาจนั้นข้ามไปนั่นเอง  ส่วนหินก้อนที่ 8 นั้นก็คือหญิงสาวพรหมจรรย์ ดังนั้นหน้าที่ของซอนฮวาคือ จัดการหินก้อนที่ 8 ไปซะ ดวงตาสีเลือดก็จะได้ไม่ข้ามหินทั้ง 8 ก้อนได้ และหิน 8 ก้อนก็เปรียบเทียบได้กับช่วงเวลา 8 วันที่ปีศาจจะกลับคืนมา

เรื่องราวการหยุดยั้งอำนาจของปีศาจดวงตาสีเลือดของซอนฮวา อดีตพระรูปผันตัวเองมาเป็นคนธรรมดา กับจองซอก พระหนุ่มผู้มีจิตใจใส่ซื่อบริสุทธิ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร ทั้งสองจะหยุดยั้งเจ้าปีศาจตาสีเลือดได้หรือไม่ รวมถึงนายตำรวจผู้จริงจังกับการสืบคดีการตายปริศนา จะมีส่วนกับเรื่องราวเลวร้ายนี้ได้อย่างไร โปรดติดตามรับชมได้ทางเน็ตฟลิกต่อเลยนะครับ

ต่อจากนี้ไปก็จะเป็นการรีวิวไปพร้อม ๆ กับการเปิดเผยเนื้อหาของเรื่อง ถึงจ้าใครยังไม่ได้ชมก็ขอให้แนะนำไปชมหนังมาก่อนก็ได้นะครับ จะได้ไม่เสียอรรถรสในการรับชม ถ้าใครพร้อมแล้วก็ไปต่อได้เลยครับ

The 8th Night เป็นหนังระทึกขวัญสยองขวัญ แนวปรัชญาพุทธศาสนามหายานจากเกาหลีใต้ ที่ว่าด้วยอำนาจของปีศาจที่ต้องการจะสร้างความวุ่นวายให้แก่โลก แต่ก็ต้องมาพ่ายแพ้ต่ออำนาจของพระพุทธเจ้า ซึ่งในที่นี้ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถตีความได้ว่า หนังเขาต้องการจะนำเสนอในประเด็น ธรรมะย่อมชนะอธรรม หรือธรรมะชนะมารได้ หรือธรรมะสามารถขจัดความโง่เขลากิเลสตัณหาได้นั้น ซึ่งหนังเขาก็นำเสนอประเด็นนี้ออกมาได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่ต้องตีความมากมายให้วุ่นวายอะไรนักและก็ถือว่าทำได้ดี

หากมาลองพิจารณาหนังแนวนี้ สำหรับประเทศเกาหลีนั้นผมคิดออกได้อยู่เรื่องหนึ่งก็คือ Svaha: The Sixth Finger (2019) สวาหะศรัทธามืด ที่เขาสามารถนำปรัชญากับศาสนามาผสมกับความสยองขวัญ แล้วก็ดำเนินในแนวทางสืบสวนสอบสวนได้อย่างสนุก แถมยังให้ความหมายดี ๆ ไว้อีกด้วย

หนังทั้งสองเรื่องนี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า เกาหลีเขามีความแยบยลในการนำปรัชญาศาสนามาเล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิงเพียงไร

The 8th Night แม้จะทำให้เห็นว่าเป็นหนังผี แต่ผีที่เห็นก็ไม่เป็นผีแบบที่ลอยไปลอยมา เขาใช้คนที่ถูกผีสิงมาเป็นตัวละครแทน ดังนั้นความน่ากลัวความสยองขวัญในแบบหนังผีมันจึงไม่มีให้เห็นในหนังเรื่องนี้ มันอาจจะมีอยู่บ้างเช่นการทำให้คนที่ถูกผีสิงนั้นยิ้มออกมาในแบบหลอน ๆ เท่านั้นเอง แล้วเขาก็ไปเล่นความน่ากลัวกับศพแต่ละศพโดยที่เราเห็นเพียงแวบเดียวเท่านั้น จุดนี้หากใครที่ชอบความสยองขวัญคงมีผิดหวัง

โดยส่วนตัวแล้วที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือการดู The 8th Night ก็ทำให้คิดถึงบรรยากาศของหนังแนวปราบผีของยุค 80 กับ 90 ได้ไม่น้อย เพราะในหนังเรื่องนี้มีทั้งการปราบผีในการใช้ของขลังอย่างยันต์ ลูกประคำ อาวุธวิเศษ  รวมถึงมีการค่ายกลอะไรทำนองนี้อยู่ด้วย แถมยังมีบรรยากาศของความเป็นอาจารย์ลูกศิษย์ ที่รับสืบทอดหน้าที่ในการปราบผีอีกด้วย ใครโตขึ้นมากับหนังแนวนี้รับรองว่าน่าจะไม่ผิดหวัง

หนังมีการเปิดเรื่องด้วยตำนานศาสนาที่น่าสนใจ และเราก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าตำนานนั้นเป็นตำนานที่มีการเล่าขานกันจริงหรือไม่ แต่ประเด็นก็คือเขาทำให้เห็นว่าอำนาจของผีหรือปีศาจนั้นมีความน่ากลัวมาก ถึงขนาดที่ว่าพระพุทธเจ้าจะต้องมาปราบปีศาจตนนี้ด้วยตนเอง แต่พอเมื่อเข้ามาอยู่ในตัวของเนื้อภาพยนตร์แล้ว เขาก็ไม่แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าความน่ากลัวหรืออำนาจของปีศาจนั้นมันมากมายขนาดไหน มันถึงขนาดที่จะทำให้โลกนี้ล่มสลายอย่างไร จุดนี้ทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักมันไม่ค่อยเพียงพอ แถมจุดจบของเรื่องรวมถึงปลายทางของปีศาจร้าย ผมมองว่ามันง่ายเกินไป มันไม่สมศักดิ์ศรีกับผีหรือปีศาจที่มีอำนาจมานานนับพันปี

เรื่องความเข้มข้นก็ถือว่าทำพอใช้ได้ มีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างดี การโยงสิ่งต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปในรอยเดียวกันถือว่าทำได้ดี แถมยังมีจุดหักมุมของเรื่องที่ทำได้อย่างน่าสนใจ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น โดยส่วนตัวแล้วความดีทั้งหมดของหนังก็ต้องขอยกให้กับปรัชญาของเรื่อง โดยที่เขาแปลความสัญลักษณ์ดวงตาสีนิลกับดวงตาสีเลือดเอาไว้ว่า

ดวงสีนิล คือความว้าวุ่นใจ ความกังวลใจ ความไม่สบายใจต่าง ๆ ส่วนดวงตาสีเลือดก็เปรียบเสมือนกับกิเลส ตันหา หาคนเรา ในโลกมีดวงตาทั้ง 2 สี ก็เหมือนกับว่าโลกที่คนเป็นและคนตายต่างใช้ชีวิตอยู่ในความสิ้นหวัง ติดอยู่ในห้องโซ่แห่งกิเลสและความว้าวุ่น และนั่นโลกก็ไม่ต่างกับนรกนั่นเอง

และ ถ้าหากเราดับกิเลสและความว้าวุ่นใจได้ ก็เปรียบเสมือนว่าเราหลุดพ้นจากความมืดไปสู่ที่สว่างดังที่ถ้อยคำในภาพยนตร์กล่าวว่า

เมื่อความมืดมิดยิ่งดิ่งลึก แสงสว่างก็ยิ่งส่องประกาย
ถ้ากิเลสหนาการหลุดพ้นก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น

ดังนั้นการที่ปีศาจดวงตาสีนิลและปีศาจดวงตาสีเลือด มันก็เหมือนกับดวงตาของมนุษย์ที่มองไม่เห็นทางสว่าง เห็นแต่ความลุ่มหลงอยู่ในกามารมณ์ เห็นแต่ในกิเลสตัณหา ยึดอยู่กับความวุ่นวายใจไม่สบายใจ แล้วถ้าหากดวงตาเห็นธรรมได้ เราก็จะรอดพ้นจากปีศาจ และไม่ได้อยู่ในนรกนั่นเอง

7/10


@SuperReviewChannel 
#The8thNight2021

หมายเลขบันทึก: 691343เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2021 08:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม 2021 08:32 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ตอนต้นของหนังเป็นภาษาอะไรคะ ฟังดูไม่เหมือนภาษาเกาหลีค่ะขอบคุณค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท