แม้ว่า ธศ. จะไม่เอาพพจ. และ พระสงฆ์ เป็นสรณะ อีกต่อไป แต่ท่านไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เราจะทำการโยกท่านไปอยู่ในหิ้งของ พระปูชนียบุคคล คือบุคคลที่สมควรได้รับการกราบไหว้บูชา แบบนี้ก็น่าจะพออยู่กันได้แบบไม่ขัดแย้งกันมากนักระหว่างธศ. กับพศ.
ยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องปรับคือเรื่อง สมุหทัย (ต้นเหตุแห่งทุกข์) สมค.สอนว่าคือ ตัณหา การจะดับทุกข์ก็ต้องดับที่ต้นเหตุ ซึ่งก็คือ การดับตัณหา นั่นเอง โดยพศ. แยกตัณหาเป็น ๓ คือ กามตัณหา ภวตัณหา และ วิภวตัณหา
แต่ในธรรมศาสน์นี้เราได้บอกแล้วว่าชีวิตเป็นสุข แต่แล้วสาเหตุแห่งสุขก็คือตัณหาเช่นเดียวกันกับ พศ. และในธศ.นี้เราจะจำแนกตัณหาเป็น ๓ คือตัณหาดำ ตัณหาขาว และตัณหาใส หนทางดับสุข/ทุกข์ของเราคือการดับตัณหาดำ และขาว ให้เหลือแต่เพียงตัณหาใส ที่เปล่งแสงสุขสกาวให้แก่ผู้ที่หวังสันติสุข และเป็นพลังที่จะขับเคลื่อนให้ผู้บรรลุธรรมแล้วใช้เป็นกำลังในการทำงานแบบใสๆ อีกต่อไป
---คนถางทาง..๙ มีค. ๖๔
ไม่มีความเห็น