ข้อมูลข่าวสารเปรียบเสมือนฝุ่นควันบาง ๆ ที่มาปกคลุมจิตใจ
จิตใจของมนุษย์นั้นประภัสสร แต่ด้วยกิเลสที่จรเข้ามาทำให้ความโลภ ความโกรธ ความหลงเข้ามาครอบครองกระบวนการคิด จนแปรเปลี่ยนเป็นการกระทำและคำพูด
การชำระล้างกิเลสที่ปกคลุมจิตใจนี้ต้องใช้ศีล ๕ เป็นเบื้องต้น ถ้าจิตใจเข้มแข็งขึ้นมาก็ใช้ศีล ๘ เข้ามาชำระล้างออกไป
ทุกวันนี้เรามองไปทางไหน นักการตลาดผู้ชาญฉลาดก็พยายามยัดเยียดข้อมูลข่าวสารเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้าไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง
หากป้อมปราการทางจิตใจไม่เข้มแข็ง เราก็ย่อมถูกข้อมูลข่าวสารถาโถม อยากได้ อยากมี อยากเป็นตามสิ่งซ่อนเร้นในข่าวสารเหล่านั้น
สติสัมปชัญญะจึงเป็นป้อมปราการทางใจที่สำคัญ สามารถป้องกันมหันภัยที่จะเข้ามาสู่ใจของเราได้อย่างแท้จริง
เมื่อตากระทบรูปเราต้องมีปัญญา หูได้ยินเสียงใด ๆ เราต้องมีปัญญา จมูกกระทบกลิ่นใด ๆ เราต้องมีปัญญา ลิ้นได้รับสัมผัสสิ่งใดเราต้องมีปัญญา ร่างกายได้กระทบสัมผัสเย็น ร้อน อ่อนแข็ง เราต้องมีปัญญา ความสุข ความทุกข์ ความโกรธ ความเกลียดเกิดขึ้นแก่เราเมื่อใดเราต้องมีปัญญา...
เมื่อมีปัญญาแล้ว สติสัมปชัญญะจะแยกแยะดีชั่ว ถูกผิด สิ่งใดไม่มีประโยชน์ รู้แล้วก็แล้วไป สิ่งใดมีโทษรีบถอยห่างออกมา
ข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันทำให้เราโลภก็ได้ โกรธก็ได้ หลงก็ได้ หากเราไม่มีสติสัมปชัญญะที่เข้มแข็งเพียงพอ ก็เท่ากับเรารอวันที่จะตกเป็นเหยื่อของผู้ที่หวังผลประโยชน์กับเรา
การฝึกสติสัมปชัญญะเริ่มต้นเราต้องฝึกที่กาย เพราะจิตใจนั้นเป็นนามธรรม ไม่มีตัวไม่มีตน เราต้องนำกายมาเป็นเครื่องฝึก
นำกายมาทำความดี บำเพ็ญบารมี สร้างคุณธรรม
เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการขยับเขยื้อนร่างกาย อยู่ที่บ้านก็กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างห้องน้ำ ทำกับข้าว ให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อน เพื่อออกกำลังกายอย่างหนึ่ง และลดการใช้โทรศัพท์มือถืออีกอย่างหนึ่ง
เมื่ออยู่ที่ทำงาน เดินขึ้นบันไดได้ก็เดิน เดินอย่างมีสติ ให้การปฏิบัติธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับการปฏิบัติงาน ขยับเขยื้อนร่างกายให้มากขึ้น เดินให้มากขึ้น ลดการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เท่าที่เป็นไปได้
ใช้เหงื่อเป็นการขับพิษทางผิวหนัง แล้วเพิ่มพลังใจด้วยการให้ การเสียสละ จะเป็นการลดละความโลภ ความโกรธ ความหลงทางจิตใจ
ไม่มีความเห็น